“คุณรอผมที่นี่นะ เดี๋ยวผมไปรายงานผู้บัญชาการก่อนแล้วค่อยพาคุณเข้าไป” อวี๋หมิงหลางกำชับเสี่ยวเชี่ยนว่าห้ามออกไปเดินเล่น เขาทิ้งเธอไว้ในห้องทำงานแล้วออกไป
เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวเชี่ยนมาที่นี่ เธอเดินดูรอบๆห้องทำงานของเขา ว่างเปล่า แทบไม่มีอะไรเลย
แต่บนโต๊ะเธอกลับพบรูปถ่ายของเธอ นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอค้างที่บ้านของเขา ถ่ายบนเตียงของเขา
เป็นรูปที่ผ่านมาหลายปีแล้ว เธอยังดูเด็กอยู่เลยตอนนั้น ในที่ที่มีแต่ผู้ชายอยู่แบบนี้ คงจะมีแค่รูปของเธอใบนี้ที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนแบบผู้หญิง ในที่ที่เธอมองไม่เห็น เขาใช้วิธีแบบนี้อยู่เคียงข้างเธอเหรอ
เสี่ยวเชี่ยนวางรูปลง นึกถึงก่อนหน้านี้ที่อวี๋หมิงหลางขอให้เธอไปถ่ายภาพชุดแต่งงาน แต่เธอปฏิเสธ เหตุผลก็คือเธอคิดว่าการถ่ายภาพชุดแต่งงานเป็นเรื่องไร้สาระ ต้องทำท่าโง่ๆยอมให้ช่างภาพจัดท่าประหลาดๆ แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่า หลังจากที่เรื่องอาเหม็ดจบแล้วเธอควรจะไปถ่ายภาพชุดแต่งงานกับเขา
“เสียวเหม่ย มากับผม” อวี๋หมิวหลางเปิดประตูเข้ามาแล้วพยักหน้าให้เสี่ยวเชี่ยน
ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังจะมาแล้ว
ห้องลับของหน่วยเสินเจี้ยนเปิดเฉพาะเวลามีภารกิจสำคัญเท่านั้น เช่นต้อนรับผู้บัญชาการสำคัญของแต่ละหน่วย ที่นี่มีอุปกรณ์สื่อสารที่ล้ำสมัย สามารถวิดีโอคอลได้ แค่เข้ามาในนี้ ทุกอย่างที่พูดออกไปจะเป็นความลับ คนภายนอกไม่มีทางรู้
และในสถานที่ลับแบบนี้ วันนี้ได้เปิดรับคนที่ไม่ได้ใส่ชุดทหาร
เสี่ยวเชี่ยนตามอวี๋หมิงหลางเข้าไปในห้อง หน้าประตูมีคนเฝ้าอยู่พร้อมอาวุธครบครัน
กำแพงด้านหนึ่งของห้องมีหน้าจอสำหรับวิดีโอคอล ข้างหน้ามีโต๊ะประชุมแบบที่ใช้กันในกองทัพ นอกจากเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางแล้วยังมีคนยืนอยู่อีกสองคนซึ่งมียศไม่ต่างจากอวี๋หมิงหลาง เป็นคนที่รู้รายละเอียดเหตุการณ์ในครั้งนี้
อวี๋หมิงหลางพาเสี่ยวเชี่ยนเดินไปที่อุปกรณ์ แล้วรายงานต่อผู้บัญชาการระดับสูงที่อยู่ในจอ
“พามาแล้วครับ”
เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้ตำแหน่งที่แท้จริงของลุงคนที่อยู่ในจอ แต่ดูจากยศที่ประดับก็พอจะเดาได้ ถ้าเป็นคนอื่นคงตื่นเต้นเกร็งไปหมด แต่ประธานเชี่ยนเจอคนมาเยอะ การเจอคนระดับนี้ไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับเธอ
“ได้ยินว่าคุณมีข้อมูลสำคัญจะบอกผมเหรอครับ” ผู้บัญชาการพูด
“ใช่ค่ะ ฉันเป็นจิตแพทย์ชื่อเฉินเสี่ยวเชี่ยน และก็เป็นภรรยาของOne ฉันรู้ว่าการเข้ามาพบท่านเป็นสิ่งที่ขัดต่อธรรมเนียมกองทัพ แต่ผลกระทบเรื่องนี้ใหญ่มาก ฉันจึงหวังว่าจะได้พูดคุยกับท่านโดยตรง เพื่อที่จะได้ไม่เกิดความยุ่งยากกับพวกเราในภายหลัง”
“Oneพอเล่าให้ฟังคร่าวๆแล้ว ถึงการคาดเดาของคุณจะสมเหตุสมผล แต่ทุกอย่างก็เป็นแค่การคาดเดา ผมอยากรู้ว่าคุณอาศัยหลักฐานอะไรในการวิเคราะห์เรื่องนี้”
การเจอครอบครัวทหารเป็นเรื่องที่เกิดได้บ่อยๆ แต่การขอฟังความคิดเห็นนั้น ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เรื่องนี้มีความพิเศษมาก ซ่งชิงอู๋มาหาเสี่ยวเชี่ยนโดยตรง ถ้าไม่ให้เสี่ยวเชี่ยนเข้าร่วมก็ดูไม่เหมาะจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่อวี๋หมิงหลางเพิ่งร่างหนังสือรับรองต่อผู้บัญชาการ ดังนั้นผู้บัญชาการจึงอยากให้โอกาสเสี่ยวเชี่ยนสักครั้ง ดูว่าเธอจะว่ายังไง
“ผู้บัญชาการคะ ฉันเป็นจิตแพทย์ พวกเรามีจรรยาบรรณแพทย์ต้องเก็บข้อมูลคนไข้เป็นความลับ Oneอยู่บ้านก็ไม่เคยบอกฉันเรื่องของกองทัพ ตามหลักการฉันก็ไม่ควรบอกท่านเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนไข้ของฉัน แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความมั่นคงของประเทศ ดังนั้นฉันจะยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ ฉันมีข้อมูลการเข้าพบจิตแพทย์ของซ่งชิงอู๋ก่อนหน้านี้ สิ่งที่เขาพูดคุยกับจิตแพทย์เรื่องอาการเบี่ยงเบนทางเพศรวมถึงคนที่เขาชอบคืออาเหม็ด”
พูดเรื่องกลับชาติมาเกิดไม่ได้ งั้นก็อ้างเรื่องจรรยาบรรณแพทย์แล้วกัน ดูสมเหตุสมผลดีทำให้ดูเหมือนต้องยอมพูดเพื่อประเทศชาติแต่ก็พูดมากไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของจรรยาบรรณ น่าจะทำให้เชื่อได้ว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง
“ลองว่าแผนของคุณมา” เห็นได้ชัดว่าผู้บัญชาการยอมฟังแล้ว
“ก่อนที่ฉันจะพูดเรื่องแผนการ ฉันขอบอกก่อนว่า เวลาOneอยู่บ้านไม่เคยพูดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันรู้สถานะที่แท้จริงของอาเหม็ดกับซ่งชิงอู๋ก็เพราะภารกิจขับไล่ปีศาจอุทกภัยก่อนหน้านี้ ฉันเป็นคนที่ทางการทหารกำหนดมาให้ร่วมมือ ดังนั้นสามีฉันไม่ได้เปิดเผยความลับค่ะ”
ผู้บัญชาการนึกขำ
“เข้าใจแล้ว ว่าต่อสิ”
ผัวเมียคู่นี้ตลกจริง เมื่อกี้Oneร่างหนังสือรับรองเพื่อปกป้องเมีย แล้วนี่เมียของเขาก็พยายามปกป้องเขาอีก สองคนนี้รักกันใช้ได้ เหล่าอวี๋วาสนาดีจริงๆ ลูกชายกับสะใภ้รู้การรู้งาน ทำไมเขาไม่มีลูกชายลูกสะใภ้แบบนี้บ้างนะ…
“การที่ซ่งชิงอู๋มาหาฉันในครั้งนี้เพราะมีจุดประสงค์ ฟันธงได้เลยว่ามาเพราะหึงล้วนๆ เขาอยากให้ฉันตาย แต่ฉันเป็นครอบครัวทหาร ถ้าฉันถูกคนอื่นฆ่าตายในอาณาเขตที่สามีฉันดูแลอยู่แบบนั้นถือเป็นการหมิ่นเกียรติทหาร แต่ถ้าทางการทหารส่งคนไปปกป้องฉัน จับตัวซ่งชิงอู๋ไป เขาเป็นคนใจแคบ ต่อไปถ้ากลับประเทศไปแล้วเอาของผิดกฎหมายเหล่านั้นมาขายในประเทศเรา แบบนั้นทางกองทัพอาจจะยิ่งปวดหัวหนัก”
เสี่ยวเชี่ยนวิเคราะห์สถานการณ์โดยพูดอย่างตรงไปตรงมา ผู้บัญชาการนึกขำในใจแต่ใบหน้ายังคงต้องรักษามาดขรึมเอาไว้
เด็กคนนี้วิเคราะห์ได้เฉียบขาดจริงๆ แต่พูดจาตรงไปหน่อย ไม่รู้จักอ้อมค้อม
“การปกป้องความสงบของประเทศเป็นหน้าที่ของกองทัพ คุณไม่ต้องกลัวว่าจะถูกอำนาจมืดคุกคาม”
“ฉันเชื่อค่ะว่ากองทัพปกป้องฉันได้ แต่ฉันคิดว่าเราควรจัดการปัญหานี้โดยใช้วิธีอีกแบบ ทำเรื่องร้ายให้เป็นเรื่องดี”
“หืม”
“ซ่งชิงอู๋สงสัยในตัวฉัน เขาอยากรู้ว่าคนแบบไหนที่ทำให้อาเหม็ดชอบได้ ต่อไปเขาจะศึกษาเรื่องนิสัยของฉันพลางหาทางลงมือ ฉันคิดไว้ว่าพอถึงตอนนั้นจะใช้วิธีรักษาเขาในแบบที่เขาพอใจ เสนอเงื่อนไขให้กับเขา”
“การรักษาของจิตแพทย์ไม่มีวิธีที่ตามใจผู้ป่วย”
“ผู้บัญชาการรู้จริงนะคะ อยากจะหลอกท่านไม่ง่ายเลย ใช่ค่ะ มันเป็นวิธีที่ฉันคิดขึ้นมาเอง แต่ฉันขอบอกก่อนว่า ความรู้ของฉันแน่นพอ ก็เหมือนกับที่ฉันมองออกว่าช่วงนี้ท่านนอนไม่ค่อยหลับ”
“ฮ่าๆ ว่ามาซิ วิธีที่คุณคิดขึ้นมาเองน่ะมันเป็นยังไง” ผู้บัญชาการนอนไม่ค่อยหลับมาหลายวันแล้ว
อวี๋หมิงหลางยืนเอามือไขว้หลังอยู่ด้านข้างในแบบทหาร สีหน้าเคร่งขรึม แต่ในใจกลับอยากขำออกมา
ความกังวลของเขาสูญเปล่า ลูกเชี่ยนของเขาไม่ว่าจะเจอคนระดับสูงขนาดไหนก็สามารถเอาอยู่หมด ใช้ความรู้ที่มีเหนือคนอื่นสยบความคิดของทุกคน เพียงแต่เวลาอยู่กับเบื้องบน ลูกเชี่ยนยังมีความอวดดีนิดๆ ดูเธอปั่นหัวผู้บัญชาการสิ จึ๊ๆ
“วิธีที่ฉันคิดขึ้นมาเองนี้พูดง่ายๆก็คือทำตามที่ซ่งชิงอู๋ต้องการ เขาชอบอาเหม็ดไม่ใช่เหรอคะ งั้นฉันก็จะช่วยให้เขาได้ครอบครองอาเหม็ด ของที่เขายังไม่ได้ ฉันก็จะช่วยให้เอามาได้ แล้วเขายังจะกล้าลงมือกับฉันอีกหรือ พูดให้ใหญ่หน่อยก็ ต่อไปเขาจะช่วยให้อาเหม็ดได้รับช่วงต่อธุรกิจแล้วเขายังจะกล้ากลับมาวุ่นวายกับประเทศของเราหรือ ต่อให้เขากล้า ฉันก็มีวิธีล้างสมองอาเหม็ดค่ะ ให้พวกเขาล้างสมองกันเองแล้วไปจัดการประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นศัตรูกับเรา ห้ามมาวุ่นวายกับประเทศเรา”
ผู้บัญชาการไม่คิดเลยว่ายังมีวิธีเทพๆแบบนี้อยู่ด้วย
เขาเบิกตาโพลง แบบนี้ก็ได้เหรอ