บทที่ 141 ปลาใหญ่กินปลาเล็ก
ซุนจวิ้นเฟิงพาเจียงชื่อ ติงเมิ่งเหยนมาที่หน้ารถสีดำคันหนึ่ง
“ทั้งสองคน ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ผมพาไปกินอาหารเที่ยงก่อนละกัน พักผ่อนกันสักหน่อย ตอนบ่ายค่อยไปคุยธุรกิจกัน”
“ค่ะ”
ติงเมิ่งเหยนหิวแล้ว เลยไม่ได้ปฏิเสธ
รถขับพาทั้งสามคนมาถึงภัตตาคารโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของเขตเหยียนไท่—โรงแรมชิ่งหยวน
ทั้งสามคนเดินเข้าภัตตาคารตามๆกัน และนั่งลงที่โต๊ะที่จองไว้แล้ว
ซุนจวิ้นเฟิงหยิบเมนูมาให้ติงเมิ่งเหยนสั่งอาหาร เขาเลี้ยงเอง
ระหว่างทางเขาทำท่าราวกับเป็นสุภาพบุรุษ ไม่มีท่าทีโลมเลียแม้แต่น้อย ทำให้ติงเมิ่งเหยนรู้สึกเหมือนไม่ค่อยรู้จักเขาเลย
‘บางที คงเพราะเมื่อวานโดนเจียงชื่อสั่งสอนไป เลยรู้สึกตัวล่ะมั้ง?’ ติงเมิ่งเหยนคิดในใจ ไม่ได้พูดออกมา
พอสั่งอาหารมาเสร็จ ทั้งสามคนก็เริ่มทานกัน
ระหว่างทาน เห็นพิธีกรในชุดสูทผูกเนคไทเดินขึ้นเวทีกลางภัตตาคาร เขาลองเทสต์ไมค์นิดหน่อย และพูดยิ้มๆว่า “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน สวัสดีครับ”
ติงเมิ่งเหยนหันไปมองอย่างสนใจ
พบว่าข้างตัวพิธีกรมีโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งวางโถแก้วคลุมไว้ด้วยผ้าสีแดง
ไม่รู้ว่าของด้านในเป็นอะไร
พิธีกรพูดว่า “อันดับแรกขอกล่าวขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาร่วมพิธีประมูลในวันนี้ กระผมขอเป็นตัวแทนเจ้าภาพกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง”
ติงเมิ่งเหยนอึ้ง “งานประมูล?”
เธอหันมองซุนจวิ้นเฟิง “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ซุนจวิ้นเฟิงโบกมือ “ผมก็ไม่รู้นะ แค่จองที่นั่งมาทานข้าวเท่านั้นเอง บังเอิญที่นี่มีคนจัดงานประมูลพอดี”
พูดแบบนั้น แต่ใครก็ไม่ได้สังเกตรอยยิ้มมุมปากมาดร้ายที่แฝงอยู่ของซุนจวิ้นเฟิง
ทั้งหมดนี่เขาเป็นคนวางแผนเอง
พิธีกรพูดต่อไปว่า “เชื่อว่าทุกคนคงอยากเห็นของประมูลแล้ว เอาล่ะ ผมจะไม่พูดมากอีก เริ่มเลยละกัน!”
เขายื่นมือไปเปิดผ้าแดงที่คลุมโถแก้วออก
ทันใดนั้นแสงสว่างจ้าขึ้น!
ในโถแก้วคือสร้อยคอหยกเนื้อดีใสกระจ่างสะท้อนแสงเส้นหนึ่ง และสาดฉายแสงกระจ่างตาผ่านแสงไฟที่สาดส่อง
พริบตาเดียว ผู้หญิงทุกคนในที่นั่นต่างกลั้นความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่และกรีดร้องออกมา
สร้อยคอสวยแบบนี้ ขอถามหน่อย จะมีผู้หญิงคนไหนไม่อยากได้มาครอบครอง?
ต่อให้เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้สนใจอัญมณีอะไรมากมายอย่างติงเมิ่งเหยน หลังจากเห็นสร้อยคอหยก แววตายังมีประกายรอคอยเลย
ผู้หญิงไง ไร้แรงต้านทานต่ออัญมณีอยู่แล้ว
ทั้งหมดนี่ซุนจวิ้นเฟิงเห็นอยู่กับตา เขารู้แต่แรกแล้วที่นี่จะเปิดประมูลสร้อยคอหยก เพื่อเอาใจติงเมิ่งเหยน เลยจงใจจองมาทานข้าวที่นี่
ขอแค่สามารถประมูลสร้อยนี่มาให้ติงเมิ่งเหยนได้ ไม่เชื่อหรอกว่าหล่อนจะยังใจแข็งอยู่ได้
ตีท้ายครัว
แถมยังตีครัวสวยขนาดนี้ ก็ต้องใช้เงินใช้ความคิดมากหน่อยสิ
พิธีกรพูดต่อว่า “เจ้าของเดิมของสร้อยคอหยกเส้นนี้ เป็นชายชราอายุ90ท่านหนึ่ง อาทิตย์ก่อนคนรักของเขาพึ่งจากไป สร้อยคอหยกเส้นนี้เป็นพยานความรักทั้งชีวิตของพวกเขา ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่รู้เท่าไหร่กับพวกเขา”
“ตอนนี้ คุณปู่ท่านนั้นเอาสร้อยเส้นนี้ออกมาประมูล ไม่เพียงแค่เพื่อเงิน แต่อยากส่งมอบความรักแท้อันนี้ต่อไปด้วย หวังว่าผู้ชายที่ได้ครอบครองสร้อยเส้นนี้ จะมอบมันให้กับผู้หญิงที่รักที่สุด ครองรักกันต่อไป”