ขณะที่พวกเขาออกจากโรงงาน พวกคนงานที่เห็นติงเมิ่งเหยนยังมีท่าทีที่ดู’ละโมบ’อยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นเจียงชื่อ พวกเขาก็ตกใจถอยกรูออกไปสามฟุตและไม่กล้าที่จะกระทำอะไรอีก
คราวนี้ เจียงชื่อได้ทำให้พวกเขาเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งว่าอะไรที่เรียกว่าความหวาดกลัว
ทั้งสองเดินออกไปอวดโฉม ในครั้งนี้ ไม่มีใครที่จะกล้าขึ้นมารนหาที่ตาย
ออกจากโรงงาน ขึ้นรถ
เจียงชื่อสตาร์ทเครื่องยนต์และขับออกไป
“ตอนนี้พวกเราจะไปไหนกัน?” ติงเมิ่งเหยนถาม
“กลับโรงแรมกันเถอะ”
หลงหยันหยวนก็ไม่ใช่ที่ที่ดีอะไร แม้ว่าเจียงชื่อนั้นจะเก่งกาจ แต่เพื่อความปลอดภัยแล้วก็ไม่ควรวิ่งไปอย่างตามใจหรือห้ามวิ่งไปอย่างตามใจอย่างเด็ดขาด
พักโรงแรมอย่างสบายใจ รอจนกว่าจะถึงช่วงเที่ยงของวันพรุ่งนี้ที่จะต้องไปรับสินค้า จากนั้นก็กลับบ้าน
หากทั้งหมดราบรื่นก็จะเป็นเช่นนี้
ติงเมิ่งเหยนถาม “เจียงชื่อ นายคิดว่าไอ้หนวดเซาจะให้สินค้าพวกเราตามที่ตกลงกันไหม?”
แม้ว่าจะเซ็นสัญญาไปแล้ว แต่คนอย่างไอ้หนวดเซาจะไปรู้ได้ยังไงว่าจะยอมทำตามสัญญาหรือเปล่า
หากเขาไม่ทำตามสัญญา ก็ต้องไปฟ้องร้องเขาอีก แค่คิดถึงสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็รู้สึกรำคาญขึ้นมาแล้ว
เจียงชื่อยิ้ม “ตอนนี้จะเก็บมาคิดมากก็ไม่มีประโยชน์หรอก ทั้งหมดนี้รอถึงพรุ่งนี้เที่ยงก็คงรู้คำตอบกัน หากเขาทำตามสัญญา ทุกคนก็จะได้ดีอกดีใจ แต่หากเขาไม่ทำตามคำมั่นสัญญาล่ะก็ ฉันสัญญาเลยว่าเขาจะต้องได้รับผลที่ตามมาอย่างแน่นอน”
สิ่งที่เขาพูดนั้นเกินจริงเล็กน้อย
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ไอ้หนวดเซานั้นอยู่ที่หลงหยันหยวนมานานหลายสิบปี เขาเปรียบเสมือนกับงูท้องถิ่นของที่นี่
วิ่งมาหาเขาถึงที่ แล้วยังบอกจะจัดการเขาอีกเหรอ
ไม่ได้มีไอ้หนวดเซาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยสินะ
ติงเมิ่งเหยนรู้ดีว่าวิธีการของเจียงชื่อนั้นเก่งกาจ วันนี้เธอเองก็ได้เห็นด้านที่ดุร้ายของเจียงชื่อแล้ว ‘เจตนาฆ่า’ของการต่อสู้ในเวสเตอร์แลนด์นั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะมีได้
แต่ไม่ว่าเจียงชื่อจะเก่งกาจมากเพียงใด เขาก็เป็นแค่คนคนหนึ่งเท่านั้น
มังกรที่แข็งแกร่งยังแทบจะไม่สามารถบดขยี้งูดินได้เลย
หากเจียงชื่อเกิดปัญหาในเรื่องที่มั่นใจว่าสามารถควบคุมได้ล่ะจะทำยังไง?
ดังนั้น ติงเมิ่งเหยนจึงได้แต่สวดภาวนาในใจอย่างเงียบๆ ว่าขอไม่ให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นในช่วงพรุ่งนี้ตอนเที่ยงเลย ขอให้ไปรับของและแยกย้ายกันกลับแต่โดยดี
ขณะที่กำลังคิดอยู่ ทันใดนั้น เจียงชื่อก็เบรกรถ ก่อนที่ติงเมิ่งเหยนจะตอบสนอง ร่างของเธอก็พุ่งไปทางด้านหน้าจนศีรษะเกือบกระแทก
“อั๊ยยะ เกิดอะไรขึ้น?” ติงเมิ่งเหยนถาม
เจียงชื่อไม่ได้พูดอะไร จากนั้นชี้ไปทางด้านหน้า
เห็นเพียงแค่ถนนที่เชื่อมไปยังโรงแรมถูกขวางเอาไว้ มีคนกลุ่มใหญ่ล้อมเอาไว้อยู่ ดูเหมือนว่ากำลังมองดูอะไรบางอย่างกัน
เจียงชื่อหยิบโทรศัพท์ที่นำทางมาดู หากต้องการไปที่โรงแรมก็มีแต่ต้องใช้ทางเส้นนี้เท่านั้น
เขาขมวดคิ้ว หากติดแบบนี้อยู่ ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าจะไปถึงโรงแรมกัน?
“คุณนั่งอยู่ในรถและอย่าไปไหน ผมจะลงไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
“อืม”
เจียงชื่อจอดรถพร้อมกับผลักประตูลงไป แทรกตัวเข้าไปในฝูงชน
เห็นเพียงชายวัยกลางคนอายุสามสิบปีคนหนึ่งยืนอยู่ที่ทางเข้าร้าน ในมือของเขาถือกล่องอยู่และกำลังเผชิญหน้ากับเจ้าของร้าน
ร้านนี้เป็นร้านขายเวชภัณฑ์ สิ่งที่ชายถืออยู่ในมือนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเป็นโสม
“เถ้าแก่ คุณใจจืดใจดำเกินไปแล้วนะ ผมจ่ายไปตั้งหนึ่งล้านห้าแสนหยวน คุณสัญญากับผมออกมาจากปากเองว่านี่คือโสมป่าที่มีอายุมากกว่าสามร้อยปี”
“ท้ายสุดผมไปหาคนมาประเมิน ไม่ต้องพูดว่าสามร้อยปีเลย โสมนี่แค่สามสิบปีก็ยังไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ!”
“เรื่องอายุก็ช่างมันเถอะ แต่ที่น่าโกรธก็คือ โสมนี่เกิดจากคนเพาะเลี้ยง ไม่ใช่โสมป่า!”
“ชดใช้เงินมาซะ!!!”