จนกระทั่งจ้าวติ่งออกไปแล้ว เฉิงดันถิงก็ยังยอมรับไม่ได้
เธอโมโหจนเสียงออกทางจมูกเลยพร้อมพูดว่า “ประธานเจียง คุณใจดีเกินไปแล้วนะ หนอนบ่อนไส้ที่ทรยศหักหลังบริษัทอย่างนี้คุณยังไม่ทำโทษเป็นเยี่ยงอย่างเพื่อไม่ให้คนอื่นทำตาม? ”
เจียงชื่อโบกไม้โบกมือ
“ไม่จำเป็น”
“ตอนนี้นอกจากเราสามสี่คนแล้ว คนอื่นๆก็ไม่มีใครรู้เรื่องหนอนบ่อนไส้นี้ อีกเดี๋ยวก็ใกล้จะต้องจัดคอนเสิร์ตส่งท้ายปีเก่า ช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ ทำไมต้องเกิดการปะทะกันภายในด้วยละ?”
“อีกอย่างนะ จ้าวติ่งมีความสามารถในการทำงานที่โดดเด่นอย่างมาก ถ้าหากให้ออกแบบนี้ ก็น่าเสียดายมาก”
เฉิงดันถิงทำปากแบนๆ “งั้นคุณไม่กลัวว่าเขาจะทรยศคุณอีกครั้งเหรอ?”
เจียงชื่อยิ้ม “คุณคิดว่าเขาจะกล้าเหรอ?”
มีบทเรียนแล้วครั้งหนึ่ง จ้าวติ่งมีความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการของเจียงชื่อและพวกอย่างชัดเจนดี ไม่กล้าทำอีกแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวติ่งยังติดค้างเจียงชื่อห้าล้าน ติดเงินเยอะขนาดนี้ จะกล้าลงมือทำได้ตามอำเภอใจได้ยังไง?
และส่วนสุดท้าย ก็เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด เขาไม่มีเหตุผลที่จะทรยศหักหลังแล้ว
เจียงชื่อมีบุญคุณที่ยิ่งใหญ่กับเขาขนาดนี้แล้ว ถ้าทรยศเจียงชื่อก่อนอื่นก็จะต้องรู้สึกผิดต่อมโนธรรม เรื่องค่ารักษาพยาบาลของพ่อเขาก็พลอยไม่มีคนช่วยเหลือไปด้วย
ข่มขู่+ล่อด้วยผลประโยชน์
เจียงชื่อทำได้ทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จ้าวติ่งจะทรยศอย่างแน่นอน
เฉิงดันถิงมองไปยังเจียงชื่อด้วยความประหลาดใจ เธอเพิ่งจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วแผนการของเจียงชื่อลึกซึ้งอย่างนี้นี่เอง มองดูแล้วไม่เหมือนคนที่มีแผนการขนาดนั้นเลย
เธอเอ่ยถาม “เจียงชื่อ ก่อนหน้านี้คุณเคยเป็นทหารอยู่ที่เวสเตอร์แลนด์จริงๆเหรอ?”
เจียงชื่อยิ้มเล็กน้อยพร้อมเอ่ยพูดว่า “คุณคิดว่าการเป็นทหารจะต้องบุกตะลุยโจมตีข้าศึก ต่อสู้ฆ่าแกงงั้นเหรอ?”
“แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ใช่แน่นอน ทำสงคราม ไม่ใช่แค่เพียงแข่งขันกันอย่างกล้าหาญ ที่ยิ่งต้องแข่งขันกันคือไหวพริบ คนที่มีความกล้าไม่มีไหวพริบ ถูกศัตรูเล่นงานจนตายได้ทุกเมื่อ ระหว่างที่อยู่ในเกม ไม่เพียงแค่คุณต้องรู้ว่าศัตรูกำลังคิดอะไรอยู่เท่านั้น ก็ต้องรู้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองคิดยังไง จะต้องแข็งกร้าวเมื่อไหร่ จะต้องผูกไมตรีเมื่อไหร่ จะต้องแสร้งเป็นทำไม่รู้ตอนไหน ล้วนแต่ต้องมีการเรียนรู้อย่างมาก บางครั้ง การลงโทษอาจจะไม่ได้นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่คุณต้องการ เข้าใจไหม?”
เฉิงดันถิงอึ้งไปโดยสิ้นเชิง
คำพูดนี้ของเจียงชื่อไกลเกินกว่าที่เธอจะทำได้
แม้ว่าหลักการทุกคนต่างก็รู้เป็นอย่างดี แต่คนที่ทำได้จริงๆนั้นมีเพียงไม่กี่คน
เธอเอ่ยถาม “เจียงชื่อ คุณอยู่ที่เวสเตอร์แลนด์ทำตำแหน่งอะไร?”
เจียงชื่อพูดออกไปแค่ประโยคเดียว “ไม่สามารถหยั่งรู้ได้”
“เชอะ ไม่พูดก็ช่างเถอะ ฉันไม่ได้อยากรู้สักหน่อย” เธอมองไปยังประตูทางเข้า “ก็ไม่รู้ว่าจ้าวติ่งจะสามารถทำผลประโยชน์ที่มีมูลค่าอะไรให้พวกเราได้ไหม”
เจียงชื่อพูดอย่างมั่นใจว่า “วางใจเถอะ ให้จ้าวติ่งได้อยู่ต่อ จะต้องนำพามาซึ่งมูลค่าที่มากมายมหาศาลให้เราอย่างที่คิดไม่ถึงแน่”
“หวังว่าจะเป็นเช่นนี้”
หนึ่งวันผ่านไป ไม่ได้เกิดเรื่องราวอะไรขึ้นอีก
เจียงชื่อเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านตามปกติแล้ว
เพิ่งจะเดินเข้าไปในบ้านก็เห็นคนในครอบครัวกินข้าวกันล้อมรอบโต๊ะอาหาร วันนี้ไม่มีใครรอเขากลับบ้านก็กินข้าวกันแล้ว?
เจียงชื่อเดินเข้าไปถึงพบว่า ที่แท้ที่บ้านก็มีแขกมานี่เอง
ก็ไม่ใช่คนอื่นไกล
แขกที่มาก็คือน้องสาวของติงเมิ่งเหยน หลานสาวของซูฉิน——ซูสวน
“ชื่อเอ๋อ มานี่ เตรียมถ้วยตะเกียบให้คุณเรียบร้อยแล้ว รีบมานั่งเร็วเข้า” ซูฉินเอ่ยพูด
เจียงชื่อนั่งลงแล้ว หยิบตะเกียบนั่งทานข้าวพร้อมกับครอบครัว
ช่วงเวลานี้ ซูสวนยิ้มเล็กน้อยพร้อมพูดว่า “พี่เขย ฉันเกรงว่าต้องขอโทษคุณแล้ว”
เจียงชื่ออึ้งไปครู่หนึ่ง “ห๊ะ?หมายความว่าไง?”
ซูสวนยื่นมือหยิบบัตรกำนัลท่องเที่ยวออกมาสองใบ “ก่อนหน้านี้แม่ของฉันได้เอาบัตรกำนัลท่องเที่ยวมาให้สองใบ ท่องเที่ยวมิลาน5วัน!ฉันเตรียมที่จะไปท่องเที่ยวกับพี่สาว เพราะงั้น หลายวันนี้ก็ทำให้คุณได้รับความไม่เป็นธรรมแล้ว ‘เฝ้าอยู่ห้องคนเดียว’ ‘ทนกับความโดดเดี่ยว’แล้วนะ”
ค๊อกๆ แค๊กๆ ……