กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ – บทที่ 226 อ้อมกอดใต้แสงจันทร์

บทที่ 226 อ้อมกอดใต้แสงจันทร์

 รบกวนแล้ว ของสิ่งนี้มอบให้น้องสาว  สาวใช้ยัดปิ่นสีเขียวมรกตประกายน้ำใส่ในมือของหนิงยา

หนิงยาไม่เคยเห็นของดีเช่นนี้ ปิ่นในมือที่งดงามและปรานีตเช่นนี้จะต้องมีราคาสูงเป็นแน่ จึงรีบยัดปิ่นกลับไป  ข้ารับไว้ไม่ได้ 

สาวใช้ยัดกลับใส่มือของนาง  ของเล็กน้อย น้องสาวก็อย่าปฏิเสธเลย! 

พูดจบก็หอบแผ่นไผ่แล้ววิ่งกลับไปยังลานด้วยความรวดเร็ว ไม่ว่าหนิงยาจะตะโกนเรียกเท่าไรก็ไม่หันกลับมา

หนิงยาวิ่งตามไปถึงประตูลานด้านหลัง เดินวนเวียนไปมาอยู่หลายรอบ น้ำตาก็พรั่งพรูออกมา พลางเช็ดน้ำตาพลางเดินกลับไปยังห้องหนังสือ ทันทีที่เข้าห้องมาก็คุกเข่าลงตรงหน้าซ่งชูอีเสียงดัง เอ่ยสะอื้น  พี่สาวคนสนิทของแม่นางเจินยัดปิ่นอันหนึ่งให้บ่าว บ่าวไม่ต้องการทว่านางยังยืนกรานที่จะให้บ่าว หลังจากยัดใส่มือบ่าวก็วิ่งหนีไปแล้ว 

ซ่งชูอีกำลังเล่นหมากกับตัวเองพลางลูบลายเส้นที่สลักบนกระดาน ครั้นได้ยินหนิงยาร้องไห้อย่างแปลกประหลาด ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น  ให้เจ้าก็ให้เจ้าสิ จะร้องไห้ทำไม? 

 นางต้องการจะซื้อตัวบ่าว แต่ว่าบ่าวจะไม่มีวันหักหลังท่าน  หนิงยาคิดว่าตัวเองคิดอย่างสมเหตุสมผลมาก ปิ่นอันนี้อย่างน้อยก็มีมูลค่าหกถึงเจ็ดเตาปี้กระมัง? หากจะขายนาง นายก็ไม่ได้มีมูลค่ามากเพียงนั้น!

ซ่งชูอียื่นมือไปยังทิศทางของเสียงนาง

หนิงยารีบยื่นปิ่นนั้นด้วยสองมือทันที

ซ่งชูอีลูบๆ ยิ้มกว้างเอ่ย  แม่นางเจินช่างใจกว้างจริงๆ ปิ่นชิ้นนี้น่าจะมีมูลค่าอย่างน้อยยี่สิบเตาปี้ เจ้าก็เก็บไว้ให้ดีเถิด 

หนิงยาตะลึงงัน ยี่สิบเตาปี้สามารถซื้อนางได้หลายคนเลยเชียว! บัดนี้น้ำตายิ่งไหลหนักกว่าเดิม หากมีคนให้เงินมากก็แสดงว่าต้องการให้กระทำการใหญ่ หนิงยาเข้าใจข้อนี้ดี

ซ่งชูอีได้ยินหนิงยาร้องไห้ปานจะขาดใจ คิดว่าครั้งก่อนประเมินความสามารถในการแบกรับของแม่นางผู้นี้สูงเกินไปและทรมานนางอย่างโหดร้ายเกินไป บัดนี้แม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็กลับกลัวถึงเพียงนี้ ไม่ได้การเสียแล้ว  กลัวอะไรกัน ก็ไม่ได้บอกว่าเจ้าผิดเสียหน่อย ต่อไปหากมีคนนำของมีค่ามาให้เจ้าอีก เพียงแค่ยอมรับมันเป็นพอ ถ้าคนอื่นต้องการให้เจ้าเปิดโปงเรื่องของข้า เจ้าก็มาบอกข้า หากเจ้าคิดว่าเป็นสิ่งที่เปิดโปงได้? ก็เปิดโปงไป ส่วนของมีค่าพวกเราก็แบ่งกันคนละครึ่ง ว่าเยี่ยงไร? 

หนิงยาอึ้งไปครู่หนึ่ง จัดการกับความคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้า  แล้วหากว่าเปิดโปงไม่ได้ล่ะเจ้าคะ? 

 ก็เล่าเรื่องเท็จให้พวกเขาฟังแล้วเก็บเงินไว้! อย่างไรเสียพวกเขาต้องการรู้ข่าวอยู่แล้ว ก็มิได้กำชับเจ้าว่าต้องกล่าวความจริงเสียหน่อย  ซ่งชูอีกำลังชี้นำให้นางเรียนรู้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน

หนิงยารู้สึกว่ามีเหตุผล  แล้วหากว่ากำชับล่ะเจ้าคะ? 

 เช่นนั้นก็คืนเงินให้พวกเขาเสีย  ซ่งชูอียื่นปิ่นคืนให้นาง  เก็บไว้เถิด 

 ท่านเก็บไว้ดีกว่าเจ้าค่ะ  หนิงยาเอ่ย

 ข้าจะเก็บปิ่นของผู้หญิงไว้เพื่ออะไร เร็วเข้า อย่าชักช้า  ซ่งชูอีรู้สึกหมดความอดทนเล็กน้อย

หนิงยารีบรับไว้ ในใจรู้สึกว่าท่านก็คือท่าน กระทำการด้วยความยุติธรรมและเหมาะสม ต่อไปตนจะต้องตั้งใจเรียนรู้ จะทำให้ท่านโมโหไม่ได้

ซ่งชูอีสัมผัสร่องที่ขอบกระดานหมาก แล้ววางหมากสีดำลงไป

แสงอาทิตย์ค่อยๆ ลาลับและภายในห้องก็มืดมนลง บัดนี้การต่อสู้ของมังกรตัวขาวดำบนกระดานหมากกำลังพอฟัดพอเหวี่ยง เวลาครุ่นคิดของนางก็ยาวขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากตัวหมากถูกกินหลายครั้งเกินไป มีหลายตำแหน่งที่นางจำไม่ใคร่ได้แล้ว

นางจมดิ่งอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่รู้ว่าดวงอาทิตย์ได้สิ้นแสงและดวงจันทร์ขึ้นภูเขาทิศตะวันออกแล้ว อีกทั้งไม่ได้สังเกตเห็นเสียงผิดปกติในห้อง

ไม่รู้ว่ามีชายในเครื่องแต่งกายสีดำมายืนอยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อไร ดวงตานกอินทรีคู่หนึ่งจ้องมองไปยังร่างบอบบางตรงหน้ากระดานหมาก แสงจันทร์เยือกเย็นเล็กน้อย ทำให้ขมับที่มีหงอกแซมเบาบางดูขาวโพลนกว่าเดิม นางนั่งขัดสมาธิพร้อมค้อมตัวอยู่บนตั่งสูง นิ้วที่เรียวบางดังข้อไม้ไผ่กำลังลูบคลำร่องเว้าที่ขอบกระดานหมาก ก้มหน้าครุ่นคิด ใบหน้าของนางดูสามัญและสงบนิ่งภายใต้แสงสีขาวนวล

ไตร่ตรองครู่หนึ่ง นางก็ยกมือขึ้นสัมผัสตัวหมากบนกระดานหมากเบาๆ เอียงศีรษะเล็กน้อยพร้อมคิ้วขมวดกัน ราวกับพยายามหวนระลึกถึงอะไรบางอย่าง นิ้วสะบัดโดยบังเอิญทำให้ตัวหมากสองอันเคลื่อนที่ นางอึ้งไปสักพัก เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังขึ้นภายในห้อง

อย่างไรก็ดีนางไม่ยอมแพ้ ลูบคลำขอบกระดานอย่างระมัดระวัง ในความเป็นจริงอิ๋งซื่อได้วางตัวหมากคืนที่เดิมแล้ว

สองปีก่อน บุคคลที่อยู่ตรงหน้านี้เคยกล่าวว่าขณะที่นางประสบกับความยากลำบาก ขอเพียงมีภูเขาทอดยาว แม่น้ำไหลผ่าน สายลมโชยเอื่อย แสงจันทร์สว่างไสว ทัศนียภาพที่งดงามนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงิน ทว่าบัดนี้แม้แต่สิ่งหรูหราที่สุดที่นางสามารถเพลิดเพลินได้ก็…

แววตาของชายชุดดำสั่นไหวเล็กน้อย เดินเข้าไปข้างตั่ง ค้อมตัวกุมมือของนางที่ยังคงลูบสัมผัสอยู่

ซ่งชูอีตกใจเล็กน้อย ในมือถือตัวหมากที่เย็นชืด หลังมือมีมือใหญ่ที่ร้อนผ่าว

 ใครน่ะ?  น้ำเสียงของซ่งชูอีเยือกเย็นเล็กน้อย

 ข้าเอง  ทันใดนั้นเสียงเย็นที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น

ซ่งชูอีลุกขึ้นมาจากตั่ง ค้อมตัวให้เข้าเล็กน้อย  ถวายบังคมฝ่าบาท กระหม่อม…กลับมาโดยไม่ได้รับอนุญาต ได้โปรดฝ่าบาทลงโทษด้วย 

 ชิง[1]กล่าวอะไรน่ะ!  อิ๋งซื่อยื่นมือประคองนางให้ลุกขึ้น  ชิงยอมเสี่ยงตายเพื่อต้าฉิน บัดนี้ปาสู่อยู่เพียงเอื้อมมือ ชิงจะมีความผิดอันใด! 

ซ่งชูอียังไม่ทันจะเอ่ยปาก ก็กลับถูกโอบล้อมด้วยแขนทรงพลังคู่หนึ่ง อิ๋งซื่อตบๆ หลังของนาง  อิ๋งซื่อต้องขอบคุณถึงจะถูก! 

มันเป็นเพียงการสวมกอดอันซาบซึ้ง เป็นความซาบซึ้งที่องค์จวินพระองค์หนึ่งมีต่อขุนนาง

จนกระทั่งอิ๋งซื่อคลายมือ หลังจากที่องค์จวินและขุนนางต่างผลักกันให้นั่งลงก่อนแล้ว ซ่งชูอียิ้มเอ่ยเบาๆ  แผนการยึดครองใต้หล้านี้ล้วนเป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท การช่วยฝ่าบาทต่อสู้เพื่ออำนาจและจารึกในประวัติศาสตร์เป็นความต้องการของกระหม่อม ฝ่าบาทปฏิบัติต่อกระหม่อมด้วยความจริงใจเช่นนี้ หวยจินซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง 

 จารึกในประวัติศาสตร์  รอยยิ้มที่ทำให้แสงจันทรามัวหมองผุดขึ้นบนใบหน้าของอิ๋งซื่อ  ข้าไปที่ชูหลี่ด้วยตัวเองเพื่อเชิญหมอเทวดาเปี่ยนเชวี่ยกลับมายังเสียนหยาง แต่ว่าเขาชรามากแล้ว ไม่อาจทนต่อการกระแทกกระทั้นได้ ข้าจึงสั่งทหารม้าในชุดเกราะดำคุ้มกัน อีกหลายวันกว่าจะมาถึง 

ซ่งชูอียืดตัวตรง สะบัดแขนเสื้อ ค้อมคำนับยาวนาน  ฝ่าบาทลดสถานะและปฏิบัติต่อกระหม่อมด้วยความนอบน้อม หวยจินย่อมตอบแทนด้วยชีวิตอย่างแน่นอน 

อิ๋งซื่อตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้วว่าจะใช้ซ่งชูอี ซ่งชูอีก็ตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้วว่าจะสวามิภักดิ์ต่อรัฐฉิน ระหว่างสองคนนี้ขาดก็เพียงคำมั่นสัญญาเท่านั้น

ไม่มีใครสามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขามีความจริงใจและความตั้งใจมากเพียงใด และไม่จำเป็นต้องแยกแยะให้ชัดเจนด้วย

ทั้งสองพูดคุยกันครู่หนึ่ง อิ๋งซื่อจึงกล่าวว่า  ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ท่านก็รีบพักผ่อนเถิด ข้าขอตัวแล้ว 

ซ่งชูอีลุกขึ้นค้อมคำนับ

อิ๋งซื่อเพิ่งจะจากไป หนิงยาก็วิ่งเข้ามา เอ่ยด้วยความร้อนรน  ท่านไม่เป็นไรนะเจ้าคะ? 

 ไป๋เริ่นเล่า?  ซ่งชูอีเอ่ยถาม ทหารในชุดเกราะสีดำสามารถควบคุมหนิงยาได้อย่างง่ายดาย แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ทำให้ไป๋เริ่นตกใจหรือปิดปากของมัน

 ไป๋เริ่นหลับอยู่ตรงทางเดินแล้วเจ้าค่ะ ปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่น  หนิงยาสำรวจซ่งชูอีอย่างถี่ถ้วน เมื่อเห็นว่าแขนขาของนางยังอยู่ครบดี สีหน้าก็ไม่มีอะไรผิดปกติจึงรู้สึกโล่งใจ

หนิงยาคุกเข่าลงหมองกับพื้น  เพราะบ่าวไม่ได้เรื่อง 

 ลุกขึ้นเถิด ไป๋เริ่นยังถูกทำให้สลบ เจ้าผู้หญิงตัวคนเดียวจะทำอะไรได้!  ซ่งชูอีรู้สึกอย่างล้ำลึกว่านางทำให้หนิงยาตกใจกลัวมากเกินไปแล้ว บัดนี้จึงดูเหมือนเดินอยู่บนน้ำแข็งบางๆ ต่อหน้านางเสมอ

อย่างไรก็ดีสำหรับซ่งชูอีแล้ว ตราบใดที่คนคนหนึ่งภักดีต่อนาง แม้ว่านางจะไม่เป็นที่เคารพอีกต่อไป นางก็เต็มใจที่จะทุ่มเทไปกับการฝึกฝนคนนั้น

เมื่อครู่ซ่งชูอีจมอยู่กับการต่อสู้บนกระดานหมากรุก ในเวลานี้จึงเพิ่งจะรู้สึกว่าปวดหลัง ดังนั้นจึงขอให้หนิงยาเตรียมน้ำให้นางอาบ

หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้วก็นอนหลับสนิท ก่อนจะนอน นางยังคิดถึงเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง – อิ๋งซื่อมีงานอดิเรกและพฤติกรรมในการแอบเข้าไปในจวนของขุนนางเช่นนี้ ต่อไปหากจะนินทาอะไรเขาต้องระวังตัวหน่อยจึงจะดี

เช้าวันรุ่งขึ้น

ซ่งชูอีกำลังซ้อมมวยอยู่ที่ลานบ้าน หนิงยาก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา  ท่านเจ้าคะ ซ่างต้าฟูมาแล้วเจ้าค่ะ! 

 หวยจินยังไม่มีความคืบหน้าเลยหรือ!  เสียงหัวเราะของชูหลี่จี๋ค่อยๆ เข้ามาใกล้

ซ่งชูอียิ้มเอ่ย  เวลาว่างๆ จึงจะหยิบของเหล่านี้มาเล่น! มิได้ขอไปรบเพื่อฆ่าศัตรูเสียหน่อย 

ระหว่างที่พูดซ่งชูอีกลับคิดในใจ ‘หรือว่าพี่น้องตระกูลอิ๋งมีนิสัยชอบบุกเข้าจวนของผู้อื่น?’

 ท่านเจ้าคะ  ไม่รู้ว่าสาวใช้ของเจินอวี๋มาอยู่ที่ลานด้านนอกตั้งแต่เมื่อใด นางราวกับอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า  ไม่ทราบว่ามีแขก เช่นนั้นบ่าวค่อยมาใหม่ 

 มีอะไรก็ว่ามาเถิด พี่ใหญ่ชูหลี่มิใช่คนนอก  ซ่งชูอีเอ่ย

สาวใช้เอ่ย  เจียวเจียวกล่าวว่าอ่านบันทึกของท่านจบแล้ว เจียวเจียวได้เขียนสิ่งที่ได้เรียนรู้มาด้วย ได้โปรดท่านชี้แนะ 

ซ่งชูอียิ้ม  เจียวเจียวบ้านพวกเจ้าช่างชอบการเรียนรู้เสียจริง 

 หวยจินซ่อนหญิงงามไว้เป็นการส่วนตัวรึ?  ชูหลี่จี๋เดินลงจากบันไดแล้วเดินไปหาพวกเขา ครั้นเห็นสาวใช้ก็เอ่ยปาก  คุณหนูที่สามารถเข้าใจวรรณกรรมของหวยจินได้ ไม่ธรรมดาโดยแท้! ข้าขอดูแผ่นไผ่นี้ได้หรือไม่? 

[1] ชิง เป็นคำที่ฮ่องเต้ใช้เรียกขุนนาง

 

กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ

กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing

นิยายแปลรักย้อนยุคสุดเข้มข้นแนวกลยุทธ์สงคราม! อีกหนึ่งผลงานจากผู้เขียน ‘นิติเวชหญิงแห่งต้าถัง’

‘ซ่งชูอี’ อาจมิใช่สาวงาม หากเป็นกุนซือหญิงผู้กุมชะตาชีวิตคนทั้งเมือง

นางเสาะหาสันติสุขท่ามกลางการแก่งแย่งชิงดีของเจ็ดมหานครรัฐ

ด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาด นางสามารถเอาตัวรอดได้ทุกครั้ง

ทว่าก็ยังพลั้งพลาดมอบความไว้เนื้อเชื่อใจให้คนที่มิคู่ควร

และสิ้นลมอย่างน่าอนาถในวันที่นครถูกโจมตี!

แต่เหมือนสวรรค์มีตาให้โอกาสนางได้ย้อนเวลากลับมามีชีวิตอีกครั้งในวัยสิบห้า

ลิขิตให้นางได้พบกับเจ้าอี่โหลว องค์ชายหนุ่มตกอับกลางป่า ก่อนจะพลัดพรากให้จากกัน

ท่ามกลางไฟสงครามที่แสนสับสนวุ่นวายและการต่อสู้พลิกชะตาที่เคยล้มเหลว

ทั้งนางและเขา…ก็กลับได้มาพบกันอีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท