ขณะที่ผู้หญิงคนนี้ยังอยากถามต่อ ผู้ชายผอมร่างเล็กคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
“ที่รัก ทำไมคุณยังไม่ไปที่ป้ายโฆษณาอีกล่ะ” ผู้ชายคนนั้นกวาดตามองเสี่ยวเชี่ยนกับต้าอี พอเห็นเป็นผู้หญิงก็ผ่อนคลายลง ตอนที่เขาเดินเข้ามาสายตามองไปรอบตัว คล้ายกับคนที่กำลังมองหาบางอย่าง
“ไม่มีอะไรค่ะ พวกเขาเป็นจิตแพทย์มาหาคนทำแบบสอบถาม ฉันเลยช่วยพวกเขาทำ” ผู้หญิงคนนี้รีบอธิบาย กลัวผู้ชายจะเข้าใจผิด
“อ่อ พวกคุณลำบากแย่เลยนะครับ” เขาพูดกับพวกเสี่ยวเชี่ยนอย่างสุภาพ แต่เสี่ยวเชี่ยนเมินเฉย
“ไปเถอะที่รัก รีบไปกัน จอดรถนานเดี๋ยวเสียค่าที่จอดแพง”
ผู้หญิงรีบควงแขนผู้ชายเดินออกไปอย่างรวดเร็ว รีบร้อนมาก กลัวเสี่ยวเชี่ยนจะพูดอะไรที่น่าตกใจออกไป
พอสองคนนั้นเดินไปไกลแล้ว เสี่ยวเชี่ยนก็ถามต้าอี
“มองอะไรออกไหม”
ให้ใครดูก็คงบอกว่านี่เป็นคู่สามีภรรยาทั่วไป สามีมีมารยาท ภรรยาก็สวย ดูรักกันดี
แต่อย่างไรเสียเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่ใช่คนทั่วไป เธอมองในมุมจิตแพทย์ มีปัญหาไม่น้อยแน่นอน ไม่อย่างนั้นเสี่ยวเชี่ยนคงไม่แนะนำให้ผู้หญิงคนนั้นสู้กลับให้เต็มที่
ต้าอีเองก็รู้สึกแปลกๆ เธอครุ่นคิด
“เมื่อกี้ฉันสังเกตเขา ตอนที่รับโทรศัพท์น้ำเสียงดูเป็นกังวลมาก แถมพอสามีปรากฏตัว ท่าทางของเขาก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ ดังนั้นฉันขอเดาว่าสองคนนี้ไม่ได้รักกันดีเหมือนที่แสดงออก ส่วนผู้ชายคนนั้น…ถึงจะทำตัวมีมารยาท แต่ฉันกลับรู้สึกแปลกๆยังไชอบกล”
เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้าอย่างพอใจแล้วตบบ่าต้าอี “ดีมาก เธอเริ่มมองเห็นสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในเป็นแล้ว ใกล้ความจริงเข้าไปทุกที”
ถึงต้าอีจะมีความรู้ด้านจิตวิทยาน้อยกว่าเสี่ยวเชี่ยนมาก แต่เมื่อได้รับการติวเข้มจากเสี่ยวเชี่ยนก็ทำให้รู้เยอะกว่านักศึกษาปริญญาตรีรุ่นเดียวกัน ถึงขนาดที่ว่านักศึกษาปริญญาโทที่มาแจกใบปลิวด้วยกันนี้บางคนประสบการณ์ยังสู้ต้าอีไม่ได้ด้วยซ้ำ บันทึกการรักษาคนไข้ที่เสี่ยวเชี่ยนเขียนตอนนี้ให้ต้าอีดูคนเดียว ประสบการณ์ต้าอีจึงมากกว่าคนอื่น
เพียงแต่เวลาอยู่กับเสี่ยวเชี่ยนเธอมักจะรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ
“ประธานเชี่ยน เธอเคยสอนฉันไม่ใช่เหรอว่า อย่าให้คำแนะนำทางตรงกับผู้ที่มาขอรับคำปรึกษา นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอบอกให้สู้กลับ”
ตอนต้าอีถามเสี่ยวเชี่ยน รถเทศกิจก็มาถึงแล้ว
พอเห็นรถเทศกิจมา นักศึกษาเหล่านี้ที่ปกติมีผลการเรียนดีกลับไม่คิดอะไร เพราะประสบการณ์การเข้าสังคมยังน้อยอยู่
คนที่เดินนำมามองเห็นเสี่ยวเชี่ยนแล้ว เขาเป็นลูกน้องของหลิวลี่เคยเจอเสี่ยวเชี่ยนมาก่อน เสี่ยวเชี่ยนขยิบตาให้เขา
มาเลย เริ่มแสดงได้
“นักศึกษาทุกท่านครับ ตรงนี้ห้ามแจกใบปลิวนะครับ รบกวนไปที่ออฟฟิศพวกเราด้วยครับ”
“หา” ทุกคนพากันตกใจ
“ไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับ หัวหน้าเล็กของพวกเราซื้อแตงโมเย็นๆรอต้อนรับพวกคุณไว้แล้ว ถึงตอนนั้นให้อาจารย์มารับพวกคุณก็พอครับ” คนๆนี้พูดจบยังไม่ลืมหันไปส่งสายตารอคำชมจากประธานเชี่ยน เป็นไงบ้างพี่ ผมพูดดีไหม
เสี่ยวเชี่ยนเอามือกุมขมับอย่างหมดแรง ไอ้โง่ พูดแบบนี้ไม่เท่ากับเปิดเผยตัวเองหรือไงเล่า
โชคดีที่นักศึกษาเหล่านี้ไม่ได้ฉลาดหัวไวเหมือนเสี่ยวเชี่ยน จึงไม่ได้คิดอะไรมากกับคำพูดของเทศกิจคนนี้ เวลาแบบนี้ทุกคนอยู่ในอาการตกใจมากกว่า
รถเทศกิจกวาดทุกคนไปหมดในคราวเดียว นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ขึ้นรถเทศกิจจึงรู้สึกเครียด ต้าอีแอบดึงแขนเสื้อเสี่ยวเชี่ยน
“เธอโทรหาหลิวลี่สิ”
“ไม่ต้องหรอก ไว้ถึงที่เขาจะเลี้ยงแตงโมพวกเรา แล้วก็ไม่ต้องกลัวด้วย เถ้าแก่เล็กเป็นคนสั่งให้พวกเธอมาแจกใบปลิวไม่ใช่เหรอ ก็ต้องเอาผิดที่ต้นตอ ถ้าพวกเขาจะอบรมก็อบรมเถ้าแก่เล็กไม่ใช่พวกเธอ”
ต้าอีเข้าใจทันที
“ประธานเชี่ยนหรือว่าเธอ…”
มิน่าล่ะ ที่แท้ก็ฝีมือประธานเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนทำปากชู่ว คนอื่นๆยังไม่รู้ว่าเธอเป็นคนทำเรื่องนี้เอง
รับรองเลยว่าผลจากครั้งนี้ต่อไปเถ้าแก่เล็กคงไม่กล้าใช้แรงงานพวกต้าอีอีกแล้ว ตอนนี้ต้าอีพักอยู่กับพี่รอง แถมเถ้าแก่เล็กยังเป็นคนชอบรังแกคนซื่อ ต่อไปถ้าเป็นวันหยุดแล้วมาเรียกใช้ต้าอีจะทำไง ประธานเชี่ยนถึงต้องออกโรงเอาให้หลาบจำในครั้งเดียว ต่อไปจะได้ไม่เกิดอีก
ต้าอีก้มหน้าใช้ความคิด รู้สึกว่าประธานเชี่ยนทำดีมากจริงๆ เธอมองการไม่ไกลเท่าประธานเชี่ยน
“เธอนี่นะ อยู่กับฉันมาตั้งนานทำไมยังซื่อแบบนี้อยู่อีก เถ้าแก่เล็กให้เธอมาเธอก็มาเหรอ” เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าต้าอีเสียทีที่เกิดมาหน้าตาเย็นชา เหมือนพี่รองไม่มีผิด ภายนอกเย็นชาแต่ภายในร้อนแรง
“ฉันปฏิเสธคนอื่นไม่ค่อยเป็น”
ต้าอีแค่มีภาพลักษณ์ที่ดูเข้าถึงยาก แต่ตัวตนของเธอจริงๆแล้วคุยด้วยง่าย ขอแค่มีคนขอร้องเธอก็ไม่ค่อยปฏิเสธใคร
“เธอเป็นแบบนี้พอเข้าสังคมทำงานเหนื่อยตายแน่ อันไหนปฏิเสธได้ก็ปฏิเสธไป หัดฉลาดบ้าง เรามาคุยเรื่องผู้หญิงคนเมื่อกี้กันต่อ” เสี่ยวเชี่ยนมีนิสัยคล้ายกับศาสตราจารย์หลิวอยู่หน่อยตรงที่พอมีโอกาสก็จะให้ข้อคิดเล็กน้อย
“อ้อ ทำไมเธอถึงพูดกับผู้หญิงคนนั้นแบบนั้นล่ะ” ต้าอีถามประธานเชี่ยน พอเห็นสีหน้าก็รู้เลยว่าคงให้เธอคิดเองอีกแล้ว
ต้าอีคิดอยู่นาน จนกระทั่งรถไปถึงที่แล้วพวกเธอถูกเชิญลง
ทุกคนยังคงวิตกกังวล แค่แจกใบปลิวทำไมถึงถูกพามาที่สำนักงานเทศกิจล่ะ
เสี่ยวเชี่ยนไม่ให้หลิวลี่ออกหน้า เพราะยังไงก็เป็นลูกชายของเถ้าแก่ใหญ่ ถ้าเขาออกหน้าเถ้าแก่เล็กต้องไม่พอใจแน่นอน ก็แค่ต้องแสร้งทำเป็นว่านี่เป็นเหตุการณ์บังเอิญ เถ้าแก่เล็กอยู่แล้วว่าเรื่องเกิดเพราะอะไรไม่กล้าโวยวายแน่นอน ดังนั้นคนที่ออกมาต้อนรับทุกคนคือรองหัวหน้าของหลิวลี่
“นักศึกษาทุกท่านเชิญด้านในครับ ไม่ต้องกลัวนะครับ พวกเราเตรียมแตงโมกับห้องแอร์เย็นๆให้แล้ว เข้าไปหลบร้อนก่อนนะครับ เดี๋ยวพออาจารย์มาพวกคุณก็กลับได้แล้วครับ ไม่ต้องเครียดครับ”
หลิวลี่สั่งไว้รองหัวหน้าคนนี้จึงมีท่าทีเกรงใจทุกคนมาก รับรองเป็นอย่างดีประหนึ่งต้อนรับญาติผู้ใหญ่ เล่นเอาทุกคนงงไปหมด รู้มาว่าเทศกิจเมืองนี้ดังเรื่องเป็นกันเองกับชาวบ้านมาก แต่ดีถึงขนาดมีแตงโมเลี้ยงรับรองเลยเหรอ
ขณะที่ทุกคนกำลังมองหน้ากันอยู่นั้น ต้าอีที่เงียบมาตลอดทางอยู่ๆก็พูดออกมาเสียงเข้ม
“ใช้ความรุนแรง ใช้ความรุนแรง”
คำพูดนี้ทำเพื่อนนักศึกษาตกใจตัวสั่น อะไรกัน
รองหัวหน้าเทศกิจแทบอยากร้องไห้ “พวกเราไม่ใช้กำลังครับ…ใช้แต่กฎหมาย…”
ปกติก็ใช้กฎหมายกับทุกคนอยู่แล้ว แล้วนับประสาอะไรกับคนที่หัวหน้าสั่งไว้ คำพูดนี้อย่าได้ลอยไปถึงหูหัวหน้าเลยนะ ทำอย่างกับว่าเขาใช้กำลัง เปล่าซะหน่อย
แถมยังควักเงินซื้อแตงโมเลี้ยงทุกคนเลยด้วย
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มพลางอธิบาย “เขาไม่ได้ว่าคุณค่ะ ไม่ต้องเครียด”
“แหะๆ…เชิญข้างในครับทุกคน ทำตัวตามสบายครับ เดินชมออฟฟิศของพวกเราช่วยเสนอความคิดเห็นก็ได้นะครับ” รองหัวหน้าต้อนรับอย่างเป็นกันเอง เสี่ยวเชี่ยนกับต้าอีเดินรั้งท้ายอยู่ข้างหลัง
ต้าอีถามเสี่ยวเชี่ยน “ฉันพูดถูกไหม ใช้ความรุนแรงในครอบครัวใช่หรือเปล่า”
“ทำไมนึกถึงการใช้ความรุนแรงในครอบครัวไม่ใช่การพนันหรือยาเสพติดล่ะ” เสี่ยวเชี่ยนย้อนถาม