134 – ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็จะกลับมา
“เมื่อไปนรกข้าจะอุทิศตนให้กับมาร
เมื่อไปนรกข้าจะหมกมุ่นอยู่ในความเงียบเหงา
เมื่อไปนรกข้าจะไม่มีวันหันหลังกลับ”
บทสวดเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ และจังหวะก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เหลียงชวนหลงลืมตัวเองไปแล้ว เขาหมกมุ่นอยู่กับจังหวะที่ไม่มีอยู่จริง และแสร้งทําเป็นจมอยู่ในบรรยากาศที่เขาสร้างขึ้น
เมื่อคนธรรมดาเห็นฉากนี้ก็จะคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติในสมองของเขา ซึ่งเป็นหนึ่งในความบันเทิงด้วยตัวเองของผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติทางจิต
มีเพียงผู้พิทักษ์ภูตผีเหล่านั้นที่สามารถสัมผัสได้กับความสิ้นหวังได้อย่างแท้จริง!
“เมื่อไปนรกข้าจะไม่สับสนอีกต่อไป
เมื่อไปนรกข้าจะหยุดดิ้นรน”
สาวไร้หน้าที่คุกเข่าอยู่มุมห้องค่อยๆสวดมนต์ด้วยประโยคเดียวกับเหลียงชวน เธอลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆพร้อมกับแหวกผมของตัวเองเปิดออก
เธอไม่มีใบหน้า แต่ตอนนี้มีใบหน้าหนึ่งค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ว่างเปล่าของเธอ
ไม่มีการดิ้นรน ไม่มีการต่อต้าน ในช่วงนี้ราวกับว่าหลายสิ่งหลายอย่างได้รับการตัดสินแล้ว!
ริมฝีปากสีแดงปรากฏขึ้น จากนั้นก็เป็นจมูกจิ้มลิ้มดวงตากลมโตรวมไปถึงสิ่งอื่นๆ และใบหน้าทั้งหมดก็ชัดเจน
นี่คือใบหน้าที่เคยต่อสู้กับสาวไร้หน้านั่นเอง
เป็นใบหน้าที่สวยงามและอ่อนเยาว์
ผู้หญิงคนนั้นมองไปที่เหลียงชวนจากนั้นเธอก็เริ่มร้องเพลงขึ้นมาอีกคน เหลียงชวนเอื้อมมือออกไปและลูบศีรษะของหญิงสาวเบาๆราวกับว่าเธอเป็นน้องสาวของเขา
ทั้งสองมองหน้ากันและท่องต่อไปพร้อมกัน
“เมื่อข้าไปลงนรกอดีตจะถูกฝังไว้
เมื่อข้าไปลงนรกจะไม่มีอนาคตอีกต่อไป
เมื่อข้าไปลงนรกจะไม่มีตัวข้าในโลกนี้ตลอดกาล! ”
เมื่อสวดมนต์มาถึงตรงนี้แมวขาวก็หมดเรี่ยวแรง มันคลานไปหาเหลียงชวนและนั่งลงที่ขอบประตูช้าๆ ตอนนี้แม้แต่แรงจะขยับตัวมันของมันก็ไม่มีเหลือแล้ว
“เมื่อข้าไปลงนรกไม่ว่าจะกี่ครั้งข้าก็จะกลับมาใหม่! ”
“ปัง! ปัง ปัง ปัง!”
วิญญาณผีแหลกสลายกลายเป็นละอองแสงไปที่ละคน
“เจ้านายวันนี้ไม่เปิดร้านเหรอ”
ไปยิ่งเดินไปหาโจวเจ๋อด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
โจวเจ๋อจิบน้ําส่ายหัวแล้วพูดว่า
“วันนี้พวกเขามีความสุข ปล่อยให้พวกเขาเต็มที่เถอะ”
หลังจากนั้นโจวเจ๋อก็หันไปมองถังซือที่กําลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนเสียงแหบแห้งก่อนจะบอกกับไป๋อิ่งว่า
“คืนนี้ เธอจัดการเรื่องอาหารนะ”
“โอเค!”
ไป๋อิ่งยิ้มออกมาด้วยความสุข
“แต่ก่อนหน้านั้นชงกาแฟให้ผมแก้วนึ่งแล้วไปซื้อหนังสือพิมพ์มาด้วย”
โจวเจ๋อตุ๊ฝ่ามือขวา ความเจ็บปวดค่อยๆหายไปเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของกุญ แจมากขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งเร้าเหล่านี้ทําให้จิตวิญญาณของเขาเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
เขาอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและเพิ่งฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน ตอนนี้เขายังต้องทนรับกับความเหน็ดเหนื่อยของจิตวิญญาณอีกมันทําให้เขาดูอ่อนแอลงไปเป็นอย่างมาก
ไป๋อิ่งชงกาแฟมาให้เขาแก้วนึ่ง แล้วเดินออกไปซื้อหนังสือพิมพ์อย่างร่าเริง
โจวเจ๋อยังคงนั่งข้างหน้าต่างและอ่านหนังสือพิมพ์ในมือ
ในตอนนี้ค่อนข้างจะเป็นช่วงเวลาที่ดึกพอสมควรดังนั้นโจวเจ๋อจึงไม่คิดว่าจะมีใครมาที่ร้านอีกแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็คิดผิดเพราะในเวลานี้มีใครบางคนเปิดประตูร้านเข้ามา
เธอเป็นหญิงสาวที่เลี้ยงสุนัขคอร์กี้ นี่เป็นลูกค้าคนแรกของเขาตั้งแต่เขามาอาศัยอยู่ในร่างของซูเล่อ เธอเป็นเพื่อนบ้านของซูชิงหลางนั่นเอง
“เถ้าแก่วันนี้ดูสนุกสนานจังนะ”
หญิงสาวนั่งลงตรงหน้าโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อผลักกาแฟของเขาไปให้เธอแล้วบอกว่า
“ผมยังไม่ได้กิน”
หญิงสาวส่ายหน้า
“มันดึกแล้วฉันกลัวนอนไม่หลับ เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา”
หญิงสาวชี้ไปที่ถังซือที่นั่งกําลังหัวเราะด้วยความบ้าคลั่ง ในขณะที่เหล่าเต่ก็กําลังร้องเพลง เสียงดังจนตาแดงฉานและลิงน้อยเป็นคนถ่ายวีดีโอให้เขาด้วยมือถือของตัวเอง
“เปิดร้านใหม่ วันนี้ก็เลยเชิญคณะละครสัตว์มาเล่น”
หญิงสาวยิ้มเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ถือสาคําพูดของเขา เธอเดินไปที่บาร์และเทน้ําหนึ่งแก้วให้ตัวเอง
“เถ้าแก่ฉันจําได้ว่าเมื่อคุณบอกว่าคุณเปิดร้านใหม่คุณจะให้ฉันเป็นผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง”
“ธุรกิจไม่มีกําไร มันจะเป็นการทําร้ายคุณซะเปล่า”
“วันนี้ฉันบังเอิญผ่านมาเจอป้าย “บ้านหนังสือยามดึก” แล้วก็ลังเลเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามาไม่คิดว่าจะเป็นร้านของคุณ ที่นี่ทําเลดีมาก ขอให้คุณประสบความสําเร็จเจริญรุ่งเรือง เดี๋ยววันหลังฉันจะมาเที่ยวที่นี่ไหม”
พูดจบเธอก็เดินออกไปจากร้าน หญิงสาวไปเร็วมาเร็วมาก
โจวเจ๋อหยิบกาแฟของเขาขึ้นมาจิบและอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไป ทันใดนั้นก็มีเงาสีดําปรากฏอยู่ที่หน้าร้านหนังสือ
โจวเจ๋อหันศีรษะและมองออกไปนอกหน้าต่างกระจก มีหญิงชราคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น
“มีลูกค้า”
โจวเจ๋อตะโกนใส่ถังซือและเหล่าเต้ โจวเจ๋อชี้ไปที่หญิงชราที่อยู่นอกร้านในไม่ช้าถังซือก็ออกไปพาตัวเธอเข้ามา
“คุณส่งเธอลงนรกได้หรือเปล่า” โจวเจ๋อถาม
ตอนนี้เขาอ่อนแอเล็กน้อยมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเปิดประตูนรก
“ฉันทําไม่ได้” ถังซือส่ายหน้า
โจวเจ๋อมองไปที่หญิงชราด้วยสีหน้างุนงง เขาพบว่าตั้งแต่เข้ามาในร้านเธอเอาแต่จ้องมองไปที่นาฬิกาแขวนบนผนัง
“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยเธอไว้ในร้าน รอให้ร่างกายของผมฟื้นตัวก่อนแล้วค่อยส่งเธอไปที่นรกพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
ขายุงก็เป็นเนื้อเช่นกัน โจวเจ๋อไม่รังเกียจที่จะเก็บเธอไว้ก่อน มันไม่มีทางที่เขาจะไล่ลูกค้าออกไปจากร้านแน่นอน
“แล้วใครจะเป็นคนเฝ้าเธอไว้” ถังซือถาม
ในร้านหนังสือมีเพียงสี่คนที่สามารถอยู่กับผีได้
หนึ่งคือโจวเจ๋อ หนึ่งคือซูชิงหลาง หนึ่งคือถังซือ และอีกคนคือไป๋อิ่ง ส่วนเหล่าเต่นับเป็นเพียงครึ่งคนเท่านั้น
แต่ตอนนี้ซูชิงหลางไม่อยู่ที่ร้านส่วนโจวเจ้ออ่อนแอมากเกินไปเขาไม่สามารถดูแลผีตัวนี้ได้
ถังซือก็ไม่เคยสนใจธุรกิจของเขาแม้แต่น้อย ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางที่จะนั่งเฝ้าหญิงชราคนนี้ทั้งคืนอย่างแน่นอน
ในขณะที่ไป๋อิ่งเพิ่งจะวิ่งขึ้นไปเล่นเกมหลังจากที่ทําอาหารและออกไปซื้อหนังสือพิมพ์ ยัยเด็กโง่คนนั้นใช้ทรัพย์สมบัติของตัวเองทั้งหมดเพื่อมาให้โจวเจ๋อเปิดร้านหนังสือ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเกรงใจเธออยู่บ้าง
“ถ้าอย่างนั้นก็ทิ้งเธอไว้ตรงนี้แหละคิดว่าเธอคงไม่ไปไหนหรอก” โจวเจ๋อทําได้เพียงยักไหล่
“โอ้ ผีรอบๆตัวคุณจะถูกดึงดูดมาหาคุณเหมือนพวกแมงเม่าบินเข้ากองไฟ แต่หลังจากมาที่นี่ แล้วพวกเขาก็จะได้สติ ในไม่ช้าพวกเขาจะหวาดกลัวและหนีไป ทุกคนในโลกนี้หวาดกลัวนรกแม้ จะไม่เคยเห็นมันแต่ทุกคนรู้ดีว่ามันไม่ใช่สถานที่ที่ดี ”
โจวเจ๋อชี้ไปที่หญิงชราแล้วพูดว่า
“ผมคิดว่าสมองของเธอมีปัญหานิดหน่อยดังนั้นไม่น่าจะเป็นปัญหาในเรื่องนี้”
“โยนเธอให้ยัยหนูซอมบี้กินซะก็สิ้นเรื่อง”
“ไม่มีทาง ที่นี่เป็นสถานีขนส่งไม่ใช่โรงฆ่าสัตว์”
“ก็แล้วแต่คุณ” ถังซือเตรียมจะขึ้นไปบนชั้นสอง
“คุยกันก่อนไม่ได้หรือไง” โจวเจ๋อตะโกนใส่เธอ
ถังซือไม่หยุดและเดินเร็วขึ้น
เห็นได้ชัดว่าเธอรู้ว่าโจวเจ๋อต้องการจะพูดอะไร เธอไม่ต้องการที่จะอยู่เฝ้าผีตัวนี้ดังนั้นต่อให้เขาพูดยังไงเธอก็ไม่ยอมหันกลับมา!
“บอส วันนี้ผมมีความสุขมาก!”
เมื่อเหล่าเต่หายเหนื่อยจากการร้องเพลงเขาก็รีบเดินมาหาโจวเจ๋อด้วยรอยยิ้มสดใส
“เหนื่อยหรือเปล่า?” โจวเจ๋อถาม
“สบายดีครับ ผมรู้สึกสดชื่นมากเลย”
“ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไปทําความสะอาดร้าน”
“……..” เหล่าเต๋า