อวี๋หมิงหลางหยุดเปิดคลื่นรบกวนแล้วโทรศัพท์
“นายเอาอุปกรณ์สะเดาะกลอนมาที่บ้านฉันภายในสิบห้านาที ช้าเพียงหนึ่งวิยาทีฉันจะหักแต้ม หักหมดเมื่อไรก็ไสหัวไปได้เลย”
“ตอนนี้เป็นช่วงหยุดของผม”
“บ่นอีกจะหักแต้ม เหตุผลคือกล้าเถียงหัวหน้า”
“…f…k”
“หักหนึ่งแต้ม”
อีกฝ่ายรีบวางสาย แต่เสี่ยวเชี่ยนพอนึกได้ว่าปลายสายโมโหแค่ไหน
“ใครน่ะ”
“สมาชิกใหม่ทีมเทคนิคของพวกเราชื่อเหยียนอวี้ เขาจบปริญญาโทด้านออปโตอิเล็กทรอนิกส์”
สะเดาะกลอนแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเหยียนอวี้
“ตกลงนายจะบอกความลับสุดยอดอะไรกับฉัน”
“คนผมทองที่อยู่บ้านตรงข้ามดูผิดปกติ ส่วนรายละเอียดรอเหยียนอวี้มาก็รู้เอง”
“สีหน้าของนายบอกฉันว่า นายชอบเขามาก” เสี่ยวเชี่ยนจับทางอวี๋หมิงหลางได้ ถ้าเขาถูกใจทหารคนไหนก็จะทรมานให้ถึงที่สุด ถ้าคนไหนเขาไม่ชอบก็จะทำตัวเฉยๆ
พอพูดถึงทหารคนนี้อวี๋หมิงหลางก็เอามือถูกกัน เห็นได้ชัดว่าชอบมาก
“ไอ้หมอนี่พอจบปริญญาโทจากโรงเรียนทหารก็ได้ยศร้อยเอก อวดเก่งมาก แต่ก็เก่งจริง จัดอยู่ในประเภทอัจฉริยะที่ด้านเทคโนโลยีระดับสูงที่ทหารหน่วยรบพิเศษขาดไม่ได้ ผมเล็งเขาไว้แล้ว”
“เล็งเขาไว้แต่กลับยั่วโมโหเขาขนาดนี้”
“อัจฉริยะการศึกษาสูงย่อมมีความอวดดีในตัวเอง ถ้าไม่เล่นของจริงให้ดูเพื่อดึงดูดเขาไว้ ไม่แน่อีกหน่อยเขาอาจไม่อยู่กับผม ความอวดเก่งของเขาเป็นช่องทางให้เขาก้าวหน้าได้แต่ก็เป็นอุปสรรคได้เหมือนกัน ผมต้องลดความอวดเก่งของเขาเหลือไว้แค่ความเก่ง”
“ทำไมนายเรียนจบได้ยศพันตรี แต่เขาได้ร้อยเอก” เสี่ยวเชี่ยนลงรายละเอียด
“โรงเรียนทหารจบปริญญาโทได้ยศร้อยเอก ปริญญาเอกได้ยศพันตรี ผมจบปริญญาโทสองใบเลยได้เทียบเท่าคนจบเอก”
ที่แท้ก็แบบนี้
อวี๋หมิงหลางจับเวลาจริง เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกสงสารทหารคนที่อวี๋หมิงหลางถูกใจเข้าแล้ว
“จากค่ายนายขับรถมาที่นี่เร็วสุดก็สิบห้านาทีไหม เขายังต้องออกมาหารถ หาบ้านเรา พอเข้าเขตหมู่บ้านก็ต้องลดความเร็ว จะมาทันเหรอ”
“ทัน สมองไอ้หมอนี่เหมือนคอมพิวเตอร์ แผนที่เมืองเหมือนถูกสแกนไว้ในสมอง เขาสามารถหลบถนนที่การจราจรแออัดรวมถึงกล้องตรวจจับความเร็วเพื่อมาให้ทันได้ ผมคำนวณจากความเร็วที่เร็วที่สุดของเขา คำนวณระยะห่างจากบ้านเราไปโรงพยาบาล ผู้หญิงผมทองคนนั้นไวสุดก็คงยี่สิบนาทีถึงจะกลับมา เหยียนอวี้มีเวลาห้านาทีในการเปิดประตู ตอนที่ไอ้หมอนี่คุยโม้ผมไปได้ยินพอดี เขาบอกว่าไม่มีกลอนแบบไหนที่เขาเปิดไม่ได้ ถ้าเขาเปิดไม่ได้ผมจะหักแต้ม”
“…กลอนนั่นคนปกติใช้เวลาเท่าไร”
“ก็คงหลายชั่วโมงมั้ง แต่เขาไม่ใช่คนปกติ จะเอามาเทียบกันไม่ได้ หน่วยรบพิเศษไม่มีภารกิจที่ทำไม่ได้”
หลายชั่วโมง…แต่นี่เขาให้ลูกน้องใช้เวลาห้านาที
เสี่ยวเชี่ยนสงสารทหารจบปริญญาโทคนนี้ที่ถูกอวี๋หมิงหลางจับจ้องจังเลย
สิบสี่นาทีสิบวินาทีเหยียนอวี้ก็วิ่งหอบมาถึง อวี๋หมิงหลางมองนาฬิกาแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ
“พอไหว”
เหยียนอวี้ถลึงตามองอวี๋หมิงหลางประหนึ่งอยากกินหัว ไอ้คนหน้าด้าน เขาเกือบถูกตำรวจเรียก นี่แถบจะบินมาแล้วเนี่ย
“เรียนรักษาการหัวหน้า เหยียนอวี้หมายเลขหกสิบเก้ารายงานตัวครับผม”
“ไปสะเดาะกลอนเปิดประตูภายในห้านาที”
“เรียนรักษาการหัวหน้า ถ้าเปิดไม่ออกจะเป็นไงครับ” เหยียนอวี้ลองเปิดดูแล้วก็พบว่ามันไม่ธรรมดา
อวี๋หมิงหลางยิ้มหวานออกมา
“ตำรวจคนนั้นก็จะเชิญนายไปดื่มน้ำชาไง ทหารปริญญาโทโรงเรียนทหารมางัดบ้านคนอื่น ไม่แน่อาจได้ขึ้นศาลทหารด้วย”
เสี่ยวเชี่ยนยืนอยู่ข้างๆมองคนดวงซวยด้วยความสงสาร ถึงเด็กคนนี้จะไม่พูดอะไร แต่สีหน้าแสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าต้องการด่าอวี๋หมิงหลาง ไปตายไป
“ผมขอถามครับ ทำไมต้องให้ผมมางัดบ้านของชาวบ้านด้วย” เหยียนอวี้ถาม
“ทำตามคำสั่ง นายเสียเวลาไปหลายนาทีแล้ว”
“ผมขอปฏิเสธการทำเรื่องแบบนี้ ต่อให้คุณยกเลิกใบอนุญาตของผม ผมก็ไม่มีทางงัดบ้านของชาวบ้าน ผมไม่เข้าหน่วยเสินเจี้ยนก็ได้ แต่หลักการไม่เคยเปลี่ยน”
“นายไม่งัดบ้านคนทั่วไป แต่ถ้านี่เกี่ยวพันถึงสปายระดับนานาชาตินายจะงัดไหม” เสี่ยวเชี่ยนอธิบาย อวี๋หมิงหลางเหลือบมองเธอ “เมียจ๋า ทำไมพูดมากแบบนั้น”
“พวกคุณพูดถึง—” เหยียนอวี้อึ้ง
“นายเสียเวลาไปสามสิบกว่าวินาทีแล้ว เดี๋ยวถ้าเจ้าของบ้านกลับมาจะทำเสียงานใหญ่”
เหยียนอวี้ไม่พูดอะไรอีก ตั้งหน้าตั้งตาสะเดาะกลอน เขามีกล่องอุปกรณ์ขนาดเล็กแบบพิเศษ ภายในนั้นมีเครื่องมือครบครัน
“เขาเก่งมากเลยนะ” เสี่ยวเชี่ยนยืนดูเหยียนอวี้สะเดาะกลอนพลางพูดด้วยความนับถือ
“หน่วยเสินเจี้ยนของเราไม่เลี้ยงคนไม่ได้เรื่อง”
อวี๋หมิงหลางปากร้าย แต่ภายในใจนั้นยอมรับในความสามารถของเหยียนอวี้ เมื่อเทียบกับทหารหน่วยรบพิเศษที่เลือกมาจากที่อื่นแล้ว ความสามารถทางด้านร่างกายของเหยียนอวี้อาจจะด้อยกว่าบ้าง แต่ในเรื่องสมองกลับโดดเด่น เป็นคนอัจฉริยะมากความสามารถเหมือนกัน แต่เหยียนอวี้มาคนละสายกับอวี๋หมิงหลาง อวี๋หมิงหลางเป็นนักบัญชาการกับมือสไนเปอร์ ส่วนเหยียนอวี้สายเทคนิคอุปกรณ์ครบครัน ด้านร่างกายฝึกกันได้ แต่เรื่องสมองได้มาแต่กำเนิด”
เวลาค่อยๆผ่านไป เหยียนอวี้ก็ยังเปิดไม่ได้ กลอนแบบนี้ช่างทั่วไปยังใช้เวลาตั้งหลายชั่วโมง เขาเริ่มเครียด ทำไปถามอวี๋หมิงหลางไป
“รักษาการหัวหน้าครับ ถ้าผมเปิดไม่ได้จะสร้างความเสียหายอะไรให้กับประเทศครับ”
“ช้าไปหนึ่งนาทีจะมีคนแจกจ่ายอาวุธให้กับพวกค้ายาชายแดน เพื่อนทหารที่ประจำการอยู่ชายแดนก็จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น”
เหยียนอวี้เม้มปากแน่น ตั้งใจทำงานต่อ
เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันอย่างหนักหน่วง
ใกล้ถึงห้านาทีแล้ว ในที่สุดเหยียนอวี้ก็เปิดประตูได้
เขาเช็ดเหงื่อที่จมูกแล้วพยักหน้าให้อวี๋หมิงหลาง
และเวลานี้ตรงหน้าลิฟท์ขึ้นว่าลิฟท์กำลังลง มีคนกำลังจะขึ้นมา ไม่รู้ว่าใช่สาวผมทองหรือเปล่า
อวี๋หมิงหลางรีบเข้าไปในบ้าน พอเข้าไปก็มุมปากกระตุก
ในบ้านรกรุงรังมาก…ยากที่จะจินตนาการได้ว่านี่เป็นบ้านของผู้หญิง ทำได้สกปรกขนาดนี้นับว่าเทพมาก
อวี๋หมิงหลางรีบกวาดตามองห้องที่มีกำแพงติดกับห้องเสี่ยวเชี่ยน แล้วเขาก็พบอุปกรณ์ดักฟังตามคาด
นอกจากนี้ยังมีหนังสือเล่มหนึ่ง อวี๋หมิงหลางเปิดดู เป็นอัลบั้มรูปของประมูล ในนั้นมีแต่ของโบราณ เขารีบจำข้อมูลพวกนั้นอย่างรวดเร็ว
มีหน้าหนึ่งที่ถูกพับมุมไว้ เป็นผลงานของเจิ้งป่านเฉียว แถมด้านข้างยังมีข้อความที่ถูกเขียนด้วยดินสอว่า เธอชอบ
ใครชอบ เสี่ยวเชี่ยนชอบ
สาวผมทองคนนี้ดักฟังเรื่องที่เสี่ยวเชี่ยนชอบภาพวาดใบนั้นอย่างแน่นอน แต่เธอจดสิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนชอบไว้ทำไมกัน
อวี๋หมิงหลางเห็นบนโต๊ะมีเครื่องเล่นเสียงแบบพกพาเขาจึงกดเปิด มีเสียงหมาหอนหมาเห่าดังออกมา เสี่ยวเชี่ยนที่ยืนอยู่ตรงประตูพอได้ยินเสียงหมาก็หรี่ตาเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“รักษาการหัวหน้าครับ เหมือนจะมีคนขึ้นลิฟท์มาครับ” เหยียนอวี้เตือนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
อวี๋หมิงหลางไม่ชักช้า รีบเดินออกมากับเหยียนอวี้ ก่อนปิดประตูเหยียนอวี้สังเกตเห็นอวี๋หมิงหลางเก็บเส้นผมขึ้นมาจากพื้น วางไว้ที่ประตู แล้วถึงถอยออกมา
เหยียนอวี้อดไม่ได้ที่จะชื่นชม รายละเอียดเล็กๆน้อยแบบนี้ขนาดเขายังนึกไม่ถึง ได้ยินว่ารักษาการหัวหน้าเป็นมือสไนเปอร์มาก่อน ความสามารถในการสังเกตเป็นเลิศจริงๆ ถึงภายนอกจะดูนิ่งเฉยมากก็ตาม