46 – เปิดหน้าชน
“ดูเหมือนว่าฉันจะเข้ามาขัดจังหวะใครบางคน”
หมอหลินเป็นผู้หญิงที่ปฏิบัติตัวตามประเพณีดั้งเดิมของจีนก็จริงแต่เธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่สามีไปมีเมียน้อยแล้วไม่กล้าส่งเสียง
เธอมีความประนีประนอมของตัวเอง ในขณะเดียวกันเธอก็มีความอดทนที่จำกัดอยู่เช่นกัน เธอสามารถบังคับตัวเองให้อภัยกับการกระทำครั้งล่าสุดของโจเจ๋อได้
หรือเธอพยายามบังคับตัวเองให้ยอมรับ “ซูเล่อ” (โจเจ๋อ) อย่างช้าๆ แต่เธอไม่สามารถยอมรับโจเจ๋อที่นอกใจในขณะที่ทั้งสองคนยังจดทะเบียนสมรสอยู่ได้ ดังนั้นตอนนี้เธอโกรธจนตัวสั่นไปหมด
กระทั่งอยากจะหันหลังเดินออกจากร้านไป
ในตอนนี้ เหตุผลที่หมอหลินยังไม่ไปไหนก็เพราะกำลังรอคำอธิบายของโจเจ๋อ อย่างไรก็ตามโจเจ๋อกลับนิ่งเฉยไม่ได้ตอบรับความแปลกใจของเธอ
‘จะไม่อธิบายอะไรหน่อยเหรอ’ ดวงตาของหมอหลินหรี่ลงทันที ‘ไม่คิดจะแก้ตัวเลย’? อันที่จริงหมอหลินกำลังเข้าใจโจเจ๋อผิด
ปัจจุบันโจเจ๋อไม่ได้สังเกตเห็นความรู้สึกของหมอหลินด้วยซ้ำ ตอนนี้เส้นขนเล็กๆทุกเส้นในร่างกายของเขาตั้งตรงลุกชี้ชัน ศพของหญิงสาวคนนี้ฟื้นขึ้นมาจริงๆ!
แม้ว่าเขาจะเห็นในคลิปวีดีโอแล้วว่าเธอตื่นขึ้นมาดื่มน้ำ แต่การที่ได้เห็นด้วยตาของตัวเองมันทำให้เขาตั้งตัวไม่ทันจริงๆ!
เมื่อเห็นเธอตื่นขึ้นในตอนกลางวันโจวเจ๋อมีความคิดอยากจะวิ่งออกจากร้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมซูชิงหลางถึงนั่งโง่ๆและอ่านหนังสือกลับหัว มันเป็นเพราะว่าเขาไม่กล้าขยับตัว!
“ยินดีต้อนรับกลับ”
ด้วยรอยยิ้มที่มุมปากเธอกล่าวทักทายโจวเจ๋อซึ่งคล้ายกับคำพูดของภรรยาชาวญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ที่มักจะพูดกับสามีที่ออกไปทำงานและกลับมาในตอนค่ำว่า “คุณกลับมาแล้ว”
หลังจากนั้น เธอจงใจมองไปที่หลินหวั่นชิวพร้อมกับทำสายตาแปลกใจ
“สวัสดี.” หมอหลินทักทายอย่างเย็นชา
โจวเจ๋อหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นเขายื่นมือออกไปและดึงซูชิงหลางขึ้นจากเก้าอี้
“หวั่นชิวผมอยากแนะนำใครบางคนให้คุณรู้จัก นี่คือซูชิงหลางเพื่อนสนิทและเพื่อนบ้านของผม คุณเห็นเขาแต่งตัวบ้าๆบอๆแบบนี้แต่ผมขอบอกไว้เลยว่าเขามีคอนโดถึง 20 หลัง”
“สวัสดี.” ซูชิงหลางพูดกับหลินหวั่นชิวแต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปยังหญิงสาวในชุดขาว
“สวัสดี.” หลินหวั่นชิวทักทาย
“นี่…” โจวเจ๋อชี้ไปที่หญิงสาวชุดขาว “ภรรยาของซู่ชิงหลาง”
“ถูกต้องแล้ว อะไรนะ?” ซูชิงหลางกรีดร้องแต่ในวินาทีต่อมาเมื่อมือของโจวเจ๋อบีบเข้าไปที่ต้นคอของเขา เขาก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ใช่ นี่คือภรรยาของผมเอง เธอแซ่ไป๋และมีชื่อว่าไป๋ซู่เจิน(ลอกเลียนชื่อของนางพญางูขาว) “ซูชิงหลางมองไปที่หลินหวั่นชิวและในขณะเดียวกันเขาก็วางมือข้างหนึ่งไว้บนไหล่ของหญิงสาวชุดขาว
ในชั่วพริบตาความรู้สึกเย็นเยียบแบบเดียวกับเมื่อคืนได้แล่นเข้าโจมตีวิญญาณของเขาโดยตรง
“อา โอ้ โอ้ โอ้ วู้ หวู่
ซูชิงหลางรีบปล่อยมือออกจากไหล่ของเธอก่อนจะหัวเราะและกล่าวว่า
“ฮ่าฮ่าที่รักผิวของเธอนุ่มมาก ฉันกลัวว่าจะห้ามใจไม่ไหวทุกครั้งที่สัมผัส!”
“ปล่อยพวกเขาคุยกันเถอะ หวั่นชิวผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณเราออกไปคุยกันข้างนอก”
โดยไม่รอให้หลินหวั่นชิวปฏิเสธโจวเจ๋อก็จับมือของเธอก่อนจะลากออกมาจากร้านหนังสือโดยตรง
“อา ซูเล่ออย่าเพิ่งไป จู่ๆผมก็นึกถึงเรื่องสำคัญที่ตั้งใจจะบอกคุณได้พอดี คุณก็รู้ว่าผมมีคอนโด 20 หลังแต่ผมคิดว่ามันมากเกินไปจึงคิดจะยกพวกมันทั้งหมดให้กับคุณ”
ซูชิงหลางโบกมือและพยายามเดินออกไปนอกร้านพร้อมกับโจวเจ๋อ
อย่างไรก็ตามขณะที่ซูชิงหลางกำลังจะเดินออกไป จู่ๆรู้เขาก็สึกถึงมือเย็นๆของใครบางคนจับเข้าที่ต้นคอด้านหลังของเขา เขามั่นใจว่าถ้าเขายังดึงดันจะเดินออกไปนอกร้านมือเย็นๆนี้จะไม่ลังเลที่จะบิดคอของเขาออกจากตัวอย่างแน่นอน
ซูชิงหลางเป็นคนฉลาดอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบหัวเราะประจบออกมาทันที
“ก็แค่ล้อเล่นนะที่รัก ผมจะยกคอนโดพวกนั้นให้คนอื่นได้อย่างไร เราจะมีลูก 20 คนและมอบคอนโดให้กับพวกเขาคนละหลังคุณคิดว่าดีหรือเปล่า”
ใบหน้าของซูชิงหลางดูขมขื่นในขณะที่เขานั่งลงบนเก้าอี้พลาสติก
โจวเจ๋อจับมือหมอหลินและเดินออกจากร้านหนังสือมาหยุดอยู่ที่กลางถนน
“นี่คุณจะทำอะไร” ถามหมอหลิน
“ช่วงนี้คุณดูอ้วนขึ้นนะตอนดึกๆแอบกินอะไรหรือเปล่า?”
โดยไม่รอให้เธอพูดอะไรเขาก็รีบผลักเธอเข้าไปในรถทันที “มุ่งตรงกลับบ้านเลยนะอย่าจอดแวะที่ไหน”
“เกิดอะไรขึ้น?” หลินหวั่นชิวรู้สึกสงสัยจึงมองกลับไปที่ร้านหนังสือ
“ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวอีกไม่กี่วันผมจะกลับไปนอนที่บ้าน” โจวเจ๋อบอก
หมอหลินไม่ได้พูดอะไรอีก เธอสตาร์ทรถขึ้นก่อนจะมองโจวเจ๋อด้วยสายตาที่จริงจังและขับรถออกไป
โจวถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
พูดตามตรงเขาไม่ต้องการกลับไปที่ร้านหนังสือทางเลือกที่ดีที่สุดของเขาตอนนี้คือกระโดดขึ้นรถหมอหลินและกลับบ้านไปพร้อมกัน แต่มันเป็นไปไม่ได้ศพนั้นเขาขุดขึ้นมาด้วยตัวเองดังนั้นเขาต้องรับผิดชอบ
โจวเจ๋อไม่มีทางเลือกจริงๆเขากลัวว่าหากเขาปล่อยให้เธอทำอะไรในเมืองตงเฉิงยัยเด็กตัวน้อยนั่นอาจจะพาพรรคพวกของเธอมารุมกระทืบเขาที่ทำงานไม่ได้เรื่องก็ได้
สำหรับซูชิงหลางที่ยังอยู่ในร้านหนังสือ
โอ้
ซูชิงหลางยังอยู่ในร้านหนังสือ เกือบลืมไปเลย
ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาถูกผีผู้หญิงนั้นหักคอไปแล้วหรือยัง
โจวเจ๋อรีบโยนบุหรี่ที่เพิ่งสูบได้สองคำลงพื้นจากนั้นก็ค่อยๆย่องกลับไปที่ร้านหนังสือเพื่อดูว่ามีสถานการณ์รุนแรงอะไรเกิดขึ้นหรือไม่
เมื่อเขาเห็นว่าซูชิงหลางยังคงปกติดีเขาจึงเปิดประตูกลับเข้าไป
“คุณกลับมาแล้ว”
หญิงสาวชุดขาวยังคงยืนอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางสง่างาม แต่ดวงตาของเธอมีแววขบขันกับท่าทางของพวกเขาทั้งสองคน
“กลับไปชั้นสองแล้วนอนลงไม่อย่างนั้นฉันจะจัดการเธอให้ตายไปอีกครั้งอย่างแน่นอน”
โจวเจ๋อตะโกนออกมาพร้อมกับชี้นิ้วสั่งหญิงสาวพร้อมกับ LED สีดำของเขาที่งอกออกมาอย่างรวดเร็ว
“โอ้ ฉันอยากรู้จริงๆว่าคุณจะจัดการฉันแบบไหน” หญิงสาวส่งสายตายั่วยวนมาที่โจวเจ๋อ
อย่างไรก็ตามในขณะที่โจวเจ๋อกำลังปวดหัวอย่างหนัก หญิงสาวชุดขาวก็ยื่นมือขวาของเธอที่มีเล็บสีดำคล้ายคลึงกับของเขาบีบเข้าไปที่คอของซูชิงหลาง
“เซียงกงซูชิงหลางคอของคุณทำไมถึงน่ากินขนาดนี้” หญิงสาวแลบลิ้นน้อยๆของเธอมาแตะที่คอของซูชิงหลางเบาๆ
ทันใดนั้นกระจกทองแดงโบราณก็ปรากฏขึ้นในมือของซูชิงหลางพร้อมกับส่องไปที่หญิงสาวทันที
อย่างไรก็ตามกระจกทองแดงก็ระเบิดขึ้นและซูชิงหลางถูกกวาดออกไปชนกำแพงร้านหนังสืออย่างรุนแรงจนเขานอนนิ่งอยู่กับพื้น
โจวเจ๋อไม่รอช้าเขารีบกระโดดเข้าไปขัดขวางหญิงสาวอย่างรวดเร็ว พูดตรงๆนี่เป็นการต่อสู้ที่จริงจังครั้งแรกของเขานับตั้งแต่มีชีวิตใหม่อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเมื่อดวงตาของหญิงสาวมองเห็นเล็บสีดำของโจวเจ๋อเธอก็รีบกระโดดถอยหลังขึ้นไปบนบันไดด้วยความกลัว
“แค่ก …”
ซูชิงหลางลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งประคองเอวของตัวเองไว้
ในตอนแรกเขาคิดว่าโจวเซ่อจะถูกหญิงสาวจัดการเหมือนกับเขา แต่เมื่อเห็นว่าโจวเจ๋อสามารถไล่ต้อนหญิงสาวกลับขึ้นชั้นสองไปได้ดวงตาของเขาก็มีความสดชื่นขึ้นมาทันที