สมองอวี๋หมิงหลางประมวลผลอย่างรวดเร็ว เขาแน่ใจว่าเคยเห็นรูปคนๆนี้ในคลังข้อมูลของทางทหาร แต่ข้อมูลมีเยอะมาก เขาจึงต้องใช้เวลานึก
“สวัสดีครับหมอเฉิน” ผู้ชายแว่นกรอบทองเดินเข้าไปหาอวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยน แล้วใช้เสียงที่นุ่มนวลอย่างพิลึกทักทาย
“ฉันรู้จักคุณเหรอ” เสี่ยวเชี่ยนแน่ใจว่าไม่เคยเจอคนๆนี้ ชาติที่แล้วไม่เคย ชาตินี้ก็ไม่เคย
คนๆนี้จะดูเหมือนคนคงแก่เรียนที่ร่างกายอ่อนแอ ใบหน้าออกทางเอเชีย พูดภาษาจีนได้ชัดมาก
เสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางต่างรู้สึกได้ว่าคนๆนี้ไม่ธรรมดา
ถึงจะดูอ่อนแอ แต่กลับให้ความรู้สึกที่อันตราย ดูผิวเผินเหมือนไม่มีพิษไม่มีภัย แต่ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ควรเข้าใกล้ เป็นบุคคลที่อันตรายมาก
ผู้ชายคนนั้นยิ้มอย่างอ่อนโยน “ขอโทษด้วยนะครับที่คนของผมทำรุ่มร่ามกับหมอเฉิน อันที่จริงผมแค่อยากนัดเวลาหมอเฉิน ได้ยินว่าคุณเป็นจิตแพทย์ที่เก่งมาก”
“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ชอบให้คนใช้วิธีนี้รบกวนฉัน ถ้าคุณต้องการรักษา นัดเวลากับฉันมาได้” เสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างเย็นชา
อวี๋หมิงหลางที่จ้องผู้ชายคนนี้อยู่ทันใดนั้นก็นึกออก เขาคิดว่าเขารู้แล้วว่าคนๆนี้เป็นใคร นี่ไม่ใช่คนธรรมดา จริงๆแล้วผู้ชายใส่แว่นกรอบทองคนนี้มีประวัติที่น่าตกใจมาก
สาเหตุที่อวี๋หมิงหลางนึกไม่ออกตั้งแต่แวบแรกที่เห็นเป็นเพราะเขาเอาคนๆนี้ไปรวมกับพวกนักเลงกระจอก แต่พอผู้ชายคนนี้เดินเข้ามาใกล้ พอเขาหันข้างพูดคุยกับเสี่ยวเชี่ยน อวี๋หมิงหลางก็นึกออกทันที
ที่จำไม่ได้ตั้งแต่แวบแรกจะโทษอวี๋หมิงหลางก็ไม่ถูก
เพราะคนๆนี้ผอมกว่าในรูปที่อยู่ในคลังข้อมูลมาก อีกทั้งรูปที่เคยเห็นก็เป็นรูปจากทางด้านข้าง ต่อให้อวี๋หมิงหลางจะเคยฝึกการวิเคราะห์ใบหน้า แต่การแยกแยะคนจากด้านข้างก็ต้องใช้เวลา
พอผู้ชายคนนั้นหันข้างเสี่ยวเฉียงถึงนึกออก เป็นเขา
เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใครแล้วเขาก็รีบเข้าไปโอบเสี่ยวเชี่ยนเพื่อปกป้องเธอ
ท่าทางของอวี๋หมิงหลางทำให้ผู้ชายคนนี้เบ้ปาก ผู้ชายที่ทำให้ตำรวจสากลถึงกับปวดหัวคนนี้มีใบหน้าที่เหมือนคนคงแก่เรียน มองภายนอกยากที่จะเชื่อว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนที่วางแผนทำเรื่องคอขาดบาดตายมาหลายเรื่อง
ท่าทางของผู้ชายคนนี้แตกต่างจากลูกน้องที่มีแต่รัศมีความอาฆาต เขาดูเป็นสุภาพบุรุษที่อ่อนน้อม ทำตัวสุภาพกับเสี่ยวเชี่ยนมาก
“ขอโทษด้วยนะครับหมอเฉิน ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากนัดคุณ แต่ก่อนหน้านี้ผมขอนัดคุณแล้วแต่คุณปฏิเสธ”
“เมื่อไรกันคะ คุณชื่ออะไร เคยนัดฉันด้วยเหรอ” เสี่ยวเชี่ยนไม่เห็นจำได้ว่าช่วงนี้ตัวเองทำเรื่องที่ถึงขนาดต้องมีคนมาทำร้ายเธอ
“ผมชื่อซ่งชิงอู๋ ตอนนี้ทำงานให้ธุรกิจของตระกูลอยู่ในต่างประเทศ ก่อนหน้านี้ผมเคยส่งข้อความไป อยากให้คุณช่วยแก้ปัญหาที่รบกวนจิตใจผม แต่คุณก็ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย”
“ที่แท้คุณก็คือ—”
พอพูดถึงเรื่องข้อความเสี่ยวเชี่ยนก็นึกออก
เธอเคยได้รับข้อความจริง เงื่อนไขที่เสนอมาก็ดีมาก แต่เธอก็ปฏิเสธไป เวลานี้เธอยากที่จะมองว่าคนที่ส่งข้อความกับผู้ชายตรงหน้าที่ดูอันตรายนี้เป็นคนๆเดียวกัน
เพราะปัญหาที่ข้อความนั้นระบุก็คือ—รักร่วมเพศ
“ปัญหาเรื่องการเบี่ยงเบนทางเพศของผมรบกวนจิตใจผมมาตลอด หาจิตแพทย์มาก็หลายคนแต่ผลที่ได้กลับน้อยนิด ได้ยินมาว่าเมืองจีนมีจิตแพทย์ที่เก่งมากผมจึงรีบมาโดยที่ไม่ได้นัดก่อน ลูกน้องอาจเข้าใจเจตนาผมผิดไปก็เลยสร้างความลำบากให้คุณ ผมต้องขอโทษจริงๆครับ”
เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน เซ้นส์ของเธอบอกว่า ผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่แค่คนไข้ธรรมดา
ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ สิ่งแรกที่เสี่ยวเชี่ยนทำก็คือมองอวี๋หมิงหลาง เธออยากรู้ว่าเสี่ยวเฉียงมีปฏิกิริยาอย่างไร
พอเธอมองไปในใจก็หวาดหวั่น
ถึงแม้อวี๋หมิงหลางจะยังดูปกติ แต่เธอเห็นเขาถอดแว่นกันแดดออก สายตาที่เขามองผู้ชายคนนี้ทำให้เธอใจคอไม่ดี
เธอไม่เคยเห็นสายตาแบบนี้ของอวี๋หมิงหลางมาก่อน เสี่ยวเฉียงเป็นผู้ชายที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ไม่ว่าเรื่องไหนสายตาของเขาก็จะแน่วแน่มั่นคง แต่เวลานี้เสี่ยวเชี่ยนเห็นความระแวงเป็นอย่างมากในสายตาของเขา
ซึ่งก็ทำให้เสี่ยวเชี่ยนมั่นใจได้เรื่องหนึ่ง เสี่ยวเฉียงน่าจะรู้ประวัติของผู้ชายใส่แว่นกรอบทองคนนี้แล้ว ดูจากท่าทางของเสี่ยวเฉียง คนๆนี้จะต้องรับมือยากกว่าอาเหม็ดหลายเท่าแน่นอน
ในเมื่อเป็นแบบนี้…ประธานเชี่ยนก็รู้แล้วว่าจะต้องรับมือต่อไปอย่างไร
“คุณส่งคนมาแบบนี้ฉันก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา” เธอต้องถ่วงเวลาเพื่อให้เสี่ยวเฉียงมีโอกาสได้คิด
“หึหึ ฟังจากน้ำเสียงหมอเฉินไม่เหมือนคนที่กำลังตกใจเลยนะครับ คนของผมต่างหากที่เจ็บหนัก” สายตาของซ่งชิงอู๋มองไปยังแขนที่หักของลูกน้องตัวเอง ลูกน้องคนนั้นรีบหดหัว สายตาที่ลูกพี่มองมาเห็นได้ชัดว่ามองอย่างรังเกียจ
“ถ้าไม่ใช่เพราะสามีฉันเป็นคนมีฝีมือคนที่เจ็บหนักก็คงจะเป็นฉัน อีกอย่างคุณทำรถฉันพัง ทำเพื่อนของฉันบาดเจ็บ บัญชีนี้ฉันว่าเราควรจะมาคุยกันนะคะ”
“อ่อ” ซ่งชิงอู๋ไม่คิดว่าเสี่ยวเชี่ยนเจอตัวเองครั้งแรกจะพูดเรื่องที่ไร้สาระแบบนี้ก่อน
ผู้หญิงคนนี้ฉลาดจริงๆ
“ข่มขู่แฟนผม ทุบรถของแฟนผม แถมพวกคุณยังกล้าพกพาอาวุธมีคมเข้าประเทศของเรา เรื่องพวกนี้ไม่คิดว่าควรคิดบัญชีหน่อยเหรอครับ” อวี๋หมิงหลางโอบเสี่ยวเชี่ยนแน่ แต่พูดด้วยท่าทางสบายๆ
“พวกคุณจะเอายังไง” ซ่งชิงอู๋เบนสายตาไปที่อวี๋หมิงหลาง ในคลังข้อมูลของเขาไม่มีข้อมูลของอวี๋หมิงหลาง แต่ดูจากชุดทหารที่อวี๋หมิงหลางสวมใส่แล้ว เขาก็พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมา
มิน่าถึงสืบข้อมูลสามีของเฉินเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ ที่แท้ก็เป็นทหาร
ข้อมูลทหารของประเทศนี้เป็นความลับขั้นสูง ไม่มีใครสืบค้นได้ แต่ดูจากใบหน้าละอ่อนของผู้ชายคนนี้แล้ว ในประเทศที่ให้ความสำคัญกับความรู้ความสามารถสูงขนาดนี้ไม่น่าจะมียศใหญ่เท่าไร แต่การที่เขาสามารถสั่งให้เปิดปิดสะพานได้ก็มีความเป็นไปได้อย่างเดียว เขาเป็นทหารหน่วยรบพิเศษ หรือไม่ก็เป็นทหารที่อยู่หน่วยที่พิเศษ
“คุณทหารหน่วยรบพิเศษท่านนี้ทำร้ายคนของผมจนสภาพดูไม่ได้” ซ่งชิงอู๋พูดกับอวี๋หมิงหลาง
“พวกคุณทำรถแฟนผมเละแบบนั้น พวกเราเป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนก็ลำบากใจนะครับ ใช่ไหมที่รัก”
อวี๋หมิงหลางไม่ปฏิเสธคำพูดของซ่งชิงอู๋ แต่หันไปถามเสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนรีบเสริม
“ถ้าคุณต้องการนัดเวลาฉันเพื่อรักษาก็ขอให้ชดใช้เงินค่าซ่อมรถกับค่ารักษาเพื่อนฉันมาก่อนด้วยค่ะ รถของฉันเป็นรุ่นลิมิเต็ดอีดิชั่น แค่กระจกอย่างน้อยๆก็หนึ่งแสนแล้ว”
ลิมิเต็ดอีดิชั่นบ้าบออะไร นี่ก็แค่รถรุ่นเก่าที่ไม่ผลิตแล้วไม่ใช่หรือไง แค่กระจกแตกมาขูดรีดลูกพี่เขาแสนนึงเลย ลูกน้องซ่งชิงอู๋ยังไม่ยอมแพ้
ดูเหมือนจะเข้าหยั่งรู้ความคิดของชายชุดดำ เสี่ยวเชี่ยนจึงอธิบายต่อ
“รถน่ะราคาไม่เท่าไร แต่มันอยู่กับฉันมาตั้งหลายปี ย่อมผูกพันเป็นธรรมดา แม้แต่กระจกก็เต็มไปด้วยความทรงจำอันแสนหวาน แต่นี่บทจะแตกก็แตก เปลี่ยนใหม่แปดร้อยเก้าร้อยก็ได้ แต่ใครจะชดเชยความรู้สึกให้ฉันได้ ความทรงจำมันประเมินราคาไม่ได้ ฉันคิดแค่หนึ่งแสนนี่ก็ราคามิตรภาพที่ให้คนไข้แล้วนะคะ”
คำพูดเพ้อเจ้อแบบนี้ ซ่งชิงอู๋ฟังแล้วก็ทำหน้าไม่ถูก
“คุณคิดว่าผมเป็นแกะอ้วนเหรอ”