เหลียงเตี๋ยก็รู้ว่า “ความยากลำบาก” ของคุณปู่ติง พอดีฉวยโอกาสนี้ทำให้คุณปู่ติงมอบผลประโยชน์ให้กับติงเฟิงเฉิงบ้าง
แน่นอน ติงจ้งถือโอกาสนี้แล้วพูดว่า “เสี่ยวเตี๋ยเอ้ย เธอสามารถรักษาอาการของฉันได้จริงหรอ?”
“ไม่ใช่ปัญหา”
“ถ้าเธอสามารถรักษาหาย ฉันก็จะให้หุ้นบริษัทเธอ 5% ด้วย”
เหลียงเตี๋ยยิ้มแล้วพูดว่า “พ่อ ดูสิพ่อพูดอะไรกัน? หรือว่าถ้าไม่มีหุ้นส่วนเป็นรางวัล ฉันก็จะไม่รักษาให้พ่อเหรอ? อีกอย่าง ฉันเป็นแค่ผู้หญิง ไม่สามารถเป็นผู้นำของครอบครัว จะเอาหุ้นส่วนไปทำไม ฉันไม่ได้เหมือนคนบางคน หน้าด้านสุดๆ”
ติงจ้งพยักหน้า “มันก็ใช่ แต่ฉันไม่ควรรับประโยชน์จากเธอเฉยๆ อย่างนี้แล้วกัน ถ้าเธอรักษาฉันหาย ฉันก็จะให้หุ้นส่วนเฟิงเฉิง 5% เป็นไง?”
“หื้ม แล้วแต่คุณพ่อจะให้เถอะ ทุกอย่างก็ฟังท่าน ฉันไม่คัดค้าน”
สองคนนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทุกคนในสถานการณ์ก็ดูออกว่าลำเอียงไปทางติงเฟิงเฉิงอย่างเห็นได้ชัด แต่พวกเขาจะพูดอะไรได้?
ต้องรู้ว่า หุ้น 5% ของติงเมิ่งเหยนนั้น เจียงชื่อต้องทำงานหนักมากเพื่อแลกกับมัน ตอนนี้เหลียงเตี๋ยแค่รักษาอาการเรอก็ได้หุ้นส่วนเท่ากันแล้ว
นี่ไม่ใช่ลำเอียงแล้วคืออะไร?
ติงฉี่ซานกัดฟันกรอด แต่ทันทีที่เห็นติงหยุนเจิ้นอยู่ฝั่งตรงข้ามท่าทางสูงส่ง เขาก็หมดกำลังใจ
ถ้าเปรียบเทียบกับคนอื่นก็มีแต่เรื่องเสียใจ
ผู้สืบทอดของตระกูลติงในอนาคต แน่นอนต้องเป็นติงเฟิงเฉิง ไม่มีทางที่จะเป็นติงเมิ่งเหยน
ยอมรับชะตากรรมเถอะ!
เห็นแต่เหลียงเตี๋ยนำยาไม่กี่เม็ดออกจากกระเป๋าเล็กๆ ยื่นให้ติงจ้งด้วยรอยยิ้ม
“พ่อ อันที่จริงแล้วอาการของท่านก็ไม่ได้หนักหนาอะไร แค่ติดเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร กินยาไม่กี่เม็ดก็หายแล้ว”
“พอดีที่ฉันมีอยู่นิดหน่อย ท่านกินก่อน กลับไปจะจัดให้ท่านอีกชุด”
ติงจ้งรีบรับมาทันที “เฮ้ ยังไงก็เหลียงเตี๋ยดี หยุนเจิ้น นายนี่หาภรรยาได้ดีจริงๆ”
คำพูดนี้ทำให้ซูฉินข่มอารมณ์สีหน้าไว้ไม่อยู่
เหมือนกับว่าเธอเป็นแค่คนที่เลี้ยงเสียข้าวสุกไม่มีประโยค
อาหารมื้อเย็น ติงฉี่ซานทั้งครอบครัวก็ทานอย่างไม่มีความสุข ไม่ก็ถูกเหยียดหยาม ไม่ก็พูดอะไรก็ผิดไปหมด นั่งไม่ติดจริงๆ
ช่วงที่ติงจ้งหยิบน้ำมาเตรียมตัวจะกินยา เจียงชื่อที่ตลอดเวลานั่งอยู่เงียบๆก็เปิดปากพูด
“คุณปู่ ยานี้ท่านทานไม่ได้”
“อ่าว?”
“ร่างกายของคุณแตกต่างจากคนทั่วไป และการเผาผลาญของคุณก็ไม่เหมือนกัน ชี่ในร่างกายของคุณจำเป็นต้องขับออก กินยาแบบนี้ แค่ระงับ ขับออกไม่ได้ ชี่ถูกระงับ ไม่สามารถออกจากข้างบนได้ ก็จะหาทางออกมาจากส่วนต่างๆ ดังนั้น คุณปู่ติงคุณทานยานี้สามารถรักษาอาการเรอได้ก็จริง แต่จะทำให้เกิดโรคร้ายขึ้นอีกมากมาย คุณต้องคิดให้ดี”
คำพูดนี้ทำเอาติงจ้งชะงัก ยาถึงปากแล้วแต่ไม่กล้ากลืน
เขามองไปที่เจียงชื่ออย่างสงสัย ในใจคิดว่าไอ้เศษสวะที่ไม่ได้เรียนทางการแพทย์คนนี้ เชี่ยวชาญด้านเภสัชวิทยาตั้งแต่เมื่อไหร่?
“เหอๆ!” เหลียงเตี๋ยฝั่งตรงข้ามพูดอย่างเย็นชา “ถ้าฉันจำไม่ผิด คุณชื่อเจียงชื่อใช่ไหม ฉันได้ยินมาว่า คุณเป็นทหารที่เวสเตอร์แลนด์ พึ่งกลับมาไม่นาน ไม่มีเงินสักบาทยังกินอยู่กับพ่อตา”
“ไอ้เศษสวะอย่างนาย นายจะไปรู้ทักษะทางการแพทย์อะไร?”
“คุณพ่อ พ่อยอมเชื่อไอ้เศษสวะที่ไม่มีทักษะสวมรอยว่าเป็นคนมีความสามารถคนนี้ หรือจะเชื่อแพทย์อายุรกรรมมืออาชีพที่ถือกรีนการ์ดจากต่างประเทศอย่างฉัน?”
นี่ยังต้องเลือก?
ติงจ้งก็หัวเราะ เมื่อครู่ทำไมถึงถูกเจียงชื่อทำเอาตกใจจนชะงัก?