ข้อดีของต้าอีคือจงรักภักดีต่อเสี่ยวเชี่ยนและพูดน้อย ถึงแม้จะไม่เข้าใจบางเรื่อง แต่ถ้าประธานเชี่ยนต้องการให้เธอทำ เธอก็จะรีบไปทำทันทีโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น เธอจึงพาประธานเชี่ยนไปโรงพยาบาล
เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ไปโรงพยาบาลทหารแบบก่อนหน้านี้ โรงพยาบาลแบบนั้นมีแต่หูตาของพ่อแม่สามี ถ้าเธอเข้าไปนอนพวกท่านก็ต้องรู้แน่นอนแล้วก็จะพากันแห่มาหา ถึงตอนนั้นละครก็เล่นต่อไปไม่ได้แล้ว
เธอให้พี่ใหญ่ติดต่อคนในโรงพยาบาลไว้เรียบร้อย พอไปถึงเสี่ยวเชี่ยนก็บอกว่าปวดหัว ความจำถดถอย ไม่สบายไปทั้งตัว นอนไม่หลับ ขี้ลืม อีกทั้งยังเป็นลมบ่อย สมองเป็นส่วนที่ซับซ้อนที่สุดของร่างกาย พอเธอพูดไปแบบนั้นทางโรงพยาบาลก็รีบสั่งตรวจนั่นตรวจนี่ทันที รายการตรวจราคาแพงทั้งหลายได้ทำทุกอย่าง ผลสรุปที่ได้คือยังมั่นใจไม่ได้ว่าเป็นเพราะผลกระทบจากการขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมองในครั้งนั้นหรือไม่
จากผลการตรวจทำได้แค่ตัดโรคลมชักทิ้ง แต่ไม่อาจตัดเรื่องอาการค้างเคียงจากการป่วยในครั้งก่อนได้ อย่างไรเสียสมองก็มีความซับซ้อนมาก เสี่ยวเชี่ยนเอาแต่พูดว่าไม่สบายอย่างนั้นอย่างนี้ หมอนอกจากตรวจให้เธอแล้วก็ทำได้แค่ให้ยาบำรุง ด้วยความที่เสี่ยวเชี่ยนขอร้องอย่างหนักหมอจึงให้เธอนอนโรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการ
“ประธานเชี่ยน ตกลงเธอ…” เล่นอะไรอยู่?
หลังจากเสี่ยวเชี่ยนเปลี่ยนไปใส่ชุดคนไข้ก็ขึ้นไปนอนบนเตียง นอนไขว้ขาอย่างสบายใจ “ยังจะมัวอึ้งอยู่อีก เอาเอกสารไปให้พี่ใหญ่สิ พวกเราต้องฟ้องร้องนะ ยัยป้ามหาภัยนั่นกัดเรื่องที่อวี๋หมิงหลางเป็นทหารไม่ยอมปล่อยไม่ใช่เหรอ ทหารควรเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ วันนี้ฉันจะทำให้ยัยป้านั่นรู้ว่า ทหารเงินเดือนน้อย แบกรับค่ารักษาไม่ไหว”
ต้าอียืนอึ้งอยู่สามวินาที หลังจากนั้นสมองก็ปรากฏคำๆหนึ่งขึ้น ‘ต้มตุ๋น’
“เล่นกับคนคิดไม่ซื่อมันก็ต้องใช้วิธีสกปรก นี่เป็นบทเรียนสำคัญที่ฉันจะสอนเธอ อาชีพของพวกเราบังคับให้ต้องเจอคนที่มีความคิดบิดเบี้ยวมากกว่าคนปกติหลายเท่าตัว ถ้าเธอทำตัวเป็นแม่พระอย่างเถ้าแก่ใหญ่ไม่ได้ล่ะก็ งั้นก็เรียนรู้จากฉัน รับรองว่าเธอจะไม่กลายเป็นบ้าเพราะเจอคนไข้เยอะเกินไป
เสี่ยวเชี่ยนพูดกึ่งเล่นกึ่งจริง ทันใดนั้นต้าอีก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เธอหันไปมองเสี่ยวเชี่ยนประหนึ่งได้คำตอบแล้ว นี่ประธานเชี่ยนกำลังแนะเธอว่าควรจัดการเรื่องเย่ต้าเชียนยังไงใช่ไหม?
แต่ต้าอีคิดมากไป ประธานเชี่ยนก็แค่อยากสาธิตให้ดูแบบไหนที่เรียกว่าต้มตุ๋นชั้นสูง
ราคาน่ะสูงจริง
ตอนที่แม่คนบ้าได้รับเอกสารจากศาลแพ่งก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก
ตอนนี้ลูกชายเธอยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลยนะ ถูกควบคุมตัวอย่างเข้มงวดตามกฎหมาย คดีอยู่ในขั้นตอนสืบสวนไม่ให้ญาติเข้าเยี่ยม เธอเองก็ร้อนใจ เช่าบ้านพักอยู่ชั่วคราวเพื่อรอฟังข่าว ผลจากนิติจิตวิทยายังไม่ออกมา แต่หมายศาลมาก่อนแล้ว
“ผู้หญิงคนนั้นจะให้เรารับผิดชอบเรื่องค่ารักษา?”
เห็นตัวเลขที่อยู่ในหมายศาลแล้วแม่คนบ้าถึงกับช็อค
“ถึงตอนนี้ผลจากนิติจิตวิทยายังไม่ออกมา แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ต่อให้เขาเป็นผู้ป่วยโรคประสาทจริงๆ พวกคุณที่เป็นคนดูแลก็ต้องรับผิดชอบเรื่องค่ารักษาพยาบาลครับ”
ทนายที่พี่ใหญ่ส่งมาอธิบายอย่างชัดเจน
คนบ้าก่อเหตุไม่ต้องรับโทษทางอาญาก็จริง แต่เรื่องชดใช้ค่าเสียหายในทางแพ่งยังไงก็ต้องจ่าย
“ก็แค่รัดคอหน่อยเดียวทำไมถึงได้แพงขนาดนี้?”
“ลูกความผมมีอาชีพที่ต้องใช้สมองมาก เขาจึงต้องทำการตรวจเช็คสมองอย่างละเอียด ในนี้มีค่ารักษาที่เกิดจากสมองขาดออกซิเจนรวมถึงค่านอนโรงพยาบาลอีกสองสามครั้ง เขียนไว้อย่างชัดเจน พวกคุณต้องรับผิดชอบเรื่องพวกนี้ครับ ถ้าคิดจะเบี้ยวหนี้ พวกเราก็จะดำเนินการในชั้นศาล”
“หา”
“ลูกความผมยังบอกอีกว่า ถ้าคุณไม่ให้ก็ไม่เป็นไร ได้ยินว่าพวกคุณมีบ้านอยู่ที่บ้านนอก…”
คำพูดของประธานเชี่ยนคือ ถ้าป้ามหาภัยคนนี้ไม่ยอมรับความผิด ไม่ไปล้มเลิกเอาเรื่องเสี่ยวเฉียงที่ค่ายทหาร งั้นก็ฟ้องให้หมดตัวแม้แต่กางเกงในก็เอา
ประธานเชี่ยนยังบอกอีกว่า ถ้ากล้าพูดมากบ่นนู่นบ่นนี่ทำตัวมีปัญหา เธอก็จะแกล้งเป็นลมอีกแล้วนอนโรงพยาบาลต่อ
อย่างไรเสียโรงพยาบาลเอกชนก็อยากให้คนมานอนค้างนานๆอยู่แล้ว ไม่ได้ป่วยแต่บอกว่าตัวเองไม่โอเคทางโรงพยาบาลคงไม่มีทางเตะออกไป จ่ายไปเท่าไรก็ไปคิดบัญชีกับป้าแร้งทึ้งนั่น
อย่างจะบ้าก็บ้าไป ฉันก็จะขูดรีดของฉัน
รับมือกับพวกหน้าไม่อายก็ต้องใช้วิธีแบบนี้นี่แหละ
วิธีจัดการถึงต้นตอปัญหาของเสี่ยวเชี่ยนนี้ ทำเอาป้ามหาภัยถึงกับรีบเอากระเช้ามาขอโทษเสี่ยวเชี่ยน แทบจะคุกเข่าขอร้อง เสี่ยวเชี่ยนก็ไม่ได้คิดจะทรมานอีก สั่งให้ป้ามหาภัยไปอธิบายกับผู้บัญชาการในค่ายของอวี๋หมิงหลาง ถอนคำฟ้องพวกนั้นซะ ไม่อย่างนั้นเธอจะแกล้งปวดเนื้อปวดตัวนอนโรงพยาบาลอยู่แบบนี้
นอนสองสามวันต้องตรวจครั้งใหญ่อีกครั้ง แต่ละครั้งก็เกือบหมื่น ใครจะไปรับไหวกัน
เสี่ยวเชี่ยนได้รับสายจากพลาธิการที่โทรมาบอกข่าวดีว่า ป้ามหาภัยเอาจดหมายขอโทษมายื่น ถอนคำฟ้องอวี๋หมิงหลางทั้งหมด โดยบอกว่าวันนั้นเธอไม่ระวังล้มไปเอง เสี่ยวเชี่ยนฟังแล้วก็อยากหัวเราะออกมา
ป้ามหาภัยเดิมทีอยากจะเล่นงานเธอแบบหน้าด้านๆ โดยใช้ความเป็นทหารของเสี่ยวเฉียง แต่ถ้าอยากเล่นงานถึงเสี่ยวเชี่ยนมีแค่จิตใจที่ชั่วร้ายไม่พอหรอกนะ ยังต้องมีสมองที่ปราดเปรื่องด้วย สติปัญญามีแค่นี้ยังคิดจะมาเล่น โดนเก็บก็สมน้ำหน้าแล้ว
ต่อไปก็ถึงเวลาเก็บ ‘ผู้หวังดี’ คนนั้น ผู้อำนวยการที่ปล่อยคนบ้าให้ออกมาทำร้ายเธอ ควรจะเล่นงานกลับแบบไหนถึงจะสนุก ประธานเชี่ยนยังนึกไม่ออก
เสี่ยวเชี่ยนยังคิดไม่ออกว่าจะเก็บผู้อำนวยการยังไงถึงจะทำให้หลาบจำ ทางด้านพี่ใหญ่ก็ส่งข่าวมา
“พี่บอกว่า…สมองเขามีอาการผิดปกติงั้นเหรอ?”
“ใช่ ยังไม่รู้สาเหตุ พี่ก็สืบไม่ได้ว่าตกลงมันเรื่องอะไรกัน วันนี้มีข่าวมาว่าอยู่ๆเขาก็พูดจาไม่รู้เรื่อง คนในบ้านเลยพาไปโรงพยาบาลประสาท เห็นว่าต้องพักที่นั่นสักระยะ”
“อาการล่ะคะ?”
“ได้ยินว่าเป็นโรคจิตเภท ตอนที่ขึ้นพูดในโรงเรียนเป็นประจำทุกสัปดาห์อยู่ๆเขาก็ถอดเสื้อผ้า พวกนักเรียนพากันงงไปหมด วันที่พาไปส่งโรงพยาบาลคือวันที่สามหลังเธอออกจากโรงพยาบาล”
“ขอประวัติคนไข้ได้ไหมคะ?” เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกแปลกใจ
ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอตรวจอาการให้ผู้อำนวยการ ถึงจะมีอาการทางจิตอยู่บ้าง แต่ไม่หนักถึงกับเป็นโรคจิตเภทแน่นอน แล้วทำไมอยู่ๆมาเป็น?
ถ้าไม่ได้มีเรื่องสะเทือนใจอย่างรุนแรง แล้วจะเป็นแบบนี้ได้ยังไง?
“ขอประวัติคนไข้มาก็ไม่มีประโยชน์ เพราะทางโรงพยาบาลก็หาสาเหตุไม่ได้ รู้แค่ว่าหลังจากที่เขาไปโรงพยาบาลแล้วก็พูดจาไม่รู้เรื่อง เชี่ยนเอ๋อ อย่าสนเลยว่าคนๆนี้เป็นบ้าได้ยังไง ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา เธอก็ไม่จำเป็นต้องไปดูด้วย”
“พี่ใหญ่ ไม่ใช่พี่ทำจริงเหรอคะ?”
“ถ้าพี่ทำพ่อเอาพี่ตายแน่ อีกอย่างพี่ก็สงสัยนะว่าใครเป็นคนทำ คนแบบนี้คงโดนลงโทษเพราะทำแต่เรื่องเลวๆแหละมั้ง ปกติจิตใจคับแคบล่วงเกินคนไว้เยอะ ไม่แน่คนทำอาจเป็นสักคนที่เขาเคยไปมีเรื่องด้วย ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรา เรื่องนี้เธอรับรู้ไว้ก็พอ ไม่ต้องเก็บเอามาใส่ใจหรอก”
หลังจากเสี่ยวเชี่ยนวางสายเธอก็คิดหนัก
ก่อนหน้านี้ผู้อำนวยการเคยมีเรื่องสะเทือนใจ ต่อมาถึงได้มีอาการวิตกกังวล การสะเทือนใจอย่างรุนแรงอาจทำให้เป็นโรคจิตเภทได้ก็จริง แต่ประเด็นคือใครไปสร้างความสะเทือนใจให้เขา?