กว่าเสี่ยวเชี่ยนจะนึกออกว่าไม่ได้ทำบางสิ่ง ก็เป็นตอนที่อวี๋หมิงหลางกับพวกหลิวเหมยหอบหิ้วอุปกรณ์ปิ้งย่างไปที่ทะเลชมวิวยามค่ำคืนกันแล้ว
อวี๋หมิงหลางก่อไฟอย่างคล่องแคล่ว เสี่ยวเชี่ยน หลิวเหมย ฟู่กุ้ย และสุ่ยเซียนที่หน้าซังกะตายนั่งล้อมวงหน้าเตา ฟังเสียงคลื่นชมแสงไฟยามค่ำคืนที่ส่องสว่างให้ท้องทะเลอันมืดมิด
หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนปิดเคสซ่งชิงอู๋ได้ ตอนนี้รู้สึกผ่อนคลายมาก อวี๋หมิงหลางปล่อยให้เธอดื่มเหล้าไป พวกเขายกเบียร์มาสองลังไม่จำเป็นต้องใช้แก้ว ดื่มกันคนละขวด รออาหารย่างเสร็จ ดมกลิ่นหอมแบบพิเศษของเนื้อย่างที่โชยมา ทันใดนั้นหลิวเหมยก็พูดกับเสี่ยวเชี่ยน
“พี่สะใภ้ รถพี่ไปไหน ตอนฉันกลับถึงบ้านไม่เห็นรถพี่เลย”
ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังกระดกเบียร์ พอได้ยินเรื่องรถก็สำลัก
เธอนึกออกแล้ว อาข่า
ถึงคนๆนั้นจะทำตัวน่าสงสัยไม่รู้ว่าใครส่งมาอยู่ข้างตัวเธอ แต่เขาก็ช่วยชีวิตเธอไว้จนตัวเองบาดเจ็บ จะให้เธอโยนคนๆนี้ทิ้งไปโดยไม่ไถ่ถามก็ดูจะไม่เหมาะ
“เดี๋ยวฉันโทรหาเขา” ในที่สุดเสี่ยวเชี่ยนก็คิดได้ว่าตัวเองต้องทำอะไร เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วก็นึกได้ว่า…
“ฉันไม่ได้เซฟเบอร์เขาไว้”
“ไม่เป็นไรหรอก บาดแผลของเขาผมดูแล้วไม่เป็นไรมาก อย่างมากก็แค่นอนพักบนเตียงไม่กี่วันเดี๋ยวก็หาย พอเรากลับไปค่อยแบ่งผลไม้ให้เขา” อวี๋หมิงหลางไม่รู้สึกสงสารคนที่ประวัติไม่ชัดเจนแบบนี้เลยสักนิด
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเสี่ยวเชี่ยนก็ดังขึ้น
“ฮัลโหลเจิ้งซวี่เหรอ”
พอได้ยินชื่ออดีตศัตรูหัวใจ หูใหญ่ๆของอวี๋หมิงหลางก็ผึ่งทันที เขาย่างเนื้อพลางขยับเข้าไปหาเสี่ยวเชี่ยน แล้วเอาหูไปแนบกับโทรศัพท์เธอ
“เฉินเสี่ยวเชี่ยน ไปตายอยู่ที่ไหน” น้ำเสียงของเจิ้งซวี่ดูอารมณ์เสียมาก
“ฉันกินเนื้อย่างอยู่ข้างนอก ทำไมนึกอยากโทรหาฉันขึ้นมา นายอยู่ไหน”
“อยู่หน้าบ้านคุณ บัดซบมิน่าล่ะเคาะตั้งนานไม่มีคนออกมา พ่อผมไม่สบายผมเลยมาพาเขาไปหาหมอเลยแวะมาดูว่าคุณตายหรือยัง”
เสี่ยวเชี่ยนฟังดูก็รู้ว่าเจิ้งซวี่ซื้อของมาให้เธอแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่มาหาถึงบ้าน
“ไม่งั้นนายมากินด้วยกัน—”
“โอ๊ะ อาหารไม่พอทำไงดี หลิวเหมยเป็นพวกกินจุ กินหมดแล้วพวกเราทำไงดี” อวี๋หมิงหลางเล่นใหญ่ขึ้นมาทันที คิดจะชวนอดีตศัตรูหัวใจของเขามากินงั้นเหรอ
ถุย ไปกินขี้ไป
เจิ้งซวี่พอได้ยินเสียงอวี๋หมิงหลางก็รู้สึกไม่สบายท้องขึ้นมา
“ช่างเถอะ ผมเห็นหมาทหารบ้านคุณก็หมดอารมณ์กินละ พ่อผมให้เอาถั่งเช่ามาให้คุณ ผมแขวนไว้หน้าบ้านนะ”
“เดี๋ยวก่อน อย่าแขวนไว้หน้าประตู เดี๋ยวหาย”
เสี่ยวเชี่ยนรีบเรียกเขาไว้ ลูกคนรวยพวกนี้ไม่ได้เป็นคนซื้อของเข้าบ้านไม่รู้จักเสียดายของแพงๆ เห็นทุกอย่างเป็นของเล่น
“ของแบบนี้ราคาไม่เท่าไร ไม่มีคนขโมยหรอก”
“สองวันก่อนฉันวางลังกระดาษไว้หน้าบ้านยังถูกคนขโมยเลย ถั่งเช่าก็คงไม่เหลือหรอก”
ไม่รู้ว่าลุงคนไหนว่างจัด ขยันเข้ามาขโมยของไล่ทีละบ้าน หน้าหนาวขโมยผักกาดขาว หน้าร้อนขโมยลังกระดาษเก็บขวดขาย
“งั้นจะให้ทำไง” เจิ้งซวี่ไม่อยากเจออวี๋หมิงหลางจริงๆ เจอครั้งนึงก็เหม็นขี้หน้าทีนึง
“งั้นเอางี้ นายเคาะบ้านตรงข้ามดูว่ามีคนอยู่หรือเปล่า ถ้าเขาไม่สบายนายก็ช่วยพาเขาไปหาหมอแทนฉันหน่อย”
เสี่ยวเชี่ยนคิดหาทางที่ได้ประโยชน์ถึงสองอย่าง เธอกำลังนึกถึงอาการบาดเจ็บของอาข่า ให้เจิ้งซวี่ช่วยเหมาะที่สุดแล้ว
“เฉินเสี่ยวเชี่ยน คิดว่าผมเป็นคนใช้เหรอ” เจิ้งซวี่อารมณ์เสีย
“ได้เป็นคนใช้เมียฉันก็นับเป็นเกียรติแล้วโว้ย เจิ้งซวี่ อีกไม่กี่วันพวกเราจะกลับบ้านไปแต่งงานแล้ว เงินใส่ซองนายห้ามใส่มาเยอะนะ แปดเก้าพันก็พอ” อวี๋หมิงหลางจงใจเตือนขึ้นมา
เจิ้งซวี่รู้สึกขยะแขยงไม่ไหวแล้ว เสี่ยวเชี่ยนพูดเสริม
“ถ้านายไม่ยอมช่วยฉันดูคนบ้านตรงข้ามงั้นฉันจะให้เสี่ยวเฉียงกลับไปเอา พวกนายจะได้รำลึกความหลังกันด้วย”
“ช่างเถอะ รำลึกความหลังกับมันได้ซวยไปตลอดปีแน่ ผมล่ะนับถือพวกคุณสองคนจริงๆ เมื่อชาติที่แล้วผมติดเงินพวกคุณเท่าไรกันนะถึงได้ซวยแบบนี้” เจิ้งซวี่บ่นเสร็จก็วางสายแล้วเดินไปเคาะบ้านตรงข้าม
“ข้างในยังมีลมหายใจอยู่ไหม”
เคาะอยู่นาทีกว่าก็มีเสียงอ่อนแรงตอบมาจากข้างใน
“ใครคะ…”
หลังจากที่อาข่ากลับมาจากโรงพยาบาลก็นอนจนถึงตอนนี้ เธอเดินงัวเงียไปเปิดประตูในสภาพสวมชุดนอน พอเห็นผู้ชายหน้าบึ้งยืนอยู่ก็รู้สึกหน้าคุ้นๆ
เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อนนะ—
“อ๊า นึกออกแล้ว คุณริดสีดวงที่หอมๆนี่เอง”
เจิ้งซวี่เส้นเลือดปูดขึ้นที่หน้าผากอีกรอบ ริดสีดวงไม่มีหอมเฟร่ย
“ผมไม่ได้เป็นริดสีดวง”
“อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร ใครๆก็เป็นกัน จริงสิ คุณเคยใช้ยาหม่าxหลงไหม ใช้ดีมากเลยนะ พอทาไปแล้วจะมีกลิ่นสมุนไพรแรงๆหน่อย ถ้าใครใช้ตูดก็จะมีกลิ่นสมุนไพรติด ฮ่าๆๆ”
เจิ้งซวี่หน้าบึ้งหนักกว่าเดิม ตอนนี้เขาอยากหักคอผู้หญิงคนนี้มาก
“ผม ไม่ ได้ เป็น ริด สี ดวง” ให้ตายเหอะ เขามาที่นี่ทำไมกันนะ ดูเหมือนจะไม่ได้มาคุยเรื่องริดสีดวงเสียหน่อย…
พี่ซวี่โดนพาออกทะเล
“ก็ได้ คุณว่าไม่ได้เป็นก็ไม่เป็น ผู้ชายประเทศนี้กลัวหน้าแตกจะตาย จริงๆก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่…จริงสิ คุณริด…เอ่อคุณมาบ้านฉันได้ยังไง”
“อันนี้ฝากให้เฉินเสี่ยวเชี่ยน” เจิ้งซวี่ยัดกล่องที่ถือมาให้อาข่า เดิมอาข่าก็ไม่ค่อยมีแรงอยู่แล้ว พอถูกเขาเอากล่องกระแทกใส่ก็เซถอยหลัง เจิ้งซวี่รู้สึกว่าถ้าอยู่คุยกับผู้หญิงที่อ้าปากก็พูดแต่เรื่องริดสีดวงคนนี้ต่อไปเขาต้องเป็นบ้าแน่ จึงหันตัวจะเดินออก
“คุณเป็นอะไรกับเฉินเสี่ยวเชี่ยน คุณริด—”
เจิ้งซวี่หันไปอย่างหมดความอดทน เขาต้องคุมตัวเองไม่ให้ปล่อยหมัดออกไป “ถ้าคุณยังเรียกผมแบบนั้นอีก เชื่อไหมว่าผมจะต่อยคุณ นี่ ผมยังไม่ได้ต่อย ล้มลงไปทำไม”
เจิ้งซวี่ประคองอาข่าที่เป็นลมไปพลางสบถ จากนั้นก็อุ้มเธอเข้าไปในบ้าน พอเห็นสภาพแวดล้อมที่รกเหมือนรังหนูแล้วเส้นเลือดก็ปูดขึ้นอีกรอบ
เฉินเสี่ยวเชี่ยน เห็นไหมว่าสร้างความเดือดร้อนอะไรให้ผม รอยัยนี่ฟื้นก่อนเถอะพี่ซวี่คนนี้จะไปเจอกับอวี๋หมิงหลางตัวต่อตัว เมียเป็นหนี้ผัวต้องชดใช้ เรื่องที่เฉินเสี่ยวเชี่ยนก่อก็ต้องไปลงกับอวี๋หมิงหลาง
เวลานี้เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้ว่าที่บ้านเกิดเรื่องขึ้นมากขนาดนี้ เธอกำลังนั่งกินเนื้อย่างอยู่บนหาดทรายพลางจิบเบียร์อย่างมีความสุข รู้สึกว่าชีวิตช่างดีอะไรขนาดนี้
“เหมยจื่อกินนี่สิ” เลี่ยวฟู่กุ้ยเอาปีกไก่ที่ตัวเองย่างให้หลิวเหมย เขาขอใช้ปีกไก่แทนคำว่ารัก นักกินอย่างหลิวเหมยย่อมทนแรงต้านทานไม่ไหวอยู่แล้ว
หลิวเหมยยิ้มให้เขา พี่ฟู่กุ้ยดีจังเลย
“ผู้ชายคนนี้เนี่ยนะ เห็นคนอื่นดีกว่าน้องสาวตัวเอง เมื่อก่อนเวลาครอบครัวไปกินเนื้อย่างกันพี่ฟู่กุ้ยจะย่างให้พี่ก่อนเสมอ ตอนนี้พอมีแฟนก็ไม่สนน้องสาวแล้ว จึ๊ๆ” เสี่ยวเชี่ยนแซวหลิวเหมยจนหน้าแดง
หลิวเหมยรีบเอาปีกไก่ที่เพิ่งกัดไปคำเดียวให้เสี่ยวเชี่ยน “พี่สะใภ้ถ้าไม่รังเกียจกินนี่สิคะ”