53 – อับอาย
หลังจากออกมาจากวัดแล้วซูชิงหลางก็พาคู่รักวัยกลางคนออกไปทานอาหาร ซึ่งแน่นอนว่าโจวเจ๋อได้ปฏิเสธที่จะไปกับพวกเขาด้วย
โจวเจ๋อไม่รีบขึ้นแท็กซี่แต่เดินลัดเลาะไปตามถนนเล็กๆพร้อมกับไป๋อิ่ง
อากาศเริ่มอุ่นขึ้นและกลางคืนก็ไม่หนาวเหมือนเมื่อก่อน
“เกิดอะไรขึ้น?” โจวเจ๋อหันไปถามหญิงสาวที่เดินมาด้วยกัน
หลังออกจากวิหารขงจื้อแล้วดูลักษณะท่าทางของเธอหดหู่ไม่น้อย
“อึดอัด.” ไป๋อิ่งตอบกลับ
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งไป๋อิ่งก็พูดว่า
“รูปปั้นบางรูปในวิหารขงจื๊อจ้องมาที่ฉัน มันรู้สึกแปลกๆ”
“คุณคิดว่าพวกเขากำลังมองคุณอยู่เหรอ” โจวเจ๋อถาม
“ใช่” ไป๋อิ่งพยักหน้า
“คุณคิดว่าพวกเขาไม่ชอบคุณเหรอ”
“ใช่” ไป๋อิ่งยังคงพยักหน้า
“คุณคิดว่าคุณไม่ควรไปที่นั่นเพราะคุณเป็นซอมบี้เหรอ”
“ใช่” ไป๋อิ่งพยักหน้า
โจวเจ๋อยิ้มและลูบศีรษะของหญิงสาวเบาๆ
“คุณเป็นซอมบี้สิ่งมีชีวิตที่ผู้คนและผีเกลียดชัง แต่คุณไปที่วัดขงจื๊อเพื่อจุดธูปอธิษฐานให้ใครบางคนมีความสุข พวกเขาอาจจะคิดว่าคุณเป็นคนพิเศษเขาก็เลยมองดูคนหรือเปล่า หรือบางทีคุณอาจจะคิดไปเอง”
“แต่ถ้าพวกมันมองมาที่ฉันจริงๆ ถ้าพวกมันมีปัญหากับฉันจริงๆ…” หญิงสาวยังคงลังเล
“ถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่คู่ควรที่จะได้รับการสักการะในวิหารขงจื้อ!”
โจวเจ๋อตะโกนเสียงดัง
เมื่อมองไปที่โจวเจ๋อไป๋อิ่งก็ยิ้มและพูดว่า “เจ้านาย สิ่งที่คุณพูดนี่ช่างเย่อหยิ่งจริงๆ”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
โจวเจ๋อเพลิดเพลินกับการเยินยอของสาวใช้
“แต่เจ้านายคุณเป็นผี มีตัวตนที่แท้จริงในโลกแห่งความมืดสำหรับคนธรรมดาตัวตนของคุณก็ไม่เท่าไหร่นักแต่หากเป็นโลกวิญญาณนั้นมันไม่เหมือนกัน
ฐานะของคุณนั้นเปรียบเสมือนกับผู้ว่าการแคว้นได้ด้วยซ้ำ ตอนที่คุณยังมีชีวิตอยู่ไม่ทราบว่าคุณทำอาชีพอะไรยิ่งใหญ่เหมือนกับตอนที่ตายแล้วหรือเปล่า แล้วตอนที่ตายไปแล้วกลัวที่จะตกนรกหรือไม่”
เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋อิ่งโจวเจ๋อก็นึกไปถึงเรื่องราวในอดีต
เขามองขึ้นไปที่โคมไฟถนนและพูดว่า
“ผมเป็นหมอรักษาผู้ป่วยและช่วยชีวิตผู้คนในชาติที่แล้ว ไม่รับซองแดง ไม่สูญเสียบรรทัดฐาน และปฏิบัติตามหลักจริยธรรมทางการแพทย์เสมอมา
ต่อมาเมื่อกลายเป็นผีผมก็ไม่เคยทำเรื่องผิดจริยธรรมดังนั้นต่อให้พวกยมทูตมาเอาตัวผมผมก็ไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย”
โจวสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดซ้ำ
“ไม่มีอะไรต้องกลัว”
ไป๋อิ่งได้ยินคำพูดของเขาเธอก็ไต่ตรองชั่วครู่
หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินกันต่ออย่างไร้จุดหมายท่ามกลางสายลมเย็นสบาย
ในที่สุดไป๋อิ่งก็หยุดและถามว่า
“เจ้านาย คุณจะไปไหน”
โจวเจ๋อหยุดและมองไปรอบๆ โดยไม่รู้ตัวเขาตกใจเมื่อพบว่าเขาเดินเข้าไปในประตูของชุมชน
สถานที่ที่คุ้นเคย บ้านที่คุ้นเคย ตู้ไปรษณีย์ที่คุ้นเคย
แม้จะอาศัยอยู่ที่ร้านหนังสือมาเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้วแต่สุดท้ายเขาก็เดินกลับมาที่บ้านของตัวเองอีกครั้ง
เมื่อเขาเติบโตขึ้นมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาจะมีความผูกพันต่อคำว่าบ้านเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามทุกสิ่งทุกอย่างหายไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ บัญชี QQ เพื่อนฝูง
แม้แต่บ้านของเขาก็ยังถูกขายโดยโรงพยาบาลหลังจากที่เขาเสียชีวิต และเงินทั้งหมดก็บริจาคให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยชื่อของเขา
โจวเจ๋อรู้สึกเสียใจเล็กน้อยเพราะแม้แต่ญาติคนเดียวในชีวิตก่อนเขาก็ไม่เคยมี
“นี่คือบ้านเก่าของผม” โจวเจ๋อพูดกับหญิงสาว
“ขึ้นไปดูกันไหม” ไป๋อิ่งชวน
“ขายไปแล้ว” โจวเจ๋อถอนหายใจ
“ก็แค่กลับมาดูสักครั้ง”
โจวเจ๋อพยักหน้าและเดินเข้าไป
พวกเขาเดินเข้าไปอาคารหลังที่ 2 และขึ้นลิฟท์ไปบนชั้น 5
โจวเจ๋อมองไปที่ประตูด้วยความงง เจ้าของบ้านคนใหม่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมแม้แต่น้อย?
แม้แต่เสื่อที่ประตูก็ยังไม่เปลี่ยน
โจวเจ๋อเอื้อมมือไปค้นหาอะไรที่ใต้พรมหน้าประตูก่อนจะพบกุญแจดอกหนึ่ง
ตอนนั้นโจวเจ๋อมักจะถูกเรียกไปโรงพยาบาลตอนกลางคืนในบางครั้งเขาจึงลืมกุญแจไว้ที่โรงพยาบาลดังนั้นเขาจึงซ่อนกุญแจสำรองไว้ที่ใต้พรมใกล้ๆกับประตูห้อง
“แคร๊ก…”
ประตูถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย เจ้าของคนใหม่ไม่ได้เปลี่ยนตัวล็อคหรือ?
โจวเจ๋อตกตะลึงเล็กน้อยเขาผลักประตูเปิดและเปิดไฟ
ทุกอย่างในห้องนั่งเล่นยังคงเหมือนเดิม
โจวเจ๋อถึงกับเห็นรองเท้าแตะของเขาเองวางอยู่ที่เดิม เขาจึงใส่มันแล้วเดินไปมาในห้อง ไป๋อิ่งก็เข้ามากับเขาด้วย
“เจ้านาย เหมือนเดิมไหม?” ไป๋อิ่งถาม
“อืม มันก็เป็นสถานที่ที่แปลกที่สุดสำหรับผมเช่นกัน”
เหมือนเดิมแต่ไม่สอดคล้องกับสามัญสำนึก
คนธรรมดาควรทิ้งสิ่งของทั้งหมดที่คนตายใช้หลังจากที่พวกเขาซื้อบ้านต่อไม่ใช่หรือ
เป็นไปได้อย่างไรที่จะเก็บไว้ตลอดเวลา? มันน่าเหลือเชื่อเกินไป
อาจเป็นเพราะคนที่เข้าครอบครองบ้านเตรียมซื้อไว้เก็งกำไรเท่านั้น? โดยที่ไม่ได้คิดจะอยู่อาศัยเอง
โจวเจ๋อนั่งลงบนโซฟาราวกับว่าตอนนี้เขาเปลี่ยนกลับมาเป็นตัวเอง
ทุกครั้งที่โจวเจ๋อกลับบ้านด้วยความเหนื่อยเขาจะดูทีวีและทานอาหารตอนกลางคืนเล็กน้อย แม้ว่าจะเรียบง่ายแต่ก็เต็มไปด้วยความสุข
ไป๋อิ่งไปต้มชาและรินให้โจวเจ๋อหนึ่งถ้วยแล้วพูดว่า
“เจ้านาย คุณตายไปครึ่งปีแล้วหรือ”
“เจ็ดเดือน”
โจวเจ๋อตอบกลับ แต่ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าการสนทนานี้แปลกๆสักหน่อย
“มันไม่ควรจะสะอาดขนาดนี้ตลอดเจ็ดเดือนที่ผ่านมา” ไป๋อิ่งก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน
โจวเจ๋อพยักหน้าเห็นด้วย ที่นี่สะอาดมาก มีใครบางคนเข้ามาทำความสะอาดที่นี่เป็นประจำ
แต่เขาก็รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อยหากคนคนนั้นเข้ามาทำความสะอาดบ้านอยู่ตลอด แล้วทำไมเขาถึงไม่ได้เปลี่ยนชุดเฟอร์นิเจอร์หรือสภาพของบ้านไปเลย
โจวเจ๋อผลักเปิดประตูห้องนอนและพบว่าผ้าปูที่นอนยังคงเป็นผ้าปูที่นอนของเขา
“เจ้านาย ฉันจะไปอาบน้ำ ฉันเพิ่งถูกคนแก่พวกนั้นจ้องมองมาเป็นเวลานานมันทำให้ฉันขนลุก”
“งั้นไปเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นก่อนผ้าเช็ดตัวอยู่ในตู้ครัวตรงประตูห้องน้ำ” โจวเจ๋อเตือน เขาคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็ควรจะอยู่ที่เดิม
ไป๋อิ่งไปอาบน้ำ เธอรักความสะอาดมากดังนั้นการที่เธอนอนอยู่ใต้ดินนานถึง 200 ปีมันกินสร้างความลำบากให้กับเธอไม่น้อย เมื่ออยู่ที่ร้านหนังสือเธอจะอาบน้ำวันละ 2 ครั้งทำให้โจวเจ๋อต้องเสียค่าน้ำเยอะขึ้นพอสมควร
แต่มาคิดว่าเธอต้องทำงานในร้านอย่างหนักโดยไม่รับค่าจ้างเขาจึงไม่เคยพูดอะไร
โจวเจ๋อยืนอยู่บนระเบียง มองดูแสงที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนกลางคืน
ที่นี่คือบ้านของเขามันไม่เปลี่ยนแปลง แต่ไม่ได้เป็นของเขาอีกต่อไป เขาดึงบุหรี่ออกมาสูบอยู่ที่ระเบียงพร้อมกับนึกถึงอดีตที่ไม่สามารถย้อนกลับได้
เมื่อเขายืนอยู่ตรงนี้เขาจึงตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะซื้อมันกลับมาเป็นของตัวเอง เขาต้องช่วยชีวิตผีให้มากกว่านี้เพื่อจะได้เงินมาซื้อบ้าน ด้วยความสามารถของเขาการจะหาเงินจำนวนมากย่อมไม่เป็นปัญหาอะไร
โจวเจ๋อรู้ว่าแรงกระตุ้นแบบนี้ไม่สามารถระงับได้ง่าย มันเป็นหนทางที่ไม่มีวันหวนกลับ มันคือกล่องของแพนโดร่าเมื่อมันถูกเปิดออกเขาไม่สามารถหยุดได้
“แคร๊ก..”
จู่ๆก็มีเสียงเปิดประตูหรือเจ้าของบ้านคนใหม่จะกลับมาแล้ว?
โจวเจ๋อหันหลังกลับและเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นจากระเบียง เขากำลังคิดหาวิธีอธิบายให้เจ้าของห้องฟังว่าเขาเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร
แม้ว่าเขาจะเป็นผีแต่หากถูกจับในข้อหาบุกรุกก็คงจะเป็นเรื่องแย่เอามากๆ?
แต่แล้วร่างที่คุ้นเคยก็เดินเข้าประตูมา
หมอหลินยืนอยู่ที่ประตูพร้อมกับมองโจวเจ๋อด้วยสีหน้าตกตะลึงและวิตกกังวล
“คุณมาที่นี่ทำไม”
โจวเจ๋อตกตะลึง คนที่ซื้อบ้านของเขากลับเป็นหมอหลินนี่เอง?
“ฟังนะ.” หลินหวั่นชิว
“ฟังนะ.” โจวเจ๋อ.
พวกเขาพูดพร้อมกัน
สำหรับหลินหวั่นชิวเธอรู้สึกหงุดหงิดมากเพราะเธอรู้สึกว่าโจวเจ๋อได้พบหลักฐานของ “การนอกใจ” ของเธอ ทำให้เขาติดตามเธอมาที่นี่
เธอเป็นภรรยาของเขา แต่ซื้อบ้านที่ทิ้งไว้โดยชายอื่น รวมทั้งยังทำความสะอาดและรักษามันไว้ในสภาพเดิม สาเหตุที่เธอไม่เคยหลับนอนกับเขาก็เป็นเพราะชายคนนี้
หลินหวั่นชิวรู้สึกตัวเองทำผิด
โชคดีที่บรรยากาศที่น่าอับอายนี้อยู่ได้ไม่นาน
เพราะมีเรื่องน่าอายเกิดขึ้นอีก
“เจ้านาย เสื้อผ้าของเปียกไปหมดแล้ว”
เมื่อเสียงพูดจบไป๋อิ่งก็ออกมาพร้อมกับผ้าขนที่พันอยู่รอบร่างกาย
“ ” หลินหวั่นชิว