“เรื่องแรก ตอนที่ฉันมีอันตราย เธอเข้าไปสู้กับชายชุดดำสองคนนั้นอย่างไม่กลัวอันตราย ถ้าไม่ได้เธอฉันคงถูกอัดจนน่วมไปแล้ว”
“นี่มันไม่ใช่เรื่อง มันเป็นงานของฉัน แต่ว่านะประธานเชี่ยน บอสชมเธอไม่ขาดปากเลยที่เธอแก้ปัญหาเรื่องซ่งชิงอู๋น่ะ เขาไม่เคยชมใครเลยนะ ฉันฟังแล้วยังอิจฉา ตอนที่เขาสืบเรื่องซ่งชิงอู๋ได้เธอก็จัดการซ่งชิงอู๋ไปแล้ว ไม่อย่างนั้นบอสคงมาช่วยเธอจัดการด้วยตัวเอง”
เสี่ยวเชี่ยนดันแว่นตา ดีมาก เธอได้ข้อมูลคนที่อยู่เบื้องหลังอาข่ามาอีกหน่อยแล้ว
คนที่รู้ตัวตนของซ่งชิงอู๋ได้แถมยังมีความสามารถถึงขนาดมาจัดการได้ก็แสดงว่ามีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา
ถึงอาข่าเองก็เก่งไม่เบา แต่ซื่อเกินไป เสี่ยวเชี่ยนตัดสินใจเก็บอาข่าเอาไว้ข้างตัวแล้วค่อยๆหลอกถามเอา ช้าเร็วต้องได้ข้อมูลบ้างล่ะ
“บอสเธอชอบฉันเหรอ” เสี่ยวเชี่ยนแสร้งทำเป็นถามลอยๆ
“ใช่ ชอบมากเลย แต่รูปแบบการชอบคนของเขาค่อนข้างพิเศษ เขาชอบใครก็จะทรมานคนนั้น”
หรือนี่จะเป็นเศรษฐีที่เป็นS เสี่ยวเชี่ยนไล่รายชื่อในใจ ดูเหมือนเธอไม่เคยมีเรื่องกับคนแบบนี้นะ
“เธอยังไม่ได้บอกเลยว่าเรื่องที่สองคืออะไร”
“สัตว์เดรัจฉานเย่ต้าเชียนนั่นได้ยินเสียงหมาหอนในโรงพยาบาล เป็นฝีมือเธอ”
คราวก่อนที่เสี่ยวเฉียงไปค้นบ้านอาข่าได้ยินเครื่องเล่นเพลงมีเสียงหมาหอน เสี่ยวเชี่ยนก็นึกไปถึงเรื่องเสียงหมาหอนในโรงพยาบาลทันที—จริงสิ พูดถึงเรื่องนี้ ฟู่กุ้ยจะพาต้าอีไปฝากฝึกงานที่โรงพยาบาลให้นี่นา เรื่องนี้เธอลืมไปเลย โชคดีที่ทางโรงพยาบาลไม่ได้เร่ง
“นั่นก็ไม่ใช่เรื่องอีก ฉันทนเห็นสัตว์เดรัจฉานรังแกผู้หญิงไม่ได้ก็เลยจัดการซะเลย ไม่มีไรหรอก”
อาข่าไม่รู้จริงๆว่าเรื่องที่เธอทำไปโดยไม่คิดอะไรจะกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ประธานเชี่ยนไม่เอาเรื่องเธอ
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าอาข่าที่สามารถลงโทษคนแบบเย่ต้าเชียนได้ ทัศนคติคงยังไม่บิดเบี้ยวถึงขนาดหมดทางเยียวยา ขอแค่ไม่ทำเรื่องที่ขัดต่อผลประโยชน์ของประธานเชี่ยน ประธานเชี่ยนก็ไม่ขัดถ้าจะมีลูกน้องเพิ่ม
“นึกไม่ถึงจริงๆ…” อาข่ากดไลค์ให้บอสตัวเองรัวๆ สมกับเป็นนักจิตวิทยาผู้ทรงอิทธิพล คำแนะนำเพียงสั้นๆ แต่การขอโทษอย่างจริงใจทำให้ประธานเชี่ยนยกโทษให้เธอจริงๆ อย่างกับฝัน
อาข่าที่แสนไร้เดียงสาไม่มีทางรู้เลยว่า จริงๆแล้วเธอเป็นแค่เครื่องมือในการต่อสู้ระหว่างเสี่ยวเชี่ยนกับบอสของเธอ บอสเล่นมาไม้ตายยอมหงายไพ่ ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ใช้วิธียอมยกอาข่าให้ไปอยู่ข้างตัวเสี่ยวเชี่ยน
ส่วนเสี่ยวเชี่ยนมองออกแต่ไม่บอก เก็บอาข่าไว้สังเกตการณ์ เอาไว้หลอกถามเรื่องบอส
วิธีของคนไอคิวสูงตอนนี้เพิ่งจะเริ่ม แต่อาข่ากลับมีความสุขมาก
“ประธานเชี่ยน ขอบคุณที่ยกโทษให้ฉันนะ—จริงสิ” อาข่านึกอะไรออก
“เมื่อเช้าฉันได้ยินข่าวนึงมา เกี่ยวกับเธอ”
“เรื่องอะไร” ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะไม่ชอบที่ถูกดักฟังเรื่องส่วนตัว แต่เธอก็ชอบพฤติกรรมของอาข่าที่ดักฟังคนอื่นจนข้อมูลแน่น
“ช่วงนี้พี่เสี่ยวฮวาพูดให้ร้ายเธอไปทั่ว บอกว่าเธอตกกระป๋องเรียบร้อย”
“แบบนี้ก็เรียกข่าว มีตอนไหนบ้างที่เขาไม่ว่าร้ายฉัน”
เสี่ยวฮวาก็คือรุ่นพี่แสบก้นคนนั้น คนที่แค้นเสี่ยวเชี่ยนมาก เป็นนักศึกษาปริญญาเอกที่อยู่ในความดูแลของเถ้าแก่ใหญ่
“ประเด็นคือ เขาไม่ได้แค่ว่าร้ายนะ เขายังต่อว่าเถ้าแก่ใหญ่ด้วย”
“หืม”
งั้นก็แปลกละ รุ่นพี่คนนี้ปกติถ้าเห็นใครมีอำนาจก็ไปเลียแข้งเลียขา แล้วจะด่าเถ้าแก่ใหญ่ได้ยังไง
“เขาไม่พอใจที่ฝึกงานตอนซัมเมอร์ที่เถ้าแก่ใหญ่หาให้ รู้สึกว่าเหมือนประเมินความสามารถเขาต่ำไป เขาพูดว่า เฉินเสี่ยวเชี่ยนก็แค่นักศึกษาปริญญาโท แต่เธอเป็นถึงนักศึกษาปริญญาเอก จะมองข้ามเฉินเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่เป็นไร แต่ทำไมทำแบบนี้กับเธอ”
อาข่าเลียนแบบน้ำเสียงของเสี่ยวฮวา พอพูดเสร็จก็เสริมต่อ
“ประธานเชี่ยน เถ้าแก่ใหญ่ออกจะเก่ง ทำไมถึงได้รับคนนิสัยแบบนี้เป็นศิษย์ได้นะ เถ้าแก่ใหญ่คนอื่นมีเหรอจะสนใจเรื่องที่ฝึกงานของเด็กตัวเอง นี่เถ้าแก่พวกเราจัดแจงให้ทุกอย่างเขายังไม่รู้จักพอใจอีก”
“ตอนที่เถ้าแก่ใหญ่รับเขาไว้ความคิดเขายังไม่บิดเบี้ยวขนาดนี้ ผลการเรียนก็ใช้ได้ อีกเหตุผลนึงก็คือพี่เสี่ยวฮวาฐานะไม่ค่อยดี เถ้าแก่ใหญ่ก็เป็นเหมือนแม่พระมาโปรดเสียด้วย พอเห็นเด็กยากจนแบบนี้เลยใจอ่อน”
ใครจะไปรู้ว่าเด็กยากจนคนนี้จะจองหองไวขนาดนี้ โดยเฉพาะหลังจากที่หาแฟนฐานะดีได้แล้ว ก็ทำอวดดีจนลืมตัว เถ้าแก่ใหญ่ไม่ใช่เทวดา ย่อมมีมองพลาดกันบ้าง
“เขาต่อว่าเถ้าแก่ใหญ่แรงมาก” อาข่าพูดแบบอ้อมๆ ในความเป็นจริงเสี่ยวฮวาไม่ใช่แค่ต่อว่า แต่ด่าเลยล่ะ
“ไม่ถูกสิ ฉันจำได้ว่าเถ้าแก่ใหญ่ก็จัดให้เขาโอเคอยู่นะ แล้วเขาจะบ่นได้ยังไง” เสี่ยวเชี่ยนจำได้ว่า เถ้าแก่ใหญ่เคยบอกเธอว่าจะให้พี่เสี่ยวฮวารับช่วงต่อรักษาเด็กที่เป็นโรคเบื่ออาหาร
“ไม่รู้จักพอไง เขาอยากได้ผู้ป่วยโรคภาวะผิดปกติก้ำกึ่งอะไรนั่น คนที่เป็นลูกเศรษฐีเมืองนี้น่ะ”
อ่อ หลี่เจียสินะ
แฟนของเย่เสียวอวี่ ลูกชายเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองนี้ เป็นโรคภาวะบุคลิกผิดปกติชนิดก้ำกึ่ง ตอนนั้นเสี่ยวเชี่ยนเกือบได้รักษาแล้ว แต่ตอนนั้นเย่เสียวอวี่ไม่ชอบหน้าเธอ เธอเลยชวดไป
ต่อมาหลี่เจียอยากไปให้เสี่ยวเชี่ยนรักษา แต่เสี่ยวเชี่ยนช่วงซัมเมอร์ต้องกลับไปจัดงานแต่งเคลียร์คิวไม่ได้จึงปฏิเสธไปก่อน เคสนี้จึงไปอยู่ในมือเถ้าแก่ใหญ่ พี่เสี่ยวฮวาเห็นหลี่เจียรวยเลยอยากรับเคสนี้ แต่เถ้าแก่ใหญ่ไม่ให้จึงแค้นมาก
“ครั้งนี้พี่เสี่ยวฮวาทำเกินไป ที่เถ้าแก่ใหญ่ไม่ให้ก็ทำเพื่อเขาทั้งนั้น”
“เธอบอกว่า…เพื่อพี่เสี่ยวฮวาเหรอ” อาข่ายังไม่เข้าใจ
“แน่นอน แต่ไหนแต่ไรเถ้าแก่ใหญ่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกอย่างชัดเจน ถึงเขาจะไม่ค่อยพอใจที่พี่เสี่ยวฮวาทำตัวจองหองในช่วงนี้ แต่นิสัยเถ้าแก่ใหญ่ในเมื่อรับมาแล้วจะไม่ดูแลก็ไม่ได้ แต่พอเอาใจใส่มากเกินไปอีกฝ่ายกลับไม่รับน้ำใจ”
ก็เหมือนกับที่อาข่าพูด เถ้าแก่ใหญ่คนอื่นไม่มีใครเป็นเหมือนศาสตราจารย์หลิวที่เป็นเหมือนแม่ดูแลลูก ช่วยหาที่ฝึกงานให้ลูกศิษย์ด้วย
“ดูเหมือนเพราะพี่เสี่ยวฮวาไม่ได้เคสลูกคนรวยเลยจะแอบรับอีกเคสนึงด้วย เป็นโรคเดียวกับลูกคนรวยนั่นเลย ภาวะผิดปกติก้ำกึ่งอะไรนั่น”
“…โรคภาวะบุคลิกผิดปกติชนิดก้ำกึ่ง อาข่า ขนาดชื่อโรคเธอยังพูดไม่ถูกเลยแล้วเธอมาเข้ากลุ่มจิตแพทย์ได้ไงเนี่ย” ความรู้แค่นี้สู้เด็กปีหนึ่งไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ก็เพราะบอสฉันนั่นแหละที่จัดงานนี้มาให้ เธอคิดว่าฉันชอบเรียนจิตวิทยาเหรอ”
ที่แท้ก็แบบนี้ มิน่าถึงได้ไม่มีความรู้เท่าไร
เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า “ต่อไปเธอออกจากกลุ่มของพวกฉันเถอะ เถ้าแก่ใหญ่เห็นคนอย่างเธอแล้วก็หงุดหงิด เธอแน่ใจเหรอว่าพี่เสี่ยวฮวารับงานเองแล้ว”
“ใช่ เขาพูดเอง ยังบอกอีกว่าจะใช้งานนี้พิสูจน์ตัวเองให้เถ้าแก่ใหญ่ได้มองเขาใหม่ เขาบอกว่าตัวเองสอบผ่านระดับสองแล้ว แต่เถ้าแก่ใหญ่ยังจะคอยควบคุมอยู่อีก เขาอยากหางานเอง เถ้าแก่ใหญ่ของคนอื่นไม่เห็นเป็นแบบนี้ เขารู้สึกรำคาญมาก ประธานเชี่ยน เธอยังไม่บอกเลย ทำไมที่เถ้าแก่ใหญ่ไม่ให้เคสนั้นก็เพื่อตัวพี่เสี่ยวฮวาเอง”