หลังจากออกมาจากเรือนจำ ดวงตาของติงจื่อยวี่เป็นประกายขึ้นมาทันที และเธอรู้สึกมีความสุขราวกับว่าตัวเองเพิ่งซื้อกระเป๋า Chanel ไม่สิ มีความสุขมากกว่านั้นเป็นร้อยเท่าร้อยพันเท่าเลยแหละ!
หลังจากขึ้นรถ
ติงจื่อยวี่ก็กอดแขนของถังแหวนโม่ “ที่รักค่ะ ขอบคุณที่ช่วยฉันมากนะ”
ถังแหวนโม่ค่อนข้างเฉยเมยแถมยังรู้สึกกลัวเล็กน้อยด้วยซ้ำ
ถ้าคนใดคนหนึ่งในครอบครัวติงสามารถทำให้เขาเกรงกลัวได้ คนคนนั้นก็ต้องเป็นติงหงเหย้า เขาไม่มีวันลืมช่วงเวลาที่เขาได้ร่วมงานกับติงหงเหย้าได้แน่นอน
ในสายตาของถังแหวนโม่แล้ว เขาเป็นคนชั่วร้ายที่มีไอคิวที่และมีความคิดที่รอบคอบเหนือกว่าใครๆ
คุณไม่มีทางรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่แน่นอน
ถังแหวนโม่ถามว่า “ที่รักครับ พี่ชายของคุณเชื่อถือได้จริงหรือ? ”
ติงจื่อยวี่ยิ้มเบาๆ ” ทำไมเหรอ? คุณไม่เชื่อในความแข็งแกร่งของพี่ชายฉันหรือไง? ”
“ผมไม่ได้สงสัยในความแข็งแกร่งของเขา แต่ผมไม่ค่อยไว้ใจบุคลิกประจำตัวของเขา พลังของชายคนนี้แข็งแกร่งเกินไป ถ้าเขาต้องการแก้แค้นทุกคนในตระกูลติง ผมเกรงว่าเขาจะทำร้ายคุณด้วย”
ติงจื่อยวี่โบกมือ “เรื่องนี้คุณวางใจได้เลย ตั้งแต่เล็กจนโตพี่ชายเป็นคนที่ดูแลฉันมาโดยตลอด อาจกล่าวได้ว่า ฉันเป็นความห่วงใยเพียงหนึ่งเดียวบนโลกนี้ของเขา และก็เพราะว่าฉันมั่นใจในจุดนี้ ฉันถึงกล้ามาพบพี่ชายในครั้งนี้ไง”
“ผมหวังว่ามันจะเป็นอย่างที่คุณพูดมาจริงๆ”
พวกเขาออกจากประตูเรือนจำทันที และการอยู่ที่นี่เป็นเวลานานมากจะทำให้ผู้อื่นสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย
……
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เจียงชื่อเพิ่งจะขับรถกลับมาถึงบ้าน
ทันทีที่เขาเปิดประตูเดินเข้าไป ก็เห็นติงเมิ่งเหยนกำลังเตรียมเอกสารบางอย่าง และสีหน้าของเธอก็ดูผิดปกติเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“ทางบริษัทมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ ฉันต้องไปรับมือกับงานเลี้ยงในคืนนี้”
คำว่า ‘งานเลี้ยง’ ทำให้เจียงชื่อไม่ค่อยสบายใจสักเท่าไหร่
เขาถามว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณปู่นั้นแย่มาก โดยพื้นฐานแล้ว คุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับบริษัทแล้ว เป็นเพียงรองประธานในนำเท่านั้น ทำไมจู่ๆ คุณปู่ถึงต้องการให้คุณไปรับมือกับงานเลี้ยงในครั้งนี้ล่ะ? ”
ติงเมิ่งเหยนถอนหายใจด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ยังต้องถามอีกหรือ? จงใจวางแผนให้ฉันติดกับดักของเขาไงล่ะ”
“โอ้? ครั้งนี้เขาพูดว่าอะไรเหรอ?”
“เขาให้ฉันไปโปรโมตผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของบริษัท ถ้าฉันประสบความสำเร็จ เขาจะแบ่งกำไร 30%ให้ฉัน แต่ถ้าฉันล้มเหลว เขาจะยึดหุ้นบริษัท 10% ของฉันกลับทันที”
ดูเหมือนว่า ติงจ้งจะไม่เคยลืมหุ้นส่วนเล็กๆ ในมือของติงเมิ่งเหยนเลย
พยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะเอามันกลับไปให้ได้
ติงเมิ่งเหยนพูดด้วยความเศร้าซึมเล็กน้อย “เฮ่อ! ตอนนี้ทุกคนในครอบครัวต่างพากันเบียดเบียนฉัน คุณปู่แทบรอไม่ไหวที่จะเอาหุ้นของฉันคืน ฉันรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน อันที่จริงแล้ว ฉันไม่ต้องการหุ้นพวกนี้อีกต่อไปแล้ว เมื่อเทียบกับการใช้ชีวิตปากหวานก้นเปรี้ยวแบบนี้ไปวัรๆ แล้ว ฉันยอมคืนหุ้นให้กับพวกเขาแล้วลาออกจากบริษัทและพัฒนาอย่างอิสระดีกว่า”
นี่เป็นทางเลือกที่หมดหนทางจริงๆ
เจียงชื่อเดินเข้ามาพูดว่า “นี่เป็นทางเลือกที่แย่ที่สุด และเป็นผลที่คุณปู่ต้องการเห็นมากที่สุด แม้ว่าเราจะคืนหุ้นกลับไปให้พวกเขา แต่เราก็จะไม่คืนมันกลับไปอย่างง่ายดายแบบนี้ เมิ่งเหยน ผมจะไปร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้กับคุณ”
“อืม”
ติงเมิ่งเหยนก็หวังอย่างนั้นเช่นกัน มีสามีอยู่ข้างๆ ย่อมดีกว่าการรับมือกับงานเลี้ยงเพียงลำพัง
เผื่อเจอคนเลวเข้า มีเจียงชื่อคอยปกป้องเธออยู่ข้างๆ เธอก็จะสบายใจมากขึ้น
ทั้งสองใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวชั่วคราว และขับรถไปยังโรงแรมที่กำหนด
……
ในเวลาเดียวกัน ภายในอาคารสำนักงานของโรงงานผลิตติงหรง ติงจ้งกับติงเฟิงเฉิงและติงจื่อยวี่กำลังต้อนรับแขกผู้มีเกียรติคนหนึ่งอย่างกระตือรือร้น
เขาคือหนิงคุนซึ่งเป็นประธานของบริษัทหงยุ่น
“ท่านประธานหนิงค่ะ เชิญดื่มชาครับค่ะ” ติงจื่อยวี่เสิร์ฟชาด้วยความเคารพ แล้วถอยกลับไปอีกด้านหนึ่ง
หนิงคุนยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ แล้วพูดอย่างเชื่องช้าว่า “คุณติงครับ คุณเรียกผมมาในคืนนี้เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทคุณให้ผมฟังหรือ?”
ติงจ้งพยักหน้า “ใช่ นี่เป็นผลิตภัณฑ์ล่าสุดของบริษัทเรา คุณภาพเป็นอันดับหนึ่ง และยังไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะด้วย ผมตั้งใจเอามาให้คุณดูโดยเฉพาะเลย เพียงเพราะเราเป็นพันธมิตรทางธุรกิจมายาวนาน มีของดีผมก็อยากจะเอามาให้คุณดูเป็นคนแรก”
หนิงคุนมองไปที่เอกสารข้อมูลแล้วหันไปดูที่ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป แต่ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเลย
เขาพูดอย่างไร้กำลังว่า “สินค้านี้ถือว่าใช้ได้ และบริษัทของเราก็ต้องการสินค้าเหล่านี้อยู่พอดี คุณติง คุณนี่ช่างตาถึงจริงๆ ”
ติงจ้งยิ้ม
แต่ก่อนที่ติงจ้งจะดีใจมากกว่านี้ หนิงคุนก็พูดตรงๆ ว่า “แต่ผมก็เชื่อว่าคุณอุตส่าห์เรียกผมมาตอนมืดค่ำแบบนี้ คงไม่ใช่เพราะเรื่องแค่นี้หรอก เรื่องแค่นี้เราสามารถจัดการได้ทุกเมื่อ ผู้ช่วยของผมก็สามารถจัดการได้ คงไม่จำเป็นต้องให้ผมมาคุยด้วยตนเองหรอกมั้ง?”
ติงจ้งพยักหน้า “ในเมื่อท่านประธานหนิงพูดแบบนี้แล้ว ผมก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกต่อไป เรื่องมันเป็นแบบนี้ ผมวางแผนจะขายสินค้าชุดนี้ให้คุณในราคาต้นทุน ในขณะเดียวกัน ผมจะให้หลานสาวของผมมาเจรจากับผู้จัดการแผนกของบริษัทคุณคืนนี้ และเธอจะรับหน้าที่ขายสินค้าให้กับพวกเองครับ ”
“ผมมีเรื่องจะให้ท่านประธานหนิงช่วยหน่อย ช่วยบอกให้ผู้จัดการแผนกของคุณปฏิเสธคำขอของหลานสาวผมโดยตรง และปล่อยให้เธอได้เจอกับการปฏิเสธ!”หนิงคุนขมวดคิ้ว
“คุณติง คุณกำลังขอให้ผมแสดงละครกับคุณ โดยจงใจต่อต้านหลานสาวของคุณเหรอครับ?”
“แม้ว่าคำพูดจะฟังไม่ค่อยเข้าหูสักเท่าไหร่ แต่ก็ตรงประเด็นทุกคำ” ติงจ้งกล่าวว่า “สินค้าชุดนี้เป็นสิ่งที่บริษัทของคุณต้องการ คุณยังสามารถซื้อได้ในราคา ราคาต้นทุนด้วย สำหรับคุณแล้วไม่มีข้อเสียหายอะไรเลย มีแต่กำไรเท่านั้น การที่คุณยอมทำตามคำขอของผมก็แค่เป็นการถือโอกาสแสดงน้ำใจเท่านั้น ซึ่งไม่มีการสูญเสียอะไรเลย แล้วทำไมถึงไม่ล่ะ”
วิธีนี้โหดเหี้ยมจริงๆ
ในอีกด้านหนึ่ง ก็ให้ติงเมิ่งเหยนไปพบปะเจรจา ในทางกลับกัน ติงจ้งก็มาเจรจากับประธานของอีกฝ่ายด้วยตนเอง และขายสินค้าในราคาต้นทุน หนิงคุนไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธอยู่แล้ว
ตราบใดที่หนิงคุนตอบตกลง ติงเมิ่งเหยนก็จะล้มเหลวอย่างแน่นอน
และเมื่อติงเมิ่งเหยนล้มเหลว เขาก็จะสามารถกู้หุ้น 10% กลับมาได้ทั้งหมด
ช่างเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
แต่แล้ว สิ่งเดียวที่เขาคำนวณผิดคือความทะเยอทะยานของหนิงคุน