กลางคืนจนถึงฟ้าใกล้สว่าง พระอาทิตย์ขึ้นสว่างทางทิศตะวันออก
รถเก๋งคาดิลแลคแล่นอยู่บนถนนข้างสนามบินที่กว้างขวาง
รถจอด มีคนออกมา ผู้ชายหนึ่งคนผู้หญิงสองคน
หลังจากที่ติงเมิ่งเหยนส่งเจียงชื่อ ซูสวนมาถึงโถงพักผู้โดยสารก็กำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่า ให้พวกเขาเดินทางปลอดภัย
ก่อนที่จะออกเดินทาง เธอก็พูดข้างหูของเจียงชื่อด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า “รักษาระยะห่างด้วยนะ ห้ามแต๊ะอั๋งรังแกคนเขา!”
เจียงชื่อเกิดเส้นสีดำเต็มหัวไปหมด
ในใจของภรรยาเขาก็เป็นคนที่ไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ?
หลังจากที่ติงเมิ่งเหยนออกไปแล้ว ซูสวนเอ่ยถามอย่างยิ้มตาหยีว่า “พี่เขย เมื่อกี้พี่สาวพูดอะไรกับพี่เหรอ?”
“ไม่มีอะไร อวยพรให้เราเดินทางโดยสวัสดิภาพนะ”
“เชอะ ทำไมจะต้องแอบคุยกับพี่ด้วยล่ะ?” ซูสวนพูดอย่างฉลาดเจ้าเล่ห์ว่า “จริงๆแล้วพี่ไม่พูดฉันก็รู้ ให้พี่ประพฤติตัวเคร่งครัดหน่อย ห้ามคิดเลยเถิดไปกับฉันใช่ไหมคะ?”
เจียงชื่อไอออกมา
แม้ว่าจะไม่ได้ยอมรับ แต่ความอับอายบนใบหน้าก็ทรยศหักหลังเขาแล้ว
สิ่งนี้ทำให้ซูสวนหัวเราะคิกคักขึ้นมาแล้ว เธอจงใจขยับเข้าใกล้เจียงชื่อ และจงใจเอาส่วนที่นุ่มนิ่มนั้นถูไปที่ตัวของเจียงชื่อ
“พี่เขย คุณว่าที่ฉันพูดถูกต้องไหมล่ะ?”
เจียงชื่อตกใจจนหน้าถอดสีเลย ตกใจจนตัวสั่นขึ้นมาเลย
เทพแห่งสงครามชูร่าแห่งเวสเตอร์แลนด์ที่แข็งแกร่งผู้น่าสงสาร จู่ๆก็โดนผู้หญิงตัวน้อยบีบให้ ‘ตกอยู่ในที่นั่งลำบากจนหมดหนทาง’
ซูสวนยิ่งยิ้มอย่างมีความสุข
เธอชอบเห็นท่าทางที่หมดหนทางของเจียงชื่อ
อย่างรวดเร็ว เครื่องบินจอดลงสู่สนามบิน
หลังจากที่ทั้งสองคนไปโหลดกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ถือกระเป๋าอย่างเรียบง่ายเดินตามฝูงชนเข้ามายังช่องทางเดินที่แคบและยาว ขึ้นเครื่องบินแล้ว
“ผู้โดยสารทุกท่าน เครื่องบินกำลังจะขึ้นบินแล้ว กรุณาตั้งปิดโทรศัพท์หรือตั้งค่าเป็นโหมดเครื่องบิน”
“รัดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย”
“นั่งประจำตำแหน่งให้เรียบร้อย”
“ขอบคุณค่ะ”
ภายใต้การเตือนของแอร์โฮสเตส ผู้คนปิดเครื่อง คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย ตามด้วยการสั่นไหวของเครื่องบินเพียงครู่หนึ่ง ค่อยๆบินเหินขึ้นกลางอากาศ
ในระหว่างที่เครื่องบินบิน เจียงชื่ออิงแนบกับเก้าอี้เบาๆ พร้อมทั้งหลับตาเบาๆแล้ว
หลังจากที่บินมาได้ประมาณ 30 นาที จู่ๆก็ได้ยินเสียงดังลั่นขึ้นมา
เจียงชื่อลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกไว ก็เห็นหญิงชราท่านหนึ่งกุมหัวใจของตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวด ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆตื่นตกใจจนมือเท้าสั่นไปหมด ภายใต้การยุ่งวุ่นวาย หยิบขวดยาหนึ่งขวดออกมาจากกระเป๋าสะพายแล้ว
ภายใต้การยุ่งวุ่นวายของแอร์โฮสเตส ผู้ช่วยป้อนยาให้กับหญิงชราแล้ว
แต่ดูเหมือนว่ายาจะไม่เกิดประสิทธิภาพอะไร หลังจากที่หญิงชราทานเข้าไปแล้วก็ยังเจ็บปวดเหลือทน เหงื่อบนหน้าผากก็ไหลลงอย่างไม่หยุดหย่อน
“ใครก็ได้มาช่วยฉันหน่อย?”
“ที่นี่มีหมอหรือไม่?ใครสามารถช่วยรักษาท่านทวดได้ ไม่ว่าเท่าไหร่ฉันก็ยินยอมที่จะจ่ายหมด”
คำพูดของผู้ช่วยทำให้ผู้โดยสารทั้งหมดบนเครื่องบินตกใจแล้ว
เจียงชื่อหันหน้าไปมองแวบหนึ่ง ไม่ได้คิดอะไร ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเดินไปแล้ว
ยังไม่รอให้เขาได้เอ่ยปากพูด ผู้ชายที่สวมแว่นตาสีทองคนหนึ่งก็เดินเข้ามาแล้ว สวมชุดสูทผูกเนกไท พูดจาสไตล์ชาวตะวันตก
“ผมคือสมาคมแพทย์ต่างประเทศ——ปีเตอร์ เป็นหมอที่เชี่ยวชาญเรื่องโรคหัวใจ”
“ให้ผมดูหน่อยนะ”
ผู้คนหลีกทางให้กับปีเตอร์ เขาเช็คตาจมูกปากของหญิงชรา พูดถามว่า “ท่านหญิงป่วยเป็นโรคนี้มานานแค่ไหนแล้ว? ”
ผู้ช่วยพูดว่า “หลายปีมาแล้ว ชอบปวดหัวใจอยู่บ่อยๆ เพราะงั้นจึงเตรียมยาสำรองไว้ตลอด ทุกครั้งที่โรคกำเริบก็จะกินยา แล้วเห็นผลได้ทันที วันนี้ไม่รู้ทำไมถึงใช้แล้วไม่ได้ผล คุณหมอคะ คุณช่วยดูให้ท่านทวดหน่อยนะคะ”
“อื้ม ไม่รีบ ฉันรู้ดีอยู่แก่ใจ”
ปีเตอร์ตรวจสอบท่านทวดอีกครั้งแล้ว พูดอย่างมีการพิจารณาถี่ถ้วนว่า “ไม่มีอะไรร้ายแรงแล้ว เพียงแค่เกิดอาการใจสั่นธรรมดาเท่านั้น กินยาแล้วพักผ่อนสักหน่อยก็หายดีแล้ว”
เมื่อเจียงชื่อได้ยินแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว