ทุกคนมองหน้ากัน แต่ละคนหยิบกระดาษและปากกาออกมา ลังเลตัดสินใจไม่ได้
บางคนพอดูอะไรออกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มั่นใจ จึงลีลาไม่กล้าจรดปากกา
หากรักษาได้ไม่ดี ก็ไม่มีหนต่อไปแล้ว
ถ้าอย่างนั้น….ยอมแพ้ดีมั้ย
นั่นสิ ถ้ารักษาไม่หายอนาคตเรามาไม่ได้อีกแล้วนะ เดิมพันมั่วซั่วไม่ได้
ยังมีโจทย์อีกสองข้อให้ลอง ไม่จำเป็นต้องเดิมพันกับข้อนี้หรอก
ใช่ๆ พูดอีกก็ถูกอีก
คนส่วนมากจึงเลือกยอมแพ้
ส่วนน้อยเขียนเสร็จแล้วไตร่ตรองอีกรอบ ก่อนจะขยำกระดาษในมือเป็นก้อนและโยนเข้าถังขยะ
สี่นาทีผ่านไป มีเพียงโม่หยวนคนเดียวที่เขียนแผนการรักษาเสร็จ
เขายืดอกเชิดหน้าขณะยื่นแผนการรักษาให้ผู้จัดการ ตอนที่เดินกลับมาเหลือบมองเจียงชื่อโดยไม่ตั้งใจ และเห็นว่ากระดาษของเจียงชื่อว่างเปล่า
โม่หยวนหัวเราะ
คุณคนไร้อารยธรรม ก่อนหน้านี้นายโอหังมากเลยไม่ใช่เหรอ ไหนพูดว่าฉันจะแพ้นายไง
เหอะๆ นายไม่เขียนอะไรสักตัว จะเอาชนะฉันได้ยังไงเล่า
เหมือนกับที่ฉันคิดจริงๆ หมอเขตเจียงหนานอย่างพวกนายมีแต่พวกไร้ประโยชน์ พวกขยะ พวกกองขี้หมา!
พูดจบ เขาก็เดินองอาจกลับไปยังที่นั่งตัวเอง
เมษขมวดคิ้วเป็นปม ไม่พอใจอย่างมาก
เขามองกระดาษว่างเปล่าของเจียงชื่อและถามอย่างร้อนใจ คุณหมอเจียง โรคของชายคนนั้นรักษายากขนาดนั้นเลยเหรอครับ
เจียงชื่อยิ้มกระอักกระอ่วน
โรคน่ะรักษาไม่ยากหรอก แต่ขนานยาค่อนข้างจะสั่งยาก ตอนนี้คิดไม่ออกจริงๆว่ามียาตัวไหนที่เหมาะสม
ทันใดนั้น เขานึกถึงคำที่โม่หยวนพูดเมื่อกี้แล้วปิ๊งไอเดียขึ้นมา
โอ้ จริงสิ ไอ้ที่เขาพูดก็เป็นยาขนานดีไม่ใช่เหรอ
ทันใดนั้น เจียงชื่อหยิบปากกาขึ้นมา เขียนขนานยาลงกระดาษอย่างว่องไว
เมษดูอยู่ด้านข้าง
หลังจากที่เห็นขนานยาที่เจียงชื่อเขียน ใบหน้าของเมษมืดขรึมขึ้นมา คุณหมอเจียง นี่คุณ….เอาจริงเหรอครับ
ไม่แปลกที่เมษจะตกใจ แต่ขนานยาที่เจียงชื่อเขียนพิเรนทร์เกินไป
เจียงชื่อพับขนานยา เอาไปส่งสิ
เมษร้อนใจ คุณหมอเจียง อย่าล้อเล่นนะครับ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ
ไปส่งก็พอ
เอ่อ…ครับ
หากเป็นคำสั่งของเจียงชื่อ ต่อให้เมษจะไม่เต็มใจแค่ไหนก็จำต้องปฏิบัติ
เขารู้สึกว่าขนานยาในมือหนักยิ่งกว่าภูเขาเสียอีก
หลังจากส่งขนานยาไปแล้ว เมษอยากตายด้วยซ้ำ
หมดเวลา
ผู้จัดการมองกระดาษที่ส่งมาแล้วเอ่ย ทั้งหมดมีแค่สองแผนการรักษา ดูท่าโรคของคุณผู้ชายคนนี้จะตึงมือทุกท่านนะครับ
เขาพูดพลางคลี่กระดาษสองใบออก
ผู้จัดการพอรู้เรื่องการใช้ยาอยู่บ้าง และหลังจากอ่านแผนการรักษาของโม่หยวนเขาพยักหน้าอย่างพอใจ และรีบส่งให้กับลูกน้องเพื่อไปจัดยา
จากนั้นก็เป็นใบสั่งยาของเจียงชื่อ…
เมษก้มหน้าลงทันที เขาผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาในสนามรบนาทีนี้ยังอึดอัดและกลัวจนไม่กล้าเผชิญกับความเป็นจริงที่กำลังจะมาถึง
และก็จริง เป็นอย่างที่เมษคิด หลังจากผู้จัดการได้อ่านใบสั่งยาของเจียงชื่อก็บันดาลโทสะ โกรธจนตะโกนลั่น เจียงชื่อ ใบสั่งยาอะไรของคุณ เห็นพวกเราเป็นตัวตลกหรือไร
คุณคิดว่าที่นี่เป็นที่แบบไหนกัน? ถึงยอมให้คุณทำตามใจชอบ
เด็กๆ ไล่เขาออกไป!
เมษถอนหายใจ รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้
โม่หยวนอีกด้านหัวเราะร่วน ขยะก็คือขยะ ช้าเร็วก็ต้องเผยไต๋ ดูเหมือนว่าฉันไม่ต้องลงมือเองก็มีคนไล่พวกนายออกไปซะแล้ว รีบไสหัวไปซะสิ เห็นแล้วรำคาญลูกตา
เมษไม่มีหน้าจะอยู่ต่อไป เขากำลังจะลุกขึ้น แต่เจียงชื่อกดเขาลง
เจียงชื่อมองผู้จัดการ พูดด้วยรอยยิ้ม ใบสั่งยาของผมดูแปลกประหลาด แต่ไม่ถึงขั้นปลิดชีพใครได้ไม่ใช่เหรอครับ?
ผู้จัดการแค่นเสียงเย็น แล้วยังไงล่ะ
เจียงชื่อกล่าว ในเมื่อไม่ถึงแก่ชีวิต ทำไมถึงไม่กล้าลองล่ะครับ?
จำเป็นด้วยเหรอ? คุณคิดว่าผมไม่รู้เรื่องยาหรือไง ต่อให้ผมไม่เข้าใจเรื่องยาก็ดูออกว่าใบสั่งยาของคุณรักษาใครไม่ได้!
เจียงชื่อโบกมือ เฮ้ รักษาได้หรือไม่คุณไม่มีหน้าที่ตัดสินนะครับ ข้อเท็จจริงต่างหากเป็นบทพิสูจน์ ถ้าผมรักษาสุภาพบุรุษผู้นี้ไม่หาย ไม่ต้องให้พวกคุณออกแรง ผมจะไสหัวออกจากประตูใหญ่นี้เอง หลังจากนี้จะไม่ก้าวเข้าศูนย์รับรองแม้แต่ก้าวเดียว
ผู้จัดการยิ้มเย็น คุณพูดเองนะ
ผมพูดเอง
โอเค ถ้าคุณกล้าเสี่ยงผมก็กล้าเล่นด้วย! ผู้จัดการส่งใบสั่งยาให้ลูกน้อง ไป ‘จัดยา’ ตามใบสั่งยาของเขา
ลูกน้องรับใบสั่งยามาดู สีหน้าย่ำแย่ลงทันที
แต่ในเมื่อได้รับคำสั่งแล้ว ไม่ไปก็ไม่ได้
ท้ายที่สุด ลูกน้องคนนั้นถอนหายใจ ส่ายหัวเดินออกไปโดยไม่คาดหวังใดๆกับของที่เขียนไว้บนใบสั่งยา
ผู้จัดการพูดดัก เจียงชื่อ คุณเตรียมไสหัวไปซะ
โม่หยวนอีกด้านถากถางหนักเข้าไปใหญ่ คนจากเจียงหนานเก่งเรื่องขี้โม้กันแบบไม่มีใครยอมใครเลยนะ แต่ความสามารถที่แท้จริงกลับมีแต่ห่วยกับห่วย คนเราอยู่ด้วยกันได้เพราะศีลเสมอกันจริงๆ ขยะไปรวมตัวกันที่เจียงหนานหมดเลย ฮ่าๆๆๆ
เจียงชื่อยิ้มไม่พูดจา
เขานั่งไขว่ห้าง ยกถ้วยน้ำชาบนโต๊ะขึ้นมาจิบ
ชนะหรือแพ้ เดี๋ยวเรามาดูกัน