บทที่ 39 เชิญนายออกไป
บรรยากาศในที่เกิดเหตุกระอักกระอ่วนถึงขีดสุด เป็นครั้งแรกของติงจ้งที่เดิมพันเช่นนี้กับผู้เยาว์
ติงจ้งถามกลับ “เช่นนั้นถ้านายทำไม่สำเร็จเล่า? ”
เจียงชื่อตอบอย่างมั่นใจ “ถ้าผมทำไม่สำเร็จ ก็จะหย่ากับเมิ่งเหยน นับจากนี้ไปไม่เหยียบเข้าตระกูลติงอีกแม้สักครึ่งก้าว”
“ดี! จำคำที่นายพูดเอาไว้”
“แน่นอน”
ติงจ้งถามอีก “เช่นนั้นนายเตรียมจะทำสำเร็จในกี่วัน? ”
เจียงชื่อยื่นนิ้วออกมาสองนิ้ว “เวลาสองวัน เพียงพอแล้ว”
ทุกคนสบตากันและกันรอบหนึ่ง ในดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดึงเงินลงทุนอีกทั้งยังให้ตระกูลฉางขอขมาสำนึกผิด ทั้งหมดนี้ต้องการเวลาเพียงสองวัน?
เหอะๆ เกรงว่าจะมีแค่เทพเซียนเท่านั้นที่ทำได้
เจียงชื่อเดินไปที่ด้านหน้าติงเมิ่งเหยน พูดน้ำเสียงอ่อนโยน “ตอนนี้พวกเรากลับบ้านกันก่อนเถอะ”
เขาจับจูงมือของติงเมิ่งเหยน ทั้งสองคนออกจากห้องประชุมไป
……
ในระหว่างทางกลับ ติงเมิ่งเหยนยังคงอยู่ในสภาพตื่นตระหนก ไม่ได้ก้าวออกมาจากความตกตะลึงโดยสิ้นเชิง
จากนั้นครู่หนึ่ง เธอมองไปยังเจียงชื่อแล้วพูดขึ้น “ครั้งนี้นายดูเหมือนจะโกรธมาก”
ใช่แล้ว ครั้งนี้เจียงชื่อไม่เพียงแต่ทำให้ฉางจ้ายชูนและคนอื่นๆ ทรมานเหมือนตายไปครึ่งหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นคือโกรธติงจ้ง นี่ไม่เหมือนกับการแสดงออกที่สงบใจเย็นเช่นปกติของเขา
มีเพียงคำอธิบายเดียวเท่านั้น : เจียงชื่อใส่ใจติงเมิ่งเหยนอย่างมากจริงๆ
ใส่ใจมากไปจนเกิดปัญหา
แม้จะเป็นเจียงชื่อเทพแห่งสงครามที่มีประสบการณ์มากมาย เมื่อหญิงสาวอันเป็นที่รักประสบกับการดูถูกเหยียดหยาม ก็แสดงออกไม่สงบเยือกเย็นได้
เจียงชื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ได้พูดอะไรให้มากความอีก
ติงเมิ่งเหยนถอนหายใจ “ที่จริงแล้วฉันรู้ว่าเพื่อฉันแล้วนายถึงทำเรื่องพวกนั้น ฉันซาบซึ้งมาก แล้วก็ดีใจมาก แต่ว่าเจียงชื่อ ที่ฉันอยากพูดก็คือ นายควรเป็นผู้ใหญ่และหนักแน่นกว่านี้ถึงจะถูก วันนี้การกระทำทุกอย่างของนายออกจะเกินกว่าเหตุไปสักหน่อย ดังนั้นจึงนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ ตอนนี้นายไม่เพียงแต่จะต้องเผชิญหน้ากับการตอบโต้ของตระกูลฉาง ทั้งยังต้องเจอกับการกลั่นแกล้งของคุณปู่อีก เฮ้อ…”
เจียงชื่อยิ้มเล็กน้อย ราวกับไม่ได้เอาเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ
สีหน้าติงเมิ่งเหยนกลับเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มทุกข์ใจ “วันนี้เรื่องที่นายรับปากคุณปู่ถ้าทำไม่สำเร็จ เช่นนั้นก็ต้องหย่ากับฉันจริงๆ หรือ? ”
ผ่านการใกล้ชิดหลายวันมานี้ จริงๆ แล้วติงเมิ่งเหยนใจเกิดความรู้สึกดีกับเจียงชื่อแล้ว
ถึงแม้เจียงชื่อไม่มีเงิน แม้กระทั่งการงานที่มั่นคงก็ยังไม่มี แต่ผู้ชายคนนี้ห่วงใยเธอมาก เพื่อเธอแล้วไม่สนใจสิ่งใด ยินดีล่วงเกินใครก็ตาม
ผู้ชายเช่นนี้ คุ้มค่าให้พึ่งพา
ติงเมิ่งเหยนใช้ชีวิตเป็นม่ายมาห้าปี ไม่ง่ายเลยที่ได้รับความรักที่เป็นของตนเอง แต่กลับจะต้องสูญเสียไปอีกครั้งอย่างรวดเร็วเช่นนี้หรือ?
เธอไม่ยินยอม จิตใจฟุ้งซ่านกับเรื่องนี้
เจียงชื่อกลับยิ้มอย่างร้ายกาจมองที่เธอ “เธอดูท่าทางเหมือนกับไม่ต้องการให้ฉันจากไปมาก หรือว่า…หลงรักฉันโดยสมบูรณ์แล้ว? ”
ติงเมิ่งเหยนแก้มแดงปลั่ง ตอบอย่างโกรธเคือง “คนเขากลุ้มใจแทบไม่ไหวกับเรื่องของนาย นายยังมีอารมณ์มาล้อเล่นอีก? ฉันไม่สนใจนายแล้ว”
เจียงชื่อฟังแล้วก็หัวเราะเสียงดัง มองนอกหน้าต่างต่อไป
ติงเมิ่งเหยนส่งเสียงเหอะอย่างเย็นชา ทำปากยู่ ต่อว่าอยู่ในใจ : เจียงชื่อนายตาซื่อบื่อ บอกว่าไม่สนใจนายก็ไม่สนใจนายจริงๆ? นายไม่รู้จักปลอบฉันหรือไง? ตาซื่อบื่อ ตาซื่อบื่อ ตาซื่อบื่อ!
เธอเหยียบคันเร่งลงไป ทำให้เจียงชื่อเซไปครั้งหนึ่ง เกือบจะชนกับกระจกรถ
ไม่ถึงเวลาครึ่งชั่วโมง ทั้งสองกลับมาถึงบ้าน
เมื่อครู่เข้าประตูบ้าน ก็เห็นติงฉี่ซานใบหน้าเข้มงวดนั่งอยู่บนโซฟา ซูฉินนั่งอยู่ด้านข้าง ใบหน้าเป็นกังวลและกระอักกระอ่วน กะพริบตาไปทางทั้งสองคนไม่หยุด บอกใบ้ให้พวกเขาอย่าได้พูดอะไรส่งเดช
ติงเมิ่งเหยนมองเจียงชื่อครั้งหนึ่ง ไม่รู้ว่าคุณพ่อกำลังจะทำอะไร
เพียงแค่ฟังเสียงที่จงใจกดลงของติงฉี่ซานกล่าวว่า “เมิ่งเหยน เจียงชื่อ พวกเธอสองคนมานั่งลง”
ทั้งสองนั่งลงตรงข้ามติงฉี่ซานอย่างว่าง่าย
ติงฉี่ซานถอนหายใจไม่หยุด ทันใดนั้น เขาก็ตบฝ่ามือลงไปบนโต๊ะน้ำชา กล่าวเสียงดังว่า “พวกเธอทั้งสองมันพวกโง่เง่า ทำเรื่องอะไรลงไป?! ”
ติงเมิ่งเหยนถูกทำให้ตกใจจนสะดุ้งโหยง “คุณพ่อ…”
“หุบปาก! ” ติงฉี่ซานพูดอย่างเอือมระอาที่สุด “เรื่องของพวกเธอฉันได้ยินมาแล้ว ปรึกษาหารือกับคนของตระกูลฉาง ผลคือต่อยตีพวกเขาเจ็ดแปดคนจนฟกช้ำไปทั้งตัว เลือดกบปาก เหอะๆ พวกเธอนี่มันร้ายกาจจริงๆ มีความสามารถแท้ๆ เลย! ”
“พวกเธอรู้ไหม ตอนนี้คนของตระกูลฉางโทรศัพท์มาหาฉันแล้ว ด่าฉันอย่างรุนแรงไปยกหนึ่ง พวกเธอทำให้ฉันอับอายมาก! ”
ติงเมิ่งเหยนก้มหน้าต่ำ ไม่กล้าพูดจา
ติงฉี่ซานถอนหายใจยาวอีกครั้ง “ยังมีเจียงชื่อ นายเดิมพันกับคุณปู่ติงฉันก็รู้เรื่องแล้ว นายนี่มันสามารถจริงๆ นายสามารถขนาดนี้แล้วหรือ? เวลาสองวันก็สามารถดึงเงินลงทุนมาได้ อีกทั้งยังให้คนตระกูลฉางขอโทษ? ”
“นายทำไมไม่พูดว่าเวลาสองวันนายก็สามารถเป็นประธานาธิบดีได้ นายก็ปีนขึ้นฟ้าได้เลยเล่า? ”
เจียงชื่อตอบกลับอย่างสงบ “ผมพูดแบบนี้แน่นอนว่ามีเหตุผลของผม เวลาสองวัน เพียงพอให้ผม…”
“หุบปาก! ฉันไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของนาย! ”
ติงฉี่ซานจ้องเจียงชื่ออย่างโมโห “เดิมทีฉันให้เวลานายครึ่งปี หวังให้นายพยายามฟันฝ่า สามารถตามรอยเท้าของเมิ่งเหยนให้เร็วที่สุด สุดท้ายฉันผิดแล้ว นายไม่เพียงแต่ไม่ตามทัน กลับยังฉุดรั้งขาหลังของเมิ่งเหยนเสียอีก”
“เป็นเพราะนาย ทำให้เมิ่งเหยนถูกคุณปู่ติงตำหนิ เป็นเพราะนาย ทำให้ตระกูลติงไม่มีเงินลงทุน เป็นเพราะนาย ฉันที่อายุมากขนาดนี้แล้วยังต้องถูกคนของตระกูลฉางต่อว่าอย่างรุนแรง”
“เจียงชื่อ ตระกูลติงของพวกเราจะไม่ทนกับนายอีกแล้ว! ”
คำพูดครั้งนี้พูดได้รุนแรงอย่างมาก ซูฉินที่อยู่ด้านข้างก็ฟังไม่ไหวแล้ว
“คุณพูดอะไรกัน? จริงๆ พวกนี้ก็อาจโทษทั้งหมดกับ…”
“ฉันกำลังพูด เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งมาโหวกเหวกอะไร? เงียบซะ! ” แม้แต่ซูฉินติงฉี่ซานก็ต่อว่าไปด้วย
ภายในห้องเงียบลง ไม่มีใครพูดอะไรอีก สถานการณ์กดดันอย่างมาก
ติงฉี่ซานส่ายหัว พูดขึ้น “พวกเธอ…หย่ากันเถอะ”
“หา? ”
ติงเมิ่งเหยนตะลึงถึงที่สุดแล้ว หัวใจเต้นอย่างรุนแรงขึ้นมา อย่างไรเธอก็คิดไม่ถึงว่าคุณพ่อจะพูดเช่นนี้
ติงฉี่ซานกล่าว “การกระทำทั้งหมดของเจียงชื่อพวกเธอก็เห็นแล้ว ให้เขากระทำผิดอย่างเหิมเกริมต่อไปอีกครั้ง ตระกูลติงของพวกเราจะต้องพังทลายลงโดยสิ้นเชิง เมิ่งเหยน พรุ่งนี้พวกเธอก็ไปเอาใบหย่า ต่อไปประตูใหญ่ของพวกเราตระกูลติง ห้ามเขาเข้ามาเหยียบอีก! ”
ขอบตาของติงเมิ่งเหยนชื้นขึ้นทันที หัวใจของเธอกำลังหยดเลือด
ซูฉินอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเปิดปากอย่างไร
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง
เจียงชื่อยังคงพูดอย่างสงบ “คุณพ่อ คุณพ่อจะต้องให้โอกาสผมสักครั้งสิ? ”
“โอกาสอะไร? ”
“เดิมพันของผมและคุณปู่คุณพ่อก็ทราบแล้ว ที่จริงคุณพ่อไม่ต้องบังคับให้ผมหย่าเดี๋ยวนี้ สองวันถัดจากนี้หากเรื่องราวจัดการไม่สำเร็จ ผมก็ต้องหย่ากับเมิ่งเหยนอยู่แล้ว คุณพ่อจะต้องให้โอกาสผม ให้เวลาผม ให้ผมได้ทำการเดิมพันนี้ให้สำเร็จสิ? ”
ติงฉี่ซานขมวดคิ้ว กล่าวประชดประชัน “นายยังคุยโวไม่พอหรือไง? ได้ ฉันให้โอกาสนี้กับนาย สองวันใช่ไหม? ฉันไม่รีบ ฉันจะรอ! ”
“เจียงชื่อ ฉันก็อยากจะดูซิ สองวันถัดจากนี้นายจะดึงเงินลงทุนมายังไง สองวันถัดจากนี้นายจะทำให้คนตระกูลฉางมาขอโทษถึงประตูยังไง”
“แต่ตอนนี้…”
ติงฉี่ซานใช้มือชี้ไปที่ทิศทางของประตูใหญ่ พูดอย่างเย็นชา “ตอนนี้ พวกเราตระกูลติงไม่ต้อนรับนาย เชิญนายออกไป