เสี่ยวเชี่ยนยิ้มหวานใส่ “ใช่ค่ะ คุณเดาถูกแล้ว การกระทำแบบนี้ภาษาจีนเรียกว่า ‘เพิ่งฉือ[1]’ มาค่ะ ฉันจะสอนออกเสียงให้นะคะ เพิ่ง ฉือ~”
ชายชุดดำเซ็งหนักกว่าเดิม งงไปหมด ตอนนี้มันเรื่องอะไรกัน ลูกพี่ไม่พาคนมาจัดการสองคนนี้ แถมยังมายืนต่อรองเรื่องค่าเสียหาย
บทมันควรเป็นแบบนี้เหรอ คนพวกนี้คิดอะไรอยู่กันแน่ ประหลาด
“หมอเฉินหมายความว่า คุณยอมรักษาผมแล้ว” ซ่งชิงอู๋ฟังออกถึงความหมายแฝงของเสี่ยวเชี่ยน เมื่อกี้เธอใช้คำว่าคนไข้
เสี่ยวเชี่ยนมองอวี๋หมิงหลาง เขาพยักหน้า
“ถ้าคุณจ่ายค่ารักษาไหว อีกทั้งเคลียร์เรื่องค่าซ่อมรถกับค่ารักษาเพื่อนฉันให้ได้ พวกเราก็นัดเวลาได้เลยค่ะ”
“ก่อนหน้านี้ผมบอกเรื่องค่ารักษาไปแล้ว คุณเรียกมาได้เลยขอแค่คุณรักษาหาย ส่วนเรื่องซ่อมรถ…หักจากเงินเดือนสองคนนี้ก็แล้วกัน”
ชายชุดดำถึงกับมึน ทำไมลูกพี่เขาไปเออออตามผู้หญิงคนนี้ได้
“ดีมากค่ะ งั้นรักษาครั้งแรกเป็นพรุ่งนี้แล้วกันนะคะ ฉันคิดว่าตอนนี้คุณควรพาลูกน้องคุณไปหาหมอได้แล้ว จำไว้นะคะว่าครั้งหน้าถ้าจะมาก่อกวนในประเทศนี้ก็ดูเส้นทางจราจรด้วย เวลาจะทุบรถใครก็ดูให้ดี ระวังจะถูก ‘เพิ่งฉือ’”
เสี่ยวเชี่ยนพูดเสริมพลางมองชายชุดดำที่ทำหน้าอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา
เป็นผู้ก่อการร้ายมาทั้งชีวิต นี่เป็นครั้งแรกที่โดนคนตุ๋นซะเปื่อย…ปวดตับโว้ย
หลังจากที่เห็นเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางกล้าต่อกรด้วยขนาดนี้ แถมยังกล้าพูดจาต่อปากต่อคำกับลูกพี่ ชายชุดดำพอเห็นเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางขับรถออกไปแล้วจึงหันไปพูดกับลูกพี่ด้วยท่าทางน้อยใจ
“พี่ใหญ่ จะปล่อยไปแบบนี้เหรอครับ”
“แล้วจะให้ทำไง”
ซ่งชิงอู๋กวาดตามองลูกน้อง “ฆ่าทหารของประเทศนี้นายแน่ใจนะว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”
“แต่เขาก็ทำตัวน่าหมั่นไส้เกินไป ผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนกัน”
“ก็เพราะพวกนายมันไม่ได้เรื่องยังไงเล่า” ซ่งชิงอู๋มองสะพานหลินเหมินที่อยู่ไม่ไกล มีอำนาจมากถึงขนาดสั่งยกสะพานได้ ผู้ชายของเฉินเสี่ยวเชี่ยนมีความเป็นมายังไงกันแน่
“ถ้าคุณชายน้อยไม่หอบดอกไม้โผล่มาพวกเราก็สั่งสอนผู้หญิงคนนั้นได้แล้วครับ”
ชายชุดดำถูกอวี๋หมิงหลางอัด ต่อมาก็ถูกเสี่ยวเชี่ยน ‘เพิ่งฉือ’ รู้สึกเหมือนถูกทำร้ายทั้งกายและใจอย่างหนักหน่วง เขาไม่คิดหรอกนะว่าที่พี่ใหญ่พูดว่าให้หักจากเงินเดือนเขาเป็นเรื่องล้อเล่น
ในความเป็นจริงถึงพี่ใหญ่จะมีทรัพยากรของตระกูลคาร์เตอร์มากมาย แถมร่ำรวยมหาศาล แต่เขาเป็นคนที่ขี้งกมาก ใจกว้างแต่กับแค่คุณชายน้อย กับคนอื่นขี้งกสุดๆ
พอได้ยินลูกน้องพูดถึงอาเหม็ด แววตาของซ่งชิงอู๋ก็หม่นลง
“เขาดูโอเคกว่าที่ฉันคิด ไม่แปลกที่อาเหม็ดจะชอบเขา”
“พี่ใหญ่…พี่เกลียดเฉินเสี่ยวเชี่ยนจะตายทำไมไม่ฆ่าทิ้งไปเลยล่ะครับ ยังจะให้เขารักษาอีก ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะคิดค่ารักษาแพงมากด้วย”
พี่ใหญ่งกขนาดนี้จ่ายไหวเหรอ ไม่ใช่ตอนสุดท้ายมาหักเงินเดือนจากพวกเขานะ
“เขาอยากได้เงินฉันมากก็ต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้ก่อน” ซ่งชิงอู๋มองรถของอวี๋หมิงหลางที่ขับไกลออกไปเรื่อยๆแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ผู้หญิงคนไหนก็ตามที่มาอยู่ในใจอาเหม็ดล้วนสมควรตาย ไม่สนหรอกว่าสามีจะทำงานอะไร
เสี่ยวเชี่ยนในเวลานี้นั่งอยู่บนรถอวี๋หมิงหลาง ทั้งสองคนกำลังมุ่งหน้ากลับบ้านด้วยสภาพใบหน้าเคร่งขรึม
“เขาเป็นใคร” เสี่ยวเชี่ยนถามอวี๋หมิงหลาง
อวี๋หมิงหลางไม่ได้ตอบคำถามเสี่ยวเชี่ยนตรงๆ แต่ถามกลับ
“เขาก็คือคนที่ก่อนหน้านี้ส่งข้อความมาถามเรื่องรักษาอาการเบี่ยงเบนทางเพศคนนั้นน่ะเหรอ”
“ใช่”
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกได้ถึงความรุนแรงของปัญหาจากน้ำเสียงของเขา ครั้นแล้วจึงหันหน้าไปมองเพื่อรอเขาพูดต่อ
“เสียวเหม่ย ถ้าตัดเรื่องภูมิหลังของคนๆนี้ทิ้ง มองว่าเขาเป็นแค่คนป่วยคนหนึ่ง คุณรับประกันได้ไหมว่าคุณจะไม่มีอารมณ์ไม่คงที่เพราะรักษาคนไข้เบี่ยงเบนทางเพศ”
“แน่นอน ฉันมั่นใจ100%ว่าควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ นายต้องการให้ฉันทำอะไรหรือเปล่า”
“ใช่ ผมจะให้คุณรับเคสนี้ อยากให้คุณช่วยถ่วงเวลาเขาไว้ ผมอยากจะสืบดูว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงที่เขามาประเทศเราคืออะไร เดี๋ยวผมจะรีบกลับไปที่หน่วยเพื่อรายงานเรื่องนี้”
ตอนที่รู้ว่าอาเหม็ดเป็นใครอวี๋หมิงหลางยังไม่พูดว่าจะรีบกลับไปรายงานเบื้องบนแบบนี้ ดังนั้นเสี่ยวเชี่ยนจึงเดาได้เลยว่าผู้ชายใส่แว่นกรอบทองคนนี้อันตรายกว่าอาเหม็ดมาก
“ก่อนนายจะไปรายงานบอกสถานะที่แท้จริงของเขากับฉันได้หรือเปล่า”
“…”
“ฉันรู้ว่านายทำเพื่อความปลอดภัยของฉันเลยไม่อยากให้รู้เยอะ แต่ถ้านายอยากให้ฉันใช้ความเป็นจิตแพทย์ถ่วงเวลาเขา แบบนั้นยิ่งฉันรู้เยอะกลับยิ่งปลอดภัยกว่านะ”
อวี๋หมิงหลางถอนหายใจแล้วพูดความจริงออกมา
“ผู้ชายคนนั้นเป็นที่ปรึกษาสายเลือดเอเชียของผู้สืบทอดคนต่อไปของตระกูลคาร์เตอร์ ซึ่งก็หมายความว่า เขาเป็นที่ปรึกษาเบอร์หนึ่งของพี่ชายอาเหม็ด เป็นบุคคลที่ทางทหารของเราต้องจับตามอง เท่าที่พวกเรารู้ พี่ชายอาเหม็ดผู้เป็นทายาทสืบทอดตระกูลคาร์เตอร์ลำดับแรกเป็นพวกไม่ได้เรื่อง ทุกอย่างต้องพึ่งที่ปรึกษาคนนี้คอยวางแผนให้ถึงได้มั่นคงอย่างทุกวันนี้ ทำไมอยู่ๆเขาถึงได้มาให้คุณรักษา เขาเป็นตัวแทนของพี่ชายอาเหม็ดมาที่นี่หรือเปล่า ผมต้องกลับไปสืบที่หน่วย”
ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้เจาะจงมาหาเสี่ยวเชี่ยน อวี๋หมิงหลางไม่มีทางให้เมียตัวเองเข้าใกล้คนๆนี้แน่
เมื่อเทียบกับอาเหม็ดลูกเมียเก็บที่ยังห่างชั้นกับอิทธิพลของตระกูลคาร์เตอร์มากนักแล้ว ถึงซ่งชิงอู๋คนนี้จะเป็นแค่ที่ปรึกษา แต่ทุกคนต่างรู้ว่าทายาทสืบสกุลคนนั้นมีทุกวันนี้ได้เพราะที่ปรึกษาคนนี้วางแผนให้ทั้งหมด
ระดับความอันตรายของคนๆนี้สูงกว่าอาเหม็ดมาก ในมืออาเหม็ดไม่มีอำนาจ ไม่มีลูกน้อง ถึงจะบอกว่าเป็นคนของตระกูลคาร์เตอร์ แต่ก็แค่ลูกเมียเก็บที่ออกหน้าออกตาไม่ได้ อยากจะหาเงินยังต้องคิดแผนหลอกแต่งงานกับผู้หญิงรวยๆ
ดังนั้นพอรู้สถานะที่แท้จริงของซ่งชิงอู๋แล้ว สิ่งแรกที่อวี๋หมิงหลางคิดได้คือไปรายงานเบื้องบน เมื่อเทียบกับเรื่องขับไล่อาเหม็ด เห็นได้ชัดว่าเรื่องซ่งชิงอู๋ยากกว่า
หลังจากเสี่ยวเชี่ยนฟังอวี๋หมิงหลางพูดจบทันใดนั้นก็มีบางอย่างแวบเข้ามาในสมอง คุณพระ ที่แท้ความจริงก็เป็นแบบนี้
ในที่สุดเสี่ยวเชี่ยนก็เข้าใจถึงเหตุและผลแล้ว ข้อสงสัยที่ฝังอยู่ในใจเธอมีคำอธิบายแล้ว
“เดี๋ยวผมพาคุณไปส่งบ้านก่อน พอผมประชุมเสร็จจะกลับมาบอกคุณว่าขั้นต่อไปต้องทำไง” อวี๋หมิงหลางคิดไว้ว่าจะพาเสี่ยวเชี่ยนไปส่งที่บ้านใหม่ อยู่ในหมู่บ้านทหารเสี่ยวเชี่ยนปลอดภัยแน่นอน คนของซ่งชิงอู๋ไม่มีทางเก่งถึงขนาดบุกรุกเขตที่พักทหารได้
แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับเอามือวางที่พวงมาลัยรถ
“เสี่ยวเฉียง”
“ไม่ต้องกลัว ผมอยู่ทั้งคน ผมต้องปกป้องคุณได้แน่นอน ไม่ว่าเขาจะมาเพื่ออะไร ผมไม่มีทางปล่อยให้เขาทำร้ายคุณได้”
อวี๋หมิงหลางคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนกลัว แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับทำหน้าตื่นเต้น
“ฉันไม่ได้กลัว ฉันจะไปประชุมกับนายด้วย เร็วเข้า รีบพาฉันไปเจอหัวหน้านาย”
“…อย่าเล่นน่า”
อวี๋หมิงหลางเป็นถึงรักษาการหัวหน้าแล้ว คนที่เขาจะไปพบเป็นถึงระดับผู้บัญชาการ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แถมยังต้องใช้วิธีวิดีโอคอล ในความเป็นจริงอวี๋หมิงหลางก็ไม่เคยได้พบผู้บัญชาการระดับสูง แต่ครั้งนี้เกี่ยวพันถึงตระกูลคาร์เตอร์ถึงได้มีโอกาสเจอ
“ฉันไม่ได้เล่นนะ แต่ฉันจำเป็นต้องเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ของพวกนาย ฉันรู้ว่าซ่งชิงอู๋มาทำไม ฉันรู้ว่าทำยังไงเขากับอาเหม็ดถึงจะกลับไปพร้อมกัน”
“คุณน่ะเหรอ”
[1] หมายถึง ต้มตุ๋น