“กินแต่ก๋วยเตี๋ยวมันไม่พอหรอก ประธานเชี่ยนของพวกเราต้องบำรุงหน่อย เอาซุปเป็ดกินดับร้อนเพิ่มด้วยดีกว่า” ฉิวฉิวจ้องคอเสี่ยวเชี่ยน พูดจาแฝงความหมายอื่น “ประธานเชี่ยน เธอคงจะงานยุ่งมาก ต้องบำรุงหน่อย”
หลิวเหมยมองตามสายตาฉิวฉิว จากนั้นทั้งสองคนก็ทำเสียงจึ๊ๆพร้อมกัน
เหมือนมีฟ้าผ่ากลางใจเสี่ยวเชี่ยนหลายเปรี้ยง
โวะ มัวแต่วุ่นอยู่กับการตามเช็ดล้างให้ลูกศิษย์อาจารย์ จนลืมไปเลยว่าถูกหมางับที่คอมา
พอเจอกับสายตาที่มองมาอย่างแซวๆของหลิวเหมยกับฉิวฉิว เสี่ยวเชี่ยนก็แสร้งทำเป็นไอ
“มองอะไรกัน นี่ก็แค่ช่วงนี้ฉันร้อนใน เสี่ยวเฉียงเลยมาช่วยฉันนวดคอก็แค่นั้น ตอนพวกเธอร้อนในไม่เคยนวดคอหรือไง?”
ความสามารถพูดโกหกได้หน้าตาเฉยของประธานเชี่ยนเลเวลสูงมาก ชาวบ้านเขานวดคอรอยก็ควรจะอยู่ตรงกลางไหม แต่นี่รอยอยู่ค่อนไปทางหู ใครเห็นก็รู้ว่าคือรอยอะไร
“พวกเราเคยนวดคอ แต่พวกเรา…ดูเหมือนจะไม่ลามไปที่ขานะ”
มองตามสายตาฉิวฉิว เสี่ยวเชี่ยนก้มหน้ามอง โวะ อวี๋เสี่ยวเฉียงไอ้คนหน้าด้าน นี่งับขาเธอจนเป็นรอยฟันด้วย?
หลิวเหมยกับฉิวฉิวมองหน้ากัน แล้วก็นึกคำถามแบบเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย
นี่ใช้ท่าอะไรกันเนี่ยถึงได้ไปงับตรงนั้นด้วย?
เล่นโยคะบ่อยๆนี่ใช้ท่าได้เยอะจริง ร่างกายอ่อนกว่าคนทั่วไปเยอะเลย
เสี่ยวเชี่ยนตัดสินใจแล้วว่า นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เธอจะเกลียดโยคะอย่างจริงจัง แล้วก็ขอเกลียดเสี่ยวเฉียงกับเสี่ยวเฉียงน้อยด้วยสองนาที
โรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวของหลิวเหมยกับฉิวฉิวตกแต่งใกล้เสร็จแล้ว ทั้งสองคนทุ่มเงินเก็บทั้งหมดมาลงทุน หลิวเหมยขอยืมเงินที่บ้านมาด้วยเล็กน้อย ทุ่มเทให้กับโรงเรียนนี้มาก
ตอนเที่ยงคนงานออกไปกินข้าว ไม่มีใครอยู่ในนั้นเลยทำให้เดินดูได้สะดวก พอเสี่ยวเชี่ยนเข้าไปก็มุมปากกระตุก
“คุ้นๆไหมพี่สะใภ้?” หลิวเหมยยิ้มอย่างภูมิใจ
“พื้นนี่ฉันใช้วัสดุแบบเดียวกับบ้านใหม่พี่เลยนะ ใช้ได้เลย”
“เธอจะเก็บเอาแต่สิ่งดีๆจากพี่ชายเธอมาไม่ได้หรือไง…”
ไอ่รสนิยมชื่นชมความงามพื้นสีเขียวเนี่ยมันช่าง…
ยังดีที่ที่นี่เป็นโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัว พื้นสีเขียวดูแล้วไม่ขัดตาเท่าไร
“พอตกแต่งเสร็จก็เริ่มรับนักเรียนได้เลย ฉันอยากทำให้โรงเรียนเรากลายเป็นโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวที่ใหญ่สุดของเมืองนี้” ฉิวฉิวพูดอย่างแน่วแน่
เมื่อเทียบกับหลิวเหมยที่เป็นหุ้นส่วนแล้ว ฉิวฉิวทำเหมือนคนร้อนเงินมาก อยากจะคืนทุนไวๆ
“ตัดสินใจว่าจะทำแบบนั้นแล้วจริงๆเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนทำเหมือนถามไปเรื่อยเปื่อย
แต่ฉิวฉิวเข้าใจ
ประธานเชี่ยนรู้มาตลอดว่าฉิวฉิวอยากเก็บเงินไปทำอะไร
เขาอยากทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้ชายอย่างแท้จริง อยากเก็บเงินไปศัลยกรรม แต่ท่าทีของประธานเชี่ยนก็ไม่แสดงออกอย่างชัดเจน ไม่ได้เห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้คัดค้าน
“อืม ถ้าเก็บเงินได้แล้วฉันก็จะไป” ฉิวฉิวอยู่โดดเดี่ยวมานานแล้ว เขาไม่ได้เพิ่งมีความคิดนี้มาแค่วันสองวัน
“บางทีก่อนจะถึงวันนั้นเธออาจเจอรักแท้ก่อนก็ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีก” สายตาเสี่ยวเชี่ยนทอดยาวไปไกล เรื่องอนาคตไม่มีใครกำหนดได้
“ฉันเป็นแบบนี้ใครจะอยากได้ฉัน…ช่างเถอะเลิกพูดเรื่องนี้ เธอรออยู่ที่นี่นะเดี๋ยวฉันไปซื้อของกินมา ตอนนี้ร้านคงคนเยอะ พวกเรากินง่ายๆไปก่อน”
ฉิวฉิวเปลี่ยนเรื่องคุย เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า
รออยู่สักพักฉิวฉิวก็ยังไม่กลับมา โทรไปก็ไม่ติด เสี่ยวเชี่ยนจึงให้หลิวเหมยไปดู ผ่านไปไม่กี่นาทีหลิวเหมยก็วิ่งหน้าตั้งกลับมา
“พี่สะใภ้ๆๆ”
“มีอะไรเหรอ?”
“เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” หลิวเหมยหายใจไม่ทัน
“ใจเย็นๆค่อยๆพูด” เสี่ยวเชี่ยนลากเธอมานั่งแล้วยื่นน้ำให้ดื่ม หลิวเหมยรีบกระดกลงคอไปครึ่งแก้วถึงได้มีแรงพูด
“ฉิวฉิว ฉิวฉิวมีเรื่องถูกตำรวจจับไปแล้ว”
“…อะไรนะ?”
ฉิวฉิวเรียนด้านพลศึกษา เรื่องใช้กำลังจึงเก่งกว่าผู้ชายทั่วไป แต่ประธานเชี่ยนเข้าใจฉิวฉิว เขามีความเป็นสุภาพบุรุษมาก ถูกผู้หญิงทั้งตบทั้งข่วน เอาน้ำสาดก็ยังไม่ทำกลับ แล้วจะไปชกต่อยสุ่มสี่สุ่มห้ากับใครได้ยังไง?
“ตอนฉันลงไปเห็นตำรวจพาเขาขึ้นรถไปแล้ว”
“ไปที่โรงพักก่อนค่อยว่ากัน” เสี่ยวเชี่ยนรีบคว้ากระเป๋าแล้วมุ่งหน้าไปโรงพักพร้อมกับหลิวเหมย
ตอนไปถึงตำรวจกำลังไกล่เกลี่ย
“ทางที่ดีพวกคุณตกลงกันเองเถอะครับ ถ้ายอมความกันไม่ได้ พวกเราก็จะทำเป็นรูปคดีขึ้นมา ถึงตอนนั้นถ้าอยากจะตกลงกันก็ไม่ง่ายแล้วนะครับ” ตำรวจทำหน้าที่พูดจาประนีประนอมทั้งคู่ไปตามหน้าที่
ก่อนอื่นเสี่ยวเชี่ยนมองฉิวฉิว แขนของเขาบาดเจ็บ ตรงหัวไหล่เสื้อผ้าฉีกขาด ส่วนคนที่นั่งตรงข้ามฉิวฉิวเป็นผู้ชาย ตาเขียว หน้าบวม ดูเหมือนฉิวฉิวจะลงมือค่อนข้างหนัก
เมื่อแน่ใจแล้วว่าฉิวฉิวไม่ได้เจ็บหนักเสี่ยวเชี่ยนก็โล่งอก จากนั้นก็หันไปมองด้านหลังผู้ชายคู่กรณีของฉิวฉิว เธอเห็นผู้หญิงที่หน้าตาคุ้นๆ
ผู้หญิงคนนี้เคยเป็นคนไข้ของเธอ เนื่องจากเคยถูกผู้ชายลวนลามจึงทำให้เป็นโรคกลัวผู้ชาย ตอนนั้นเสี่ยวเชี่ยนให้ฉิวฉิวช่วยรักษา
ด้วยความพิเศษของฉิวฉิว ทำให้เขาได้เปรียบเวลาที่ใกล้ชิดกับผู้หญิงที่เคยถูกผู้ชายทำร้าย ผู้ป่วยหลายคนกลับมายอมรับผู้ชายได้อีกครั้งก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากฉิวฉิว กลับเข้ามาอยู่ในสังคมได้อีกครั้ง
เสี่ยวเชี่ยนเห็นผู้หญิงคนนี้ก็หน้าบวมเหมือนกันเธอจึงรู้สึกตกใจ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉิวฉิวไม่ได้แค่ต่อยผู้ชาย ทำผู้หญิงด้วยเหรอเนี่ย?
ไม่น่ามั้ง ฉิวฉิวไม่เคยทำผู้หญิงเลยนะ
“พวกเราไม่ยอมความ ไม่มีทาง จะเอามันเข้าคุก” ผู้ชายที่ตาเขียวหน้าบวมชี้หน้าว่าฉิวฉิว ฉิวฉิว หึ ออกมา “ผมก็ไม่ได้อยากยอมความอยู่แล้ว”
“ถ้าไม่ยอมความ จากกฎหมายในตอนนี้พวกนายสองคนต้องเข้าคุกนะ” เสี่ยวเชี่ยนพูด ตำรวจเห็นมีคนเข้ามาจึงหันไปถามเสี่ยวเชี่ยน
“คุณเป็นใครครับ?”
“ฉันเป็นเพื่อนของเซียวหมีชิวค่ะ ฉันอยากลองช่วยไกล่เกลี่ยสองคนนี้ ระหว่างมาฉันได้บอกผู้กำกับที่นี่ไว้แล้วค่ะ”
ช่วงหลายปีมานี้เสี่ยวเชี่ยนได้รู้จักคนมากมายในเมืองนี้จากช่องทางต่างๆ บางคนทางอวี๋หมิงหลางแนะนำมาให้ บางคนก็รู้จักผ่านทางลูกค้าของเธอ และที่สำคัญล้วนมีประโยชน์ทั้งนั้น
“งั้นช่วยคุยกับพวกเขาด้วยนะครับ ถ้าพวกเขาไม่ยอมความพวกเราจะได้เปิดคดี” ตำรวจลุกออกไป
เคสแบบนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายที่ร้ายแรง และก็ไม่มีใครเจ็บหนัก ปกติพอจะคุยยอมความกันได้ ถ้าทำเป็นคดีขึ้นมาจะยุ่งยากทั้งสองฝ่าย
ผู้หญิงหน้าบวมพอเห็นเสี่ยวเชี่ยนก็ดวงตาเบิกโพลง ตกใจอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็มีท่าทางหวาดกลัว เธอก้มหน้า แสร้งทำเป็นไม่รู้จักเสี่ยวเชี่ยน
ถ้าไม่ได้เสี่ยวเชี่ยนกับฉิวฉิวร่วมมือกัน ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ก็คงยังมีอาการหวาดระแวงอยู่ คงไม่มีครอบครัวเป็นของตัวเอง เพราะไม่กล้าเข้าใกล้ผู้ชาย
แต่หลังจากที่เธอกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติแล้วมาเจอเสี่ยวเชี่ยนอีกครั้ง เธอกลับแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเสี่ยวเชี่ยน ถ้าเป็นคนอื่นคงเคืองไปแล้ว
แต่เสี่ยวเชี่ยนก็แค่กวาดตาไปมองนิ่งๆ จากนั้นก็ลากเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้ามสองคนนั้น แสร้งทำเป็นไม่รู้จักเหมือนกัน