บทที่ 115
ไป๋หู่รีบลุกขึ้นยืน คุ้มกันไป๋ยี่เฟยและหลี่เสว่
พวกยามเห็นเช่นนั้นต่างพากันเดินถอยหลัง
พวกเขาไม่ได้ขี้ขลาด แต่ไป๋หู่น่ากลัวจนรู้สึกได้ถึงความอำมหิตจริงๆ แค่เขายืนอยู่ตรงนั้นก็ทำให้คนรู้สึกกลัวได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหากเขาลงไม้ลงมือขึ้นมา
ไป๋ยี่เฟยสบถด้วยความไม่พอใจ ทันใดนั้นหลี่เสว่กลับสลบล้มลงไปอย่างไม่มีเหตุผล
“เสว่เอ๋อ!”
ไป๋ยี่เฟยหัวใจเต้นรัว รีบยื่นมือเข้าไปประคองหลี่เสว่
“เสว่เอ๋อ? เธอเป็นอะไรไป? เสว่เอ๋อ?”
หลี่เสว่สลบจนไม่มีสติ
เมื่อคนตระกูลหลี่เห็นเช่นนั้นต่างพากันตกใจตะลึง เมื่อครู่ยังดีๆอยู่ ทำไมถึงสลบไปได้ล่ะ?
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจอะไร รีบอุ้มหลี่เสว่ขึ้นมา พูดกับไป๋หู่ : “ไปขับรถ”
ไป๋หู่ตอบกลับ มองยามด้วยสายตาโหดเหี้ยม เตือนพวกเขาอย่าเข้ามาเป็นดีที่สุด จากนั้นรีบเดินออกไปจากห้อง
พวกยามถูกสายตาอันเหี้ยมโหดของไป๋หู่จ้องมองมาจนกลัวหัวหด ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขา
ไป๋ยี่เฟยอุ้มหลี่เสว่ออกไปข้างนอก
หลี่ฝานร้องตะโกน: “จับพวกเขาไว้! หล่อนแกล้งแน่นอน! หล่อนแกล้ง หลอกลวง! รีบจับไว้!”
พวกยามได้ยินเช่นนั้นต่างรู้สึกลังเล จับหรือไม่จับ?
ทันใดนั้น ไป๋ยี่เฟยหันหลังกลับมา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “หลี่ฝาน ถ้าเสว่เอ๋อเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะจัดการนายให้ตายอย่างสาสม!”
หลี่ฝานถูกเขาพูดขู่จนตกใจกลัว ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
แต่นายท่านหลี่ในตอนนี้กลับหน้าซีดเซียว
ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของไป๋ยี่เฟย แต่เขารู้เป็นอย่างดี เขาไม่ได้บอกคนอื่นเรื่องนี้ เพราะเขารู้ว่าไป๋ยี่เฟยตั้งใจปิดบัง ถือว่าเขามีจุดอ่อนตรงนี้ เขาจึงคิดว่าไป๋ยี่เฟยอาจจะให้ผลประโยชน์กับหลี่ซื่อได้มากกว่านี้หรือไม่?
เพราะในตอนนี้ เรื่องที่ทำแล้วมีมูลค่าก็ไม่ใช่ว่าไม่มี เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงเหลือทางรอดไว้ให้ตระกูลหลี่หนึ่งทาง
แต่เรื่องที่ไม่คาดฝันกลับเกิดขึ้น ไป๋ยี่เฟยไม่ประนีประนอม ที่แปลกไปมากกว่านั้น หลี่เสว่เป็นลมสลบ
ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลี่เสว่ขึ้นมาจริงๆ จากความใส่ใจที่ไป๋ยี่เฟยมีต่อหลี่เสว่ ตระกูลหลี่คง…
เป็นเหมือนที่คาดไว้ ไป๋ยี่เฟยอุ้มหลี่เว่ออกไปจากห้องประชุม ทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้
“จบแล้ว”
หัวใจของนายท่านหลี่เต้น “ตึกตัก” หน้าซีดมากขึ้น ตัวสั่นไม่หยุด
ตอนนี้ทุกอย่างจบหมดแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงอำนาจและฐานะของโหวจวี๋กรุ๊ปในเมืองเทียนเป่ย ครั้งนี้ไม่เพียงแค่ไม่ได้รับประโยชน์อะไรมากกว่าเดิม กลับทำให้หลี่ซื่อพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ตราบใดที่ไป๋ยี่เฟยยินยอม หลี่ซื่อจะไม่มีวันหวนกลับมายืนได้อีก
ไป๋ยี่เฟยอุ้มหลี่เสว่เดินออกไป
คนอื่นในตระกูลหลี่ต่างสบตามองหน้ากันไปมา
นายท่านหลี่ยืนตกตะลึงอยู่ที่เดิม
ไม่มีสายตาอันเหี้ยมโหดของไป๋หู่และไป๋ยี่เฟยแล้ว ในที่สุดหลี่ฝานก็ใจกล้า เดินมาหยุดข้างนายท่านหลี่ “คุณปู่ ทำไมปล่อยพวกเขาไปล่ะ? ปู่ดูที่พวกเขาตบผมสิ!”
“อีกอย่าง หลี่เสว่ต้องเสแสร้งแน่นอน พวกเขาหาเงินไม่ได้ จึงจงใจแกล้งทำแบบนี้!”
ทันใดนั้น นายท่านหลีหันหลังกลับมามองหลี่ฝาน พูดตะคอกใส่ “ออกไปให้พ้น!”
หลี่ฝานตัวสั่น รู้สึกเสียใจ “คุณปู่…”
“อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ!” สีหน้าของนายท่านหลี่ขรึมจนน่ากลัว
หลี่ต้าไห่จับหลี่ฝานไว้ ให้เขาหุบปาก
…
ทางด้านไป๋ยี่เฟย ในที่สุดทั้งสามก็เดินทางมาถึงหน้าประตูโรงพยาบาล แต่ตรงนั้นกลับมีคนจับกลุ่มรวมตัวกันอยู่
อีกทั้งคนพวกนี้ยังสวมชุดไว้อาลัยให้คนที่จากไป ในมือยังถืออุปกรณ์ที่ใช้ในงานศพ ทั้งร้องไห้ทั้งบ่นด่า ปิดกั้นประตูโรงพยาบาลจนเดินเข้าออกไม่ได้ ไม่เพียงเท่านั้น ด้านหน้าสุด ยังมีคนยืนเผากระดาษ คละคลุ้งไปด้วยควันดำ
ไป๋ยี่เฟยร้อนใจมากขึ้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ไป๋หู่ตอบ: “พวกคนก่อความวุ่นวายให้โรงพยาบาล”
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้ว อุ้มหลี่เสว่ไปไว้ตรงที่นั่งด้านหลัง ตัวเองลงจากรถ
เดินตรงไปที่ด้านข้างของคนใส่ชุดไว้อาลัยคนหนึ่ง ถามขึ้น: “ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ผมขอ…”
ยังไม่ทันพูดจบ คนนั้นก็ถลึงตาใส่ไป๋ยี่เฟย “ไปๆๆๆ ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย!”
สีหน้าของไป๋ยี่เฟยนิ่งขรึม “รบกวนขอทางหน่อยครับ มีคนป่วยต้องการความช่วยเหลือด่วนบนรถ”
เสียงของเขาดังพอสมควร คนรอบข้างได้ยินกันหมด ต่างพากันหันมามอง
หญิงสาวร่างท้วมคนหนึ่งในกลุ่มนั้น มองมาที่ไป๋ยี่เฟย ร้องตะโกนโวยวาย “มีคนป่วยก็รีบไปรักษาสิ! มาทำอะไรที่นี่? โรงพยาบาลนี้ทำให้พ่อฉันต้องตาย พวกนายยังมาที่นี่อีก? พวกเรามาปิดกั้นทางตรงนี้ เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยคนอื่นอยู่!”
“ออกไปๆๆ!”
“รีบไป!”
คนพวกนั้นไล่ให้ไป๋ยี่เฟยออกไป
ไป๋ยี่เฟยถูกไล่ออกมาจากกลุ่มนั้นอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่าใครในกลุ่มพูดขึ้นมา: “พวกคนบ้านนี้หน้าด้าน คนแก่อายุแปดสิบแล้ว หัวใจวายเฉียบพลัน ยังกล้ามาโทษโรงพยาบาล จะไถเงินชัดๆ”
“พูดเบาหน่อยสิ เดี๋ยวพวกเขาได้ยิน เดี๋ยวฉันตีเลย”
เมื่อไป๋ยี่เฟยได้ยินเช่นนั้น เข้าใจทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จากนั้นขึ้นไปบนรถ สั่งไป๋หู่: “ขับเข้าไปเลย ไม่ต้องสนใจพวกเขา!”
เรื่องแบบนี้ถ้าในสถานการณ์ปกติ เขาคงแค่มองดูเฉยๆ เพราะไม่ว่าใครถูกหรือผิด ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
แต่ตอนนี้หลี่เสว่สลบไม่ตื่น และโรงพยาบาลอื่นในบริเวณนี้ต้องใช้เวลายี่สิบนาทีกว่าจะไปถึง เขาไม่อยากจะเสียเวลาสักนาที และช้าไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
ไป๋หู่ได้ยินเช่นนั้นรีบติดเครื่องทันที บีบแตรดัง จากนั้นขับรถตรงเข้าไป
เมื่อคนพวกนั้นเห็นรถขับเข้ามา กำลังจะด่า แต่เมื่อเห็นว่ารถขับเข้ามาโดยไม่มีท่าทีจะหยุด ก็พากันหลบออกไปทันที
รถดันเข้าไปด้านใน และยังทับกระดาษเงินกระดาษทองที่พวกเขากำลังเผาอยู่อีกด้วย ท้ายสุดรถก็หยุดจอดอยู่ตรงหน้าประตู
คนที่กำลังมุงดูเหตุการณ์ต่างพากันตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
แต่คนกลุ่มนั้น ทั้งด่าทั้งว่ากันไม่หยุด
“ให้ตายเถอะ! เกือบชนฉันตายไปแล้ว!”
“ไอ้หมอนี่เป็นใคร? ไม่มีตาหรือไง!”
“เวรเอ้ย รีบร้อนอะไรนักหนา!”
“จับเขาไว้! วันนี้ต้องมาคุยกับพวกเราให้รู้เรื่อง!”
“……”
พวกคนกลุ่มนั้นคิดจะบุกเข้าไปที่รถของไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยอุ้มหลี่เสว่ลงมาจากที่นั่งด้านหลังวิ่งฝ่าตรงเข้าไปด้านใน คนในโรงพยาบาลเห็นเช่นนั้นรีบเข้ามาล้อมไว้และส่งหลี่เสว่เข้าห้องฉุกเฉิน
ด้านนอก คนกลุ่มนั้นบุกเข้ามาจะทำร้าย
แต่เมื่อไป๋หู่ลงมาจากรถ ยืนจ้องมองพวกเขา ทุกอย่างสงบลงทันที
ไป๋ยี่เฟยนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน รอเวลาผ่านไปแล้วผ่านไปเล่า ระหว่างนั้นยังโทรหาหลี่เฉียงตง เพราะยังไงหลี่เสว่ก็คือลูกสาวของเขา เขาต้องแจ้งพวกเขาให้ทราบ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ๆเสียงมือถือของไป๋ยี่เฟยก็ดังขึ้น
เป็นสายเรียกเข้าจากหลงหลิงหลิง
“ท่านประธาน ฉันสืบเจอแล้วค่ะ คริสตัลกรุ๊ปเป็นผู้ซื้อกิจการหลี่ซื่อ