40 – เจ้าสาวผู้มีคฤหาสน์ยี่สิบหลัง
ซูชิงหลางอ้าปากค้างเมื่อเผชิญกับฉากแบบนี้และเขาก็รู้สึกตื้นตันใจเล็กน้อย
“ ภรรยาของคุณมารับหรือเปล่า?” โจวเจ๋อชี้ไปที่กลุ่ม ‘คน’ ด้านหน้า
“ บ้าน่ะสิ” ซูชิงหลางก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวและกลับเข้าไปในร้านก่อนจะเห็นว่าโจวเจ๋อยังคงนั่งยองๆสูบบุหรี่อยู่ที่เดิมเขาจึงรีบตะโกนออกมา
“ รีบเข้ามาเร็วๆ? นี่คือขบวนภูตผี!”
“ ตอนจบของพิธีเจ้าสาวจะโยนดอกไม้หรือเปล่า?” โจวเจ๋อตบขากางเกงและค่อยๆลุกขึ้นยืน
“ เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว” ซูชิงหลางตะโกนด้วยความหวาดกลัว
“ ถ้าคุณไม่รีบเข้ามาคุณจะไม่ได้เป็นเจ้าของร้านหนังสืออีกแต่จะเป็นสามีของผีผู้หญิงคนนั้นแทน?”
“ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
โจวเจ๋อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ผีที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรที่น่าหวาดกลัว ดูเหมือนพวกเขาจะไม่มีความสามารถแม้แต่น้อย
ถ้าเจ้าของเกี้ยวหลังนี้มีความสามารถดูดวิญญาณคนได้จริงๆการตามพวกเขาไปก็คงจะน่าสนใจอยู่เหมือนกัน?
ผีผู้หญิงวัยกลางคนคนเมื่อสักครู่นี้ก็ทำได้เพียงก่อกวนผู้คนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น แต่ขบวนแห่เจ้าสาวที่อยู่ด้านหน้าต้องไม่ใช่ตัวตนระดับธรรมดาในโลกวิญญาณอย่างแน่นอน
โจวเจ๋อยังคงไม่ขยับส่วนซูชิงหลางยืนอยู่ในร้านและมองไปที่ยันต์สีเหลืองซึ่งติดอยู่บนผนังด้วยสายตาเป็นกังวล แต่เมื่อมองเห็นโจวเจ๋อยังคงไม่ไหวติงเขาก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง
“ คุณเป็นแค่ผีมือใหม่อย่าคิดจะไปยั่วโมโหปีศาจร้ายตัวนั้นอย่างเด็ดขาด”
โจวเจ๋อยังไม่ได้ขยับตัว สัญลักษณ์ที่อยู่บนฝ่ามือของเขาร้อนลวกคล้ายกับมันเตือนว่าเขาต้องส่งสิ่งที่อยู่ตรงหน้าลงนรกให้ได้ การดำรงอยู่ของพวกมันขัดกับกฎของสวรรค์
ผีผู้หญิงคนก่อนหน้าไม่ได้ทำให้ตราประทับบนฝ่ามือของเขาเกิดปฏิกิริยา นั่นแสดงให้เห็นว่าระดับของเธอยังไม่สูงพอ
ในตอนนี้โจวเจ๋อเป็นลูกจ้างพาร์ทไทม์ของสวรรค์ โดยปกติแล้วหากลูกจ้างพาร์ทไทม์ทำงานไม่ดีก็มีสิทธิ์โดนนายจ้างไล่ออกได้อย่างง่ายๆ มิหนำซ้ำในกรณีนี้เขาคิดว่าเขาอาจถูกลงโทษด้วย
โจวเจ๋อรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ขบวนแห่เจ้าสาวตอนนี้หยุดอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากโจวเจ๋อสิบเมตร
เกี้ยวถูกวางลงช้าๆคนแบกเกี้ยวคนหนึ่งเปิดผ้าม่านออก ข้างในว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่ภายใน
คนเป่าแตรนำหน้าขบวนเดินเข้ามาหยุดอยู่ห่างจากโจวเจ๋อและแสดงความเคารพอย่างนอบน้อมพร้อมกับกล่าวขึ้นว่า
“ นายหญิงของเราได้ยินว่าคุณคือผู้ดูแลคนใหม่เธอจึงสั่งให้เราฝากคำอวยพรมาแสดงความยินดี”
คนนำขบวนคนนี้มีใบหน้าที่หล่อเหลาและสง่างาม ผิวของเขาขาวซีดอย่างน่ากลัวเหมือนทารองพื้นผิดเบอร์ แต่ริมฝีปากของเขากลับเป็นสีแดงเข้มซึ่งดูไม่เข้ากันเป็นอย่างมาก
“ คุณเป็นคนส่งสารหรือเปล่า” เมื่อได้ยินว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มาหาตัวเองซูชิงหลางก็รวบรวมความกล้าก่อนจะเดินออกจากร้านและมายืนด้านหลังของโจวเจ๋อ
“ ถูกต้องแล้ว! พวกเรามีบางอย่างที่ต้องถามท่านผู้ดูแลคนใหม่” คนนำขบวนนั้นถามพลางก้มลงคำนับอีกครั้ง
“ งั้นก็ถามเขาเถอะ! ในอนาคตเขาจะเป็นผู้รับผิดชอบเขตนี้!” ซูชิงหลางชี้ไปที่โจวเจ๋ออย่างรวดเร็ว
“ นายหญิงของเราสั่งให้หาผู้ชายที่คู่ควรกลับไปแต่งงานด้วย นายหญิงของเราเป็นเจ้าของคฤหาสน์ 20 หลังดังนั้นเธอจึงต้องการหาใครบางคนที่มีทรัพย์สินที่อยู่ในระดับเดียวกัน ไม่ทราบว่าพวกท่านทั้งสองพอจะทราบหรือไม่ว่าพวกเราจะไปหาคนแบบนั้นจากที่ไหน”
“ …………” ซูชิงหลาง
ผู้คนมากมายต่างค่ำครวญว่าคนทุกวันนี้ล้วนบูชาเงินทองแม้แต่การแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องของความรักอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามทุกวันนี้แม้แต่ผีก็เริ่มสนใจเรื่องนี้แล้วเช่นกัน!
นายหญิงของพวกคุณมีคฤหาสน์มากกว่า 20 หลัง บังเอิญว่าซูชิงหลางก็มีคอนโดอยู่ 20 หลังเช่นเดียวกัน
เป็นเรื่องบังเอิญอะไรเช่นนี้! คู่สร้างคู่สมที่ฟ้าประทานมาอย่างแท้จริง
เมื่อได้ยินคำถามนี้มุมปากของโจวเจ๋อก็เผยรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัว
เขาหัวเราะและในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกสบายใจจริงๆ โจวเจ๋อมักจะได้ยินเพื่อนบ้านที่น่ารักคนนี้พูดว่า “ฉันมีคอนโดมากกว่า 20 ห้อง” อยู่เสมอ นี่มันคู่สร้างคู่สมชัดๆ!
ซูชิงหลางหวาดกลัวจนเหงื่อออก เขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่มี ดวงตาหยินหยางสามารถมองเห็นวิญญาณได้เท่านั้น
เขาไม่ใช่จางเทียนซือผู้ยิ่งใหญ่ที่จะสามารถจัดการกับวิญญาณร้ายได้ทุกระดับ
“ผมไม่รู้จักคนๆนั้น” ซูชิงหลางรีบกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว
จากนั้นหางคิ้วของซูชิงหลางก็กระตุกเพราะเขาเห็นมือขวาของโจวเจ๋อซึ่งเดิมวางอยู่ข้างลำตัวตอนนี้กำลังชี้มาที่เขา
“ @ # ¥% …… ** !!!!!”
หัวใจของซูชิงหลางเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและหวาดกลัว!
คนเป่าแตรนำขบวนคนนั้นรีบเดินมาที่ด้านหน้าของซูชิงหลางพร้อมกับแสดงความเคารพและกล่าวว่า
“เชิญนายท่านขึ้นเกี้ยว”
แท้ที่จริงแล้ว ‘ผู้คน’ ขบวนนี้ไม่ใช่ขบวนแห่เจ้าสาวแต่กลับเป็นผีผู้หญิงคนนั้นต้องการให้คนของเธอมารับเจ้าบ่าวด้วยตัวเอง
โจวเจ๋อกำลังคิดอยู่เงียบๆคนเดียวด้วยความงุนงง
“อย่าดึงฉันอย่าดึงฉัน อย่าฉันไม่ไปต่อให้ตายฉันก็ไม่ไป!”
ซูชิงหลางถูกคนแบกเกี้ยวพวกนั้นผลักเข้าไปในเกี้ยวแต่เขาก็ยังพยายามดิ้นรนอยู่ เขาบอกว่าอยากเริ่มชีวิตใหม่หาเป้าหมายหรืออะไรสักอย่าง แต่เขาไม่อยากเป็นสามีของผี!
“โจวเจ๋อไอ้บัดซบรีบมาช่วยฉันเร็ว!” ซูชิงหลางกรีดร้องโหยหวน
ความรู้สึกของเขาตอนนี้เหมือนกับหญิงสาวที่ถูกจับไปขายซ่อง เขายอมตายดีกว่าเสียความบริสุทธิ์ให้กับผีผู้หญิง!
“ ไปดูก่อนก็ไม่เสียหาย ไม่แน่ว่าผีผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นเหมือนกับหวังจู่เสียนบางทีคุณอาจจะติดใจก็ได้?” โจวเจ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้มและซูชิงหลางถูกโยนเข้าไปในเกี้ยว
คนนำทางคนนั้นหันกลับมาพูดกับโจวเจ๋อ “ถ้าคุณต้องการคุณสามารถไปร่วมงานได้ผมจะพาคุณไปเอง”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย” โจวเจ๋อเดินขึ้นไปบนเกี้ยวเดียวกันกับซูชิงหลาง
โจวเจ๋อจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เขานั่งรถกระดาษของคนขับผีมันทำให้เขาสามารถกลับมาถึงร้านหนังสือได้อย่างปลอดภัย เห็นได้ชัดว่าผีบางตัวที่มีความสามารถท้าทายกฎพิสิทธิ์ของโลก
คนแบกเกี้ยวเดินได้เร็วมาก พวกเขายังคงเดินในขั้นตอนเดินหน้าเก้าและถอยหลังหนึ่ง
ซูชิงหลางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้จะส่งเสียงร้อง “อา” ทุกครั้งที่พวกเขาถอยหลัง
หลังจากที่เดินทางไปได้ประมาณ 30 นาทีซูชิงหลางก็เปิดม่านและมองออกไปด้านนอก
ในเวลานี้ใบหน้าของซูชิงหลางแดงก่ำและดวงตาของเขาดูเหมือนจะเปียกชื้นขึ้นเล็กน้อย ฟันของเขากระทบกันดังกึกกักเห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ซูชิงหลางพยายามเรียกสติของตัวเองแล้วหันไปมองโจวเจ๋อด้วยสีหน้าบูดบึ้ง!
โจวเจ๋อในตอนนี้นั่งอยู่บนพื้นไม่มีเก้าอี้เขาโบกมือให้ซูชิงหลางพร้อมกับรอยยิ้ม
“ไม่ต้องห่วงผมสบายดี”
“เก้าอี้นี้มีผลกระทบต่อวิญญาณมันทำให้ฉันไม่สามารถลุกขึ้นได้!” ซูชิงหลางต้องอธิบายสถานการณ์ของเขาให้กับโจวเจ๋อฟังเพื่อที่โจวเจ๋อจะได้ช่วยเขาออกไป
“ผ่อนคลายเถอะเราจะไปให้ถึงที่นั่นอย่างแน่นอน” โจวเจ๋อพูดด้วยท่าทางสบายๆ
“ …………” ซูชิงหลาง
ในความเป็นจริงโจวเจ๋อสามารถเห็นได้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้เคลื่อนไหวด้วยท่าทางพิเศษอย่างพร้อมเพียง พวกเขาไม่ใช่คนจริงๆน่าจะเป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น
ทั้งสองนั่งอยู่บนเกี้ยวสีแดงหลังใหญ่นี้มานานพอสมควรแล้ว ตอนนี้พวกเขาได้ผ่านเขตเมืองและเข้าสู่เขตถงโจวโดยไม่รู้ตัว โจวเจ๋อมาที่นี่ครั้งสุดท้ายก็เพื่อตามหาเงินของหญิงชราที่อยู่ในห้องเก็บศพ
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าสู่ดินแดนรกร้างใต้ทางด่วนของถนนเจียงไห่ มีอาคารสูงที่ยังสร้างไม่เสร็จด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างมากมายอยู่รอบๆบริเวณนี้
ถนนด้านหน้าเป็นทางแคบไม่สามารถแบกเกี้ยวเข้าไปได้ดังนั้นพวกเขาทั้งสองคนจึงต้องลงจากเกี้ยวแล้วเดินเท้าต่อไป
หลังจากเดินไปข้างหน้าประมาณ 20 เมตรทันใดนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็สว่างจ้า!
ในพื้นที่รกร้างที่มืดและเงียบเหงาแต่เดิมจู่ๆก็มีแสงไฟเปิดขึ้น
ด้านหน้าเป็นพื้นที่เปิดโล่งและมีโต๊ะจัดเลี้ยงตั้งอยู่ประมาณเกือบ 30 โต๊ะ อาหารถูกวางไว้บนจานด้วยการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน
มี ‘คน’ รวมตัวกันมากมายอยู่ที่นี่และพวกเขาส่งเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“ เจ้าบ่าวกับเนื้อสุกรมาถึงแล้ว!” คนที่นำขบวนคนนั้นตะโกนออกมา