ซ่งชูอีต้องถอนหายใจกับการกระทำของสู่อ๋อง นี่เพียงผ่านมาไม่กี่วันเท่านั้น บรรดาสาวใช้แสนสวยรอบตัวเขาล้วนถูกแทนที่ด้วยเด็กหนุ่มรูปงามขาวผ่อง
ซ่งชูอีถามตัวเองก็ยังพอมีประสบการณ์อยู่บ้าง ทว่าการเปลี่ยนรสนิยมฉับพลันยิ่งยวดเช่นนี้ก็ยังทำให้นางประหลาดใจ
“ช่วงนี้อารมณ์ของฝ่าบาทเป็นเยี่ยงไรบ้าง?” ซ่งชูอีกวาดตามองไปยังสองเด็กหนุ่มที่ขนาบข้างซ้ายขวา มีการเย้าแหย่พอเหมาะในน้ำเสียง
“ผ่อนคลายได้น่าสนใจดี” สู่อ๋องออกมาจากในน้ำ มีบ่าวเข้ามาช่วยเขาเช็ดตัวและคลุมเสื้อนอกให้ทันที เขายิ้มมองนางพร้อมเอ่ย “หรือว่าท่านก็เข้าใจในรสชาตินี้อย่างลึกซึ้ง?”
สมองของซ่งชูอีทำงานอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายหมอก นิ่งไปครู่หนึ่งก็มองตรงไปยังสู่อ๋องด้วยดวงตาโก่งยิ้มน้อยๆ ยิ้มกว้างเอ่ย “มิกล้าปิดบังฝ่าบาท เมื่อก่อนหวยคินทำการค้าขายทาส ไม่รู้ว่าส่งคนรูปงามไปยังจวนของขุนนางชั้นสูงมากเท่าใดแล้ว”
คำพูดนี้เหมือนเป็นการตอบ ทว่าที่จริงกลับมิได้ตอบเลย อีกทั้งสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของสู่อ๋องตามคาด
สู่อ๋องดวงตาเป็นประกาย ตามปกติแล้วแม้นฮองเฮาจะเสาะหาหญิงงามมาให้เขามากมาย แต่ล้วนเป็นสตรีชาวสู่ ได้เห็นเข้าบ่อยครั้งก็รู้สึกเบื่อหน่ายบ้าง “ได้ยินว่าสาวชาวฉู่องค์เอวบอบบาง จับได้เพียงมือเดียว จริงรึ?”
“เอวฉู่ไม่เกินหนึ่งมือ มีคำกล่าวเช่นนี้” ซ่งชูอีเห็นว่าสู่อ๋องสนใจประสบการณ์ด้านนี้ของนางมาก จึงพูดต่อ “ฉินดุร้าย เยวี่ยสวยงาม สตรีฉีน่าหลงใหล สตรีฉู่เครื่ององค์งดงาม เยี่ยนอ่อนโยนเจ้าออดอ้อน เว่ยบอบบาง หานอวบอิ่ม”
“หวยจินเล่ามาให้ละเอียด” ครั้นกล่าวถึงสตรี สู่อ๋องก็ลืมสิ้นทุกสิ่ง
ซ่งชูอีหัวเราะเอ่ย “นิสัยของสตรีชาวฉินมุทะลุดุดัน รัฐเยวี่ยงดงามโดดเด่น สตรีชาวฉีจิตใจดีงามน่ารักใคร่ สตรีชาวฉู่แต่งองค์เพริศแพร้ว สตรีชาวเยี่ยนอ่อนโยนดุจสายน้ำ สตรีชาวเจ้าออดอ้อนน่ารัก สตรีชาวเว่ยละเอียดอ่อนบอบบาง สตรีชาวหานทรวดทรงอวบอั๋น”
“ช่างเป็นบุปผานานาพันธุ์โดยแท้!” สีหน้าของสู่อ๋องเต็มไปด้วยความโหยหา
“ออกนอกเรื่องกันไปไกลแล้ว ที่หวยจินมาวันนี้เพราะได้รับการไหว้วานจากใต้เท้าเหิงเพื่อมาเกลี้ยกล่อมฝ่าบาท” ซ่งชูอียิ้มเอ่ย
สู่อ๋องขมวดคิ้ว พ่นลมหายใจเย็นชา “ดูซิว่ากว่าเหรินจะจัดการเขาเยี่ยงไร”
ใบหน้าของซ่งชูอีขมวดกันเป็นปม “เพราะกระหม่อมใส่ร้ายใต้เท้าเหิงแท้ๆ! ที่จริงการมาเกลี้ยกล่อมก็เป็นเจตนาเดิมของกระหม่อม บัดนี้ปาฉู่ทำสงคราม ฝ่าบาทต้องเฝ้าระวังการโรมรุกบุกตะลุยของรัฐฉู่ หวังเฉิงก็ไม่ควรผ่อนคลายการป้องกัน”
“ฮ่าฮ่า!” สู่อ๋องมองดูสีหน้าเป็นทุกข์ของนาง เอ่ยอย่างอารมณ์ดียิ่ง “สงครามระหว่างปาฉู่ กว่าเหรินจะไม่เก็บมาใส่ใจได้เยี่ยงไร? เพียงแต่ชายชราเหล่านั้นจู้จี้จุกจิกตลอดทั้งวัน จำต้องเพิกเฉยต่อพวกเขาบ้าง”
“ฝ่าบาททรงพระปรีชา” ซ่งชูอีรีบประจบประแจง ในใจกลับดูแคลนเหลือประมาณ ‘ฝ่าบาทใส่ใจทว่าก็ยังส่งคนสามหมื่นนายเพื่อตามหาชายหนุ่มคนหนึ่ง!’ นางไอเบาๆ ทีหนึ่ง สงบจิตใจแล้วเอ่ยขึ้น “รัฐสู่อุดมสมบูรณ์ ชาวสู่เก่งกาจด้านการสู้รบ อย่าว่าแต่จะจัดการกับสงครามเล็กน้อยนี้เลย แม้แต่การแข่งขันกับจงหยวนก็ยังเป็นไปได้ แม้ว่าหมิ่นฉือหน้าตาดี ทว่าจะสู้ทัสนียภาพที่งดงามได้เยี่ยงไร?”
ใช่ว่าสู่อ๋องไม่เคยคิดถึงเรื่องการแข่งขันกับจงหยวน “หวยจินกล่าวได้ถูกต้อง! ทว่าการอยากเข้าไปในจงหยวนมิใช่เรื่องที่ทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น แม้นว่ากว่าเหรินก็ต้องการที่จะยึดครองใต้หล้า ทว่าช่วยไม่ได้ที่สละเวลาไม่ได้จริงๆ”
ซ่งชูอีรู้สึกว่าตนมีความรู้แค่หางอึ่งหูตาคับแคบอีกครั้ง นางยังไม่เคยได้ยินองค์จวินรัฐใดบอกว่าไม่สามารถสละเวลาเพื่อแย่งชิงใต้หล้าได้!
หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง สู่อ๋องกล่าวอย่างระมัดระวัง “ฉะนั้นภายใต้การพิจารณาอย่างลึกซึ้งของกว่าเหรินแล้ว ตัดสินว่าจะพยายามหาเด็กชายมาให้มากเพื่อวางรากฐานให้รัฐสู่ในการชิงชัยกับจงหยวน”
สิ้นวาจาก็มองไปยังที่ไกลๆ พร้อมถอนหายใจเอ่ย “หนทางอีกยาวไกล ยากลำบากเหลือเกิน!”
ซ่งชูอีแสยะยิ้ม ค้อมคำนับต่ำ “ฝ่าบาทวางแผนรอบคอบคิดการณ์ไกล หวยจินยากที่จะตามทัน!”
“เฮ้อ ซ่งชูอีเจียมเนื้อเจียมตัวเกินไปแล้ว นอกเหนือจากจวงจื่อแล้ว มีท่านที่กว่าเหรินคุยถูกคอที่สุด” เอื้อมมือประคองนางขึ้น “ทว่าสิ่งที่หวยจินต้องการจะเตือนสติก็คือ ชายหนุ่มรูปงามไม่สามารถคลอดลูกได้ ใช้กองกำลังสามหมื่นนายเพื่อตามหาคนคนหนึ่งเป็นการกระทำผิดต่อบ้านเมือง กว่าเหรินควรจะใช้เวลากับสตรีมากกว่าใช่หรือไม่”
“ถูกต้องพะย่ะค่ะ บุรุษเพศเป็นเพียงการทดลองสิ่งของแปลกใหม่ ไม่อาจหลงใหล ชาติบ้านเมืองมีความสำคัญยิ่งกว่า” ซ่งชูอีกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
สู่อ๋องพยักหน้า จากนั้นก็กล่าวขึ้น “หวยจินมาเป็นขุนนางให้รัฐสู่ดีหรือไม่? กว่าเหรินจะแต่งตั้งให้ท่านเป็นขุนนางใหญ่”
ซ่งชูอียิ้มเอ่ย “ขุนนางระดับสูงน่าดึงดูดจริงๆ ทว่าหวยจินมีความละโมบเล็กน้อย หากจบการเดินทางไปยังภูเขาและแม่น้ำที่มีชื่อเสียงแล้ว หนึ่งปีครึ่งให้หลังค่อยคิดเข้ารัฐสู่เพื่อเป็นขุนนาง ไม่ทราบว่าฝ่าบาทยังจะรับหรือไม่?”
“ฮ่า หวยจินตรงไปตรงมาดี กว่าเหรินชอบ ไว้เจ้ากลับมาในภายภาคหน้า กว่าเหรินจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเจ้า” สู่อ๋องหัวร่อเสียงดัง
“อีกอย่าง…” ซ่งชูอีราวกับกำลังครุ่นคิด “ใต้เท้าเหิงมีความจงรักภักดีต่อฝ่าบาท อุทิศตนเพื่อรัฐสู่ ได้โปรดฝ่าบาทงดเว้นการลงโทษด้วย”
“ในเมื่อหวยจินร้องขอ กว่าเหรินก็จะไม่ลงโทษเขา ไปเถิด ดื่มสุรากัน” สู่อ๋องหมุนตัวเขาท้องพระโรงไป
ทั้งร่างกายของซ่งชูอีถูกไอร้อนรมควันจนเปียกชื้น ครั้นออกจากบริเวณอ่างน้ำร้อนแล้วก็รู้สึกเย็นสบายขึ้นมาบ้าง
สู่อ๋องนั้นมักมากในสุราและกามอารมณ์นับตั้งแต่ที่เขาขึ้นครองราชย์ บัดนี้เข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ร่างกายค่อนข้างกำยำ ต้องบอกว่าบำรุงได้อย่างเหมาะสม ทว่าบาดแผลบนร่างกายของซ่งชูอียังไม่หายดี จึงมิกล้าสนุกสำราญกับเขาตลอดทั้งวัน อีกทั้งอารมณ์ของสู่อ๋องขึ้นลงง่ายเกินไป ไม่แน่ว่าวันใดอารมณ์ดีอาจสรรหานางกำนัลให้นางก็เป็นได้
ที่จริงซ่งชูอีมิได้รังเกียจว่าจะมีนางกำนัลหรือไม่ ประเด็นสำคัญคือหากเรื่องที่นางไม่ใช่บุรุษแพร่งพรายออกไป อนาคตของนางก็น่ากังวลแล้ว
ฉะนั้นวันรุ่งขึ้นซ่งชูอีจึงขอให้จูเหิงจัดหาผู้นำทางให้ จากนั้นนาง จี๋อวี่ จี้ฮ่วนและเว่ย์เจียงก็ออกท่องภูเขาลำน้ำของรัฐสู่ด้วยกัน
เนื่องจากจูเหิงรู้ว่าซ่งชูอีกล่าวว่าเขามีความจงรักภักดีต่อหน้าสู่อ๋อง ความประทับใจที่เขามีต่อซ่งชูอีจึงดีขึ้นเล็กน้อย และทุ่มเทในการหาผู้นำทางเป็นอย่างยิ่ง
ภายในพระตำหนักสู่อ๋อง
สู่อ๋องเอนตัวอยู่บนเตียงด้วยมือข้างหนึ่งหนุนศีรษะ มองดูภาพวาดหญิงงามที่มีลักษณะราวกับเทพธิดาบนกำแพงตรงหน้า ทว่าสิ่งที่ถามออกมากลับไม่เกี่ยวข้องกับสตรีเพศเลย “สืบแล้วยัง?”
“พะย่ะค่ะ” จูเหิงที่ยืนอยู่ในท้องพระโรงทูลรายงาน “เดิมทีซ่งหวยจินเป็นแขกที่ปรึกษาในจวนของท่านแม่ทัพหลงกู่แห่งรัฐเว่ย์ ต่อมาเข้ารัฐฉิน ได้เป็นจู่ซย่าสื่อแห่งรัฐฉินตั้งแต่อายุยังน้อย ฉินกงค่อนข้างให้ความสำคัญ คราวนี้เขาจากรัฐฉินมา ฉินกงยังส่งกลุ่มผู้คุ้มกันเข้าคุกด้วยความโกรธเคือง”
“ให้สายสืบจับตาดูเขาให้ดี มีอะไรผิดปกติให้มารายงานทันที” สู่อ๋องกล่าว
“ฝ่าบาท ปาฉู่เปิดสงคราม บัดนี้พวกเราจะทำการค้าขายกับรัฐฉิน หัวใจของกระหม่อมไม่ใคร่สงบนัก” จูเหิงกล่าวด้วยความเป็นกังวล
“อย่าได้กังวล พวกเขาในจงหยวนมีกฎเกณฑ์ซับซ้อน ไปๆ กลับๆ ก็ต้องใช้เวลาสองถึงสามเดือน หากจะค้าขายกันจริงๆ เกรงว่าจะอีกครึ่งปีให้หลัง กว่าเหรินไม่เชื่อว่าปาฉู่จะทำสงครามกันถึงหนึ่งปี?” สู่อ๋องลูบเคราที่คางของเขา ดวงตายังคงไม่ละไปจากภาพวาดบนผนัง “รอจนหญิงงามนางนั้นมาแล้ว กว่าเหรินชื่นชมสักสองเดือน ระหว่างที่พวกเจ้าปรึกษากันไปปรึกษากันมาพบกว่าการค้าระหว่างสู่ฉินติดขัดไม่ราบรื่นก็ค่อยถอนตัวไงเล่า!”
จูเหิงลอบซับเหงื่อ “ฝ่าบาททรงพระปรีชา”
สู่อ๋องโบกนิ้วที่หยาบและสั้น จูเหิงรีบค้อมคำนับแล้วถอยออกไป
แสงแดดแจ่มใส
อาจเป็นเพราะช่วงก่อนหน้านี้มีฝนตกมาก หลายวันนี้อากาศจึงดีเป็นพิเศษ ฤดูหนาวในรัฐสู่อบอุ่นกว่าในหล่งซีมาก อย่างน้อยก็ไม่มีลมแรง หลายวันนี้ซ่งชูอีไม่ใส่ใจเรื่องการปกครองใดๆ ราวกับว่าไปท่องเที่ยวจริงๆ อีกทั้งไม่ถามถึงถนนหนทางของรัฐสู่ เพียงแต่ให้ความสนอกสนใจต่อประชาชนและประเพณีทางสังคม