144 – ไม่สวมรองเท้า
พวกเขากลับไปที่โรงพยาบาลโจวเจ๋อยังคงตรงไปที่ห้องเก็บศพ
โจวเจ๋อเปิดตู้แช่แข็งด้วยตัวเอง และศพผู้หญิงก็นอนอยู่ในนั้น
“มีอะไรแปลกๆเหรอครับเจ้านาย?” เหล่าเต่ถามในขณะที่พยายามหอบหายใจ
“มันไม่ใช่กริช” โจวเจ๋อกล่าว
“ไม่ใช่กริช งั้นแสดงว่ามันเป็นมีดเหรอ เจ้านายวิ่งมาตั้งไกลก็เพื่อสิ่งนี้?” เหล่าเต่ถอนหายใจ
โจวเจ๋อไม่ตอบกลับ นิ้วของเขาปล่อยเล็บยาวสีดําออกมาอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นนิ้วของโจวเจ๋อก็ค่อยๆยื่นเข้าไปในบาดแผลของศพผู้หญิงอย่างช้าๆ
ถูกต้องแล้ว! พวกเขาไม่ได้ตายเพราะกริช ไม่ได้ตายเพราะถูกมีดแทง แต่เป็นของมีคมอย่างอื่น
มันคือเล็บ!
ดวงตาของชายชราเบิกกว้างทันที แม้จะแปลกใจและไม่รู้จะพูดอะไรแต่เขาก็ยังกล่าวออกมาด้วยเสียงสั่นสะท้าน
“แข็ง แข็ง…”
“ก็นึกแล้วเชียวว่ามันแปลกๆ” โจวเจ๋อหันศีรษะมองไปทางเหล่าเต่ําและกล่าวว่า ”ดึงช่องแช่แข็งของรปภคนนั้นออกมาตรวจสอบอีกครั้งหน่อยสิ”
เหล่าเต่พยักหน้าทันที แต่เมื่อเขาดึงช่องแช่แข็งออกมาเหล่าเก็ตกตะลึงทันที
“เจ้านาย แย่แล้ว!”
“เกิดอะไรขึ้น?” โจวเจ๋อดึงเล็บออกแล้วหันไปมองเหล่าเต่า
“ร่างกาย ร่างกายหายไป!”
เหล่าเต่หันไปมองโจวเจ๋อ ทันใดนั้น ฉากที่น่ากลัวก็ปรากฏขึ้น
ชายชราเอื้อมมือออกไปชี้ไปที่โจวเจ๋อด้วยอาการสั่นเล็กน้อย เพราะเขาเห็นศพนอนอยู่บนเตียงค่อยๆลุกขึ้นนั่งช้าๆ
ศพก็มองมาที่เขา ทันใดนั้นศพผู้หญิงก็ลุกขึ้นนั่งอย่างเงียบๆ
นี่มันเป็นพร็อตหนังสยองขวัญคลาสสิค ระหว่างทางที่จะสืบสวนอะไรบางอย่างของตัวเอกกับผู้ช่วยของเขา จู่ๆฉากที่น่ากลัวก็ปรากฏขึ้น
“เจ้านาย”
เหล่าเต่เคยเห็นอะไรมาเยอะแยะ แต่สาบานได้ว่าสิ่งที่เขาพบเจอในตอนนี้เป็นเรื่องสยดสยองที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว
” เกิดอะไรขึ้น?”
โจวเจ๋อถาม เขาไม่ได้มองย้อนกลับไป เขามองไปทางเหล่าเต้
“คุณ คุณ..”
เมื่อโจวเจ๋อไม่ได้หันมามองที่เธอ ศพของหญิงสาวก็เคลื่อนไหวอย่างช้าๆมาใกล้ตัวของเขาและ ค่อยๆยืนปากของตัวเองมาที่บริเวณลําคอของโจวเจ๋อ
“มีอะไร”
โจวเจ๋อเห็นว่าเหล่าเต่ยังคงไม่พูดอะไรเขาจึงเริ่มหมดความอดทน
ในเวลานี้ศพของหญิงสาวกัดเข้าไปบริเวณลําคอของโจวเจ่ออย่างรุนแรง
“เจ้านาย ข้างหลังคุณ…”
” ป๊ะป๋า!”
โจวเจ๋อเอื้อมมือออกไปจับตําแหน่งคอของศพของหญิงสาวและเล็บของเขาก็แทงเข้าที่คอของเธอในทันที หญิงสาวเริ่มดิ้นรน เธอดูเจ็บปวดมาก
“มีอะไรก็พูดมาสิ”
โจวเจ๋อกระตุ้น เมื่อเห็นฉากนี้หัวใจของเหล่าเต่ที่เคยกระเด็นไปถึงลําคอก็ผ่อนคลายในทันที
“ไม่มีอะไรครับ”
เหล่าเต้ตอบอย่างแผ่วเบาว่า เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นห่วงโจวเจ๋อไปอย่างเปล่าประโยชน์จริงๆ
โจวเจ๋อแค่นเสียงออกมาแล้วโยนศพไปด้านข้าง
“ป้า!”
ในเวลานี้หนังของศพผู้หญิงเริ่มแตกออกและหนองสีดําก็ซึมออกมาจากข้างใน มันเหมือนกับลูกโปงที่เติมน้ําเข้าไปเยอะเกินไป เมื่อมันกระแทกกับพื้นมันจึงแตกออก
ศพผู้หญิงก็เช่นเดียวกัน เมื่อหนองสีดําเหล่านี้กระเด็นออกมา กระดูกและอวัยวะภายในของเธอก็หายไปอย่างสมบูรณ์ เหลือเพียงผิวหนังภายนอกเท่านั้นที่ลอยและจมอยู่ในหนอง
ใบหน้าที่จมอยู่ในหนองนั้นเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง ไม่ทราบว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นใครบ้าง
โจวเจ๋อมองไปที่เล็บของตัวเอง มีรอยหยักหลายจุดในตําแหน่งเล็บ เมื่อเขาแทงเล็บเข้าไปในร่างของศพผู้หญิงเห็นได้ชัดว่าเล็บของเขาสึกกร่อนมีร่องรอยของการเสียหาย
เหล่าเมีใบหน้าตกใจแล้วรีบละล่ําละลักว่า
“เจ้านาย ผมจําได้ว่ามีใครบางคนออกไปจากห้องนี้ ตอนนั้นเขาสวมชุดสีขาวของหมอ ไม่รู้ว่าเขาเป็นหมอจริงหรือเปล่า?
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ!!!!” ทันใดนั้นชั้นบนก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวน
ในวอร์ด มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆเตียงด้วยอาการสะลึมสะลือ แม่ของเธอเพิ่งผ่าตัดเสร็จยังไม่ฟื้นจากการสลบเธอนอนอยู่บนเตียงนั้น
หญิงสาวหลับไปชั่วขณะหนึ่งด้วยความงุนงง เธอตื่นขึ้น เธอเหนื่อยมาก แต่เธอไม่ได้นอนลงไปอีกครั้ง เธอต้องดูแลแม่ของเธอ อย่างน้อยเธอต้องดูว่าน้ําเกลือที่ห้อยอยู่นั้นหมดหรือยัง
เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าน้ําเกลือขวดนั้นใกล้หมดแล้ว เธอยืนขึ้น เด็กหญิงหาวเล็กน้อยจากนั้นเอื้อมมือออกไปกดปุ่มข้างเตียง และแจ้งให้พยาบาลช่วยเปลี่ยนขวด
แต่หลังจากที่กดปุ่มแล้ว หญิงสาวมีความกังวลเล็กน้อย เธอไปที่ประตูวอร์ดและผลักประตูให้เปิดออกเธอคิดว่าบางที่พยาบาลอาจจะกําลังหลับอยู่ดังนั้นเธอจะไปแจ้งด้วยตนเอง
เมื่อผลักประตูออกไปเธอเห็นหมอคนหนึ่งยืนหันหลังให้กับเธอ
“หมอคะช่วยเปลี่ยนน้ําเกลือให้หน่อยค่ะ”
หญิงสาวเรียกหา แต่หมอคนนั้นยังคงยืนนิ่งไม่สนใจเธอ
“หมอคะ ช่วยเปลี่ยนน้ําเกลือให้หน่อย”
หญิงสาวพูดต่อ
ร่างกายของหมอสั่นเล็กน้อย ราวกับว่าเขาเพิ่งตื่นขึ้นจากความงุนงง จากนั้นเขาก็หันหน้ามาหาหญิงสาว
หญิงสาวยังถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก เมื่อแม่ของเธอเปลี่ยนน้ําเกลือแล้วเธอก็จะได้งบหลับสักชั่วโมง แต่แล้วหญิงสาวก็พบความผิดปกติ
ในตอนแรกเธอคิดว่าเธอคงตาฝาดไป แต่เมื่อเธอขยี้ตาอีกครั้งเธอจึงรู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ปกติแล้ว
เพราะว่าหมอคนนั้นเดินเท้าเปล่า!
ใช่! หมอคนนั้นเดินเท้าเปล่าไปทั่วโรงพยาบาล?
เขาไม่ได้สวมรองเท้ามาทํางาน?
เป็นไปได้ด้วยเหรอ?
เด็กสาวถอยหลังไปสองก้าวทันที่เธอปิดประตูวอร์ดแล้วซ่อนตัวเองไว้ข้างใน นี่คือปฏิกิริยาของจิตใต้สํานึกเธอ
ในความเป็นจริง ทุกคนมีสัมผัสที่หก เมื่อบรรพบุรุษของเราใช้ดํารงชีวิตอยู่ในยุคโบราณท่ามกลางความโหดร้ายของธรรมชาติ ประสาทสัมผัสของพวกเขาถูกส่งต่อมายังลูกหลาน
แน่นอนว่า ด้วยการพัฒนาของสังคมมนุษย์ มนุษย์ได้ยืนอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารมาเป็นเวลานาน และสัญชาตญาณประเภทนี้ก็ค่อยๆเสื่อมถอยลง
อย่างไรก็ตามคนบางคนมีความรู้สึกอ่อนไหวในจิตใจ และอ่อนไหวต่ออันตรายมากกว่าคนทั่วไป
เมื่อมองผ่านกระจกใสที่ประตูห้อง เด็กสาวเห็นว่าหมอชายยังคงเดินมาทางนี้ ท่าทา งการเดินของเขาก็แปลกเช่นกัน
หลังจากก้าวออกมา เท้าของเขาบิดเบี้ยว และร่างกายของเขาก็โยกเยกไปมา ถ้าเดินของเขาเหมือนกับหนังตลกโบราณ ชาลี แชปลิน
แต่ในยามดึกของโรงพยาบาลแบบนี้ ลักษณะการเดินของเขามันไม่น่าตลกเลยสักนิดแต่กลับดูน่าสยองแทน!
หญิงสาวยังได้ยินเสียง เอี้ยด”
หญิงสาวคิดว่าเธอกําลังฝันร้าย?
ทําไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้นในโรงพยาบาล?
เธอก้มหน้าหลับตาและบังคับตัวเองให้เงียบ หากนี่คือความฝัน โปรดตื่นขึ้น
ต่อมาเธอลืมตาขึ้นและพบว่าเธอยังคงยืนอยู่หลังประตูซึ่งดูเหมือนไม่ใช่ความฝัน
เด็กสาวมองออกไปทางหน้าต่างกระจกที่ประตูห้องด้วยความกล้าหาญอีกครั้ง แต่กลับพบว่าหมอหายตัวไปโดยสมบูรณ์
หญิงสาวสับสนเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้น?
หรือเป็นภาพลวงตา?
เธอไม่กล้าเปิดประตู ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง และในเวลานี้แม่ของเธอยังไม่ได้สติดังนั้นเธอจึงต้องพยายามระมัดระวังให้มากที่สุด
ภายนอกดูเหมือนไม่มีใคร ใบหน้าของหญิงสาวยื่นเข้าไปใกล้กระจกเพื่อให้มองเห็นได้มากขึ้น
ทันใดนั้นหญิงสาวรู้สึกว่าแสงที่อยู่ตรงหน้าเธอถูกปิดกั้น
ใบหน้าของหมอคนนั้นปรากฏที่หน้ากระจก ระยะห่างระหว่างพวกเขามีไม่กี่เซนติเมตร เท่านั้น!
ใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามดิ้นไปมา ปากของเขาเหมือนกําลังส่งเสียงอะไรบางอย่างเพียงแต่มันไม่ใช่ภาษาของมนุษย์
ดวงตาของเขานั้นใหญ่กว่าดวงตาของคนทั่วถึงห้าหรือหกเท่า ในขณะเดียวกัน ดวงตาก็สนสะท้านตลอดเวลา เหมือนกับตาของคนหุ่นเชิด ซึ่งสามารถพลิกขึ้นลงได้ ราวกับจะหลุดออกจากเบ้าได้ทุกเมื่อ
หญิงสาวรีบนั่งลงกับพื้นด้วยความกลัว
“คลิก..” “
มันเป็นเสียงหมุนลูกบิดประตูหมอกําลังจะเปิดประตูเข้ามา! หญิงสาวรีบยื่นมือไปล็อคลูกบิดทันที
“บัง! ปัง! ปัง!”
หญิงสาวกัดฟันและใช้เท้ายันประตูไว้ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามพังประตูเข้ามาได้ น้ําตาเธอไหลออกมาไม่หยุดเธอไม่รู้ว่าเกิดเรื่องนี้ในโรงพยาบาลได้ยังไง
“กร็ด กรี้ด…”
พร้อมกับเสียงเคาะประตู หญิงสาวกรีดร้องออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
“บูม!”
เสียงดังมาจากด้านนอกของประตู เด็กสาวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จู่ๆ เธอก็พบว่าคนข้างนอกไม่เคาะประตูอีกแล้ว เธอพึงประตูและหอบอย่างหนัก
แย่มาก ถ้านี่เป็นฝันร้าย ได้โปรดตื่น
แต่ไม่นาน เด็กสาวก็พบว่าเท้าของเธอเปียก ราวกับมีสระน้ําอยู่ใต้ร่างของเธอ หญิ งสาวก้มศีรษะลงและมองที่พื้นดูเหมือนว่ามีบางสิ่งสีขาวแทรกซึมผ่านรอยแตกของประตูด้านล่างบนพื้นดิน มันเป็นผิวหนังมนุษย์!
ที่ด้านบนมีใบหน้าบิดเป็นเกลียว ดวงตาขนาดใหญ่คู่นั้นไหลมาพร้อมกับผิวหนังราวกับไข่แดง
“บะฮ่อ”
ตาข้างหนึ่งแตกออก ของเหลวสีเหลืองคาวสาดใส่หน้าหญิงสาว
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ!!!”
หญิงสาวทรุดตัวลง
เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วทั้งอาคารผู้ปวยใน