บทที่162
ไป๋ยี่เฟยนั้นดูต่างออกไป ถึงจะยังหนุ่ม แต่เขาก็ดูมีราศีกว่านะ!
ในช่วงที่มาบริหารโหวจวี๋ เขาก็นำพาโหวจวี๋ให้สามารถทำกำไรก้อนโตในช่วง มรสุม!
สิ่งเดียวที่ยังย่ำแย่อยู่ก็คือ ตอนนี้โหวจวี๋กำลังถูกบริษัทคู่แข่งทั้งหกแห่งรุมกดดันอยู่ ทำให้หายใจได้ไม่ทั่วท้องนัก
ทนายยังคงดึงดันอ่านต่อ “ดังนั้น ประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปยังคงเป็นไป๋ยี่เฟยเหมือนเดิมครับ”
พูดจบ จางหรงก็เหงื่อไหลเต็มหน้าแล้ว
ผู้บริหารคนอื่นๆ ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมา
หลี่ฝานมองไปยังไป๋ยี่เฟยด้วยสายตาที่เคียดแค้น “ไป๋ยี่เฟย นี่คุณหลอกผมอย่างนั้นเหรอ?”
ในที่สุดไป๋ยี่เฟยก็เริ่มพูดแล้ว “ที่ผมรับปากว่าจะโอนหุ้นให้คุณก็เพื่อช่วยภรรยาของผม แต่ใครให้คุณหลอกผมก่อนล่ะครับ?”
เดิมทีเขาก็มาด้วยความหวังอันน้อยนิดอยู่แล้ว คาดหวังว่าหลี่ฝานจะมีของที่สามารถช่วยหลี่เสว่ได้จริงๆ แต่ว่าเมื่อคืนเฉินห้าวก็ได้มาบอกกับเขา หลิ่วอู๋ฉงกลับเข้าประเทศมาตอนวันที่เก้า ส่วนหลี่เสว่นั้นโดนพิษในวันที่เก้า ดังนั้นหลิ่วอู๋ฉงไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาพิษในครั้งนี้
และอีกอย่าง หลี่ฝานกับเย่อ้ายอาจจะเป็นคนวางยาก็ได้ แต่ว่านั่นไม่ใช่เป้าหมายของพวกเขา คนที่พวกเขาต้องการลงมือจริงๆ คือเขาต่างหากแต่ไม่ใช่หลี่เสว่
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นหลี่ฝานหรือเย่อ้ายก็ตาม สองคนนี้ก็ไม่น่าจะมียาถอนพิษอยู่ในมือแน่ๆ แต่เขาก็วางแผนตลบหลังแล้วเล่นละครต่อให้ถึงที่สุด และในตอนนี้ เขายังสามารถยึดกิจการผลไม้หลี่ซื่อกรุ๊ปมาไว้ในมือ จากนั้นก็สามารถเอามันไปให้หลี่เสว่ได้
ส่วนเรื่องหุ้นนั้น เนื่องจากตอนแรกไป๋หยุนเผิงนั้นยุ่งเกินไป เขาก็เพียงแค่เปลี่ยนให้ไป๋ยี่เฟยมารับตำแหน่งประธานบริษัทเท่านั้น ส่วนหุ้นนั้นยังไม่ได้โอนให้ ดังนั้นหุ้นแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่ว่านั้นยังคงเป็นของไป๋หยุนเผิงอยู่ดังเดิม
เขาที่เป็นลูกชายของไป๋หยุนเผิง การถูกไป๋หยุนเผิงแต่งตั้งให้เป็นประธานบริษัทนั้นก็ไม่มีใครกล้าเถียงหรอกว่ามันไม่เหมาะสม
“ผมเปล่านะ!” หลี่ฝานรีบปฏิเสธ
ไป๋ยี่เฟยพูดตอบกลับด้วยความหงุดหงิด “จริงหรือไม่นั้นคุณน่าจะรู้อยู่แก่ใจที่สุด”
แววตาของหลี่ฝานกระตุกไปทีหนึ่ง จากนั้นก็รีบตอบกลับ “ไป๋ยี่เฟย ไม่ว่ายังไง ตอนนี้ตำแหน่งประธานของโหวจวี๋ก็เป็นของผมแล้ว!”
ไม่มีอะไรสามารถหยุดเขาได้! ต่อให้ไม่มีหุ้นเลยก็ตาม!
“คุณไม่มีหุ้นเลยสักนิด แล้วยังคิดจะเป็นประธานของโหวจวี๋หรอครับ? ฝันกลางวัน” ขำออกมา
“คุณเองก็ไม่มีหุ้นอยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ทีคุณยังเป็นได้เลยแล้วทำไมผมจะเป็นไม่ได้ล่ะครับ?” หลี่ฝานถามกลับ เขาไม่รู้ว่าไป๋หยุนเผิงกับไป๋ยี่เฟยแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นอะไรกัน รู้เพียงว่า ไป๋ยี่เฟยรับตำแหน่งประธานบริษัทของโหวจวี๋โดยที่ไม่มีหุ้นอยู่ในมือเท่านั้น ดังนั้นในตอนที่ไป๋ยี่เฟยยกโหวจวี๋ให้เขา เขาเองก็น่าจะเป็นประธานของโหวจวี๋ได้เหมือนกันสิ
เห่าเจี้ยนพูดเสริมขึ้นมา “จริงด้วย คุณเองแม่งก็ไม่มีหุ้นอยู่ในมือยังเป็นประธานบริษัทได้เลย แล้วทำไมพี่ฝานจะเป็นบ้างไม่ได้ล่ะ?”
ทนายมองไปที่หลี่ฝาน รู้สึกเหงื่อตก
ส่วนบรรดาผู้บริหารพอเห็นอย่างนี้แล้วก็พากันส่ายหน้า
หลงหลิงหลิงเองก็เข้าใจสถานการณ์แล้ว สีหน้าดูดีขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็รู้สึกขำกับคำพูดของหลี่ฝาน
ไป๋ยี่เฟยเขาเป็นถึงลูกชายของไป๋หยุนเผิงแล้วตัวเองล่ะใช่ไหม?
ไป๋ยี่เฟยจ้องหน้าหลี่ฝาน จากนั้นก็พูดออกมาอย่างกะทันหัน “นั้นก็เพราะว่า ไป๋หยุนเผิงเป็นพ่อผมไง”
เพียงคำพูดเดียวก็ทำให้หลี่ฝานกันคนที่มาจากหลี่ซื่ออึ้งตาค้างกันไปตามๆ กัน
ไป๋ยี่เฟยยังพูดต่อ “บริษัทนี้มีพ่อผมเป็นเจ้าของ ถ้าเขาจะให้ลูกชายของตัวเองมารับตำแหน่งประธานบริษัทต่อมันผิดตรงไหนครับ?”
“นี่……คุณ……” หลี่ฝานอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
เห่าเจี้ยนได้แต่กลืนน้ำลาย และไม่กล้าพูดอะไรอีก
ในตอนนั้น ทนายก็ได้พูดเสริมขึ้นมาว่า “ในขณะที่ผู้ถือหุ้นยังมีชีวิตอยู่ ผู้สืบทอดก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปจัดการกับหุ้นส่วนนั้น”
หรือก็คือ ไป๋ยี่เฟยไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะยกตำแหน่งประธานบริษัทให้ใครทั้งนั้น ยิ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะแบ่งหุ้นให้ใครทั้งนั้น ดังนั้นไป๋ยี่เฟยก็ยังคงเป็นประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปดังเดิม
แววตาที่ได้ใจของหลี่ฝานได้หายไปแล้ว สีหน้าก็ซีดลงเรื่อยๆ
เขาหลงคิดว่าโหวจวี๋กลายเป็นของเขาไปแล้ว ทั้งความรู้สึกสะใจอย่างสุดๆ ทั้งความรู้สึกได้ใจอย่างมากๆ ตอนนี้ทั้งหมดนั้นมันกลายเป็นแค่มุกตลกเท่านั้น!
ไป๋ยี่เฟยจ้องมาที่หลี่ฝาน แล้วพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “สรุปคือคนที่ยังมีสิทธิ์ที่จะนั่งบนเก้าอี้ตัวนี้ก็ยังคงเป็นผม คุณและพวกคุณ แม่งไม่มีสิทธิ์อะไรมาว่าอะไรผมทั้งนั้น!”
เห่าเจี้ยนรีบถอยไปหลบอยู่ด้านหลังของคนพวกนั้น
หลี่ฝานเงยหน้าขึ้นอย่างกะทันหัน “ไป๋ยี่เฟย คุณมันก็แค่ชายเจ้าชู้คนหนึ่ง ตะลอนออกไปกินอย่างไม่เลือกหน้า แล้วคุณยังจะมีหน้ามาเป็นประธานบริษัทของโหวรังเกียจต่ออีกเหรอ? ถ้าคุณยังอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไปละก็ คุณมันแม่งก็ไม่ต่างอะไรกับจุดด่างพร้อยของโหวจวี๋เลย ทำให้โหวจวี๋ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง”
พอประเด็นนี้ถูกยกขึ้นมาพูด บรรดาผู้บริหารก็นึกขึ้นมาได้
วันก่อนตอนที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป พวกเขาก็ตั้งใจมาถามหาข้อเท็จจริงจากปากท่านประธานบริษัทเลย แต่ก็ถูกหลงหลิงหลิงกีดกันให้กลับไป บอกว่าเล่นนี้จะต้องมีคำอธิบายแน่ๆ แต่นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้วเรื่องยังไม่มีความคืบหน้าเลย
แล้วหนึ่งในผู้บริหารที่ใจกล้าก็ถามขึ้นมาว่า “ท่านประธานครับ ผมว่าเรื่องนี้ท่านควรมีคำอธิบายให้เรานะครับ”
พอมีคนแรก ก็ต้องมีคนที่สอง คนที่สาม………
“จริงครับ ท่านประธาน ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่ครับ?”
“ท่านประธานครับ ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริงมันจะส่งผลกับโหวจวี๋กรุ๊ปเป็นอย่างมากเลยนะครับ”
“………”
สีหน้าของหลี่ฝานดูได้ใจขึ้นมาเล็กน้อย ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปไม่ได้แล้ว งั้นเขาก็จะทำให้ชื่อเสียงของโหวจวี๋ป่นปี้ซะเลย ทำให้โหวจวี๋ต้องสั่นคลอนให้มากที่สุด
พอหลงหลิงหลิงได้ยินอย่างนั้นเธอก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา เม้มๆ ปากเหมือนอยากพูดอะไร
แต่ไป๋ยี่ฝานก็ชิงพูดขึ้นก่อน “ฮึ นี่คนที่เป็นถึงผู้บริหารของโหวจวี๋กรุ๊ปอย่างพวกคุณ ปกติไม่ได้สนใจอ่านข่าวเลยรึยังไงครับ?”
“หมายความว่ายังไงครับ?”
“ก็หมายความว่าตอนนี้พวกคุณควรจะไปดูข่าวซะบ้างนะ” ไป๋ยี่เฟยพูดออกมาลอยๆ
หลี่ฝานพอได้ยินอย่างนั้นก็อึ้งไปเลย แล้วรีบพูดขึ้นว่า “ไป๋ยี่เฟย นี่คุณจะเล่นตลกอะไรอีก? ข่าวที่เกี่ยวกับคุณทุกคนเขารู้กันหมดแล้ว แล้วยังจะมีอะไรให้ดูอีก?”
“จริงด้วย! ทุกคนในเมืองเทียนเป่ยต่างก็รู้ดีอยู่แล้วว่าท่านประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปนั้นทำตัวเสเพลแค่ไหน เป็นผู้ชายที่กินไม่เลือกหน้า แล้วยังมีอะไรให้ดูอีก?” ตอนนี้เห่าเจี้ยนเองก็ไม่กลัวแล้ว
ไป๋ยี่เฟยขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วพูดขึ้นว่า “สิ่งที่ผมอยากให้พวกคุณดูไม่ใช่ข่าวของวันก่อน หากแต่เป็นข่าวของวันนี้ต่างหากครับ”
พอฟังจบ บรรดาผู้บริหารก็จ้องหน้ากัน จากนั้นก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาดู
หลี่ฝานพอเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา แต่เขาก็ไม่อยากทำตามที่ไป๋ยี่เฟยสั่ง จึงได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้หยิบมือถือขึ้นมาดู
แต่บรรดาผู้ติดตามของหลี่ฝานนั้นต่างพากันหยิบมือถือออกมาดู
ส่วนหลงหลิงหลิงเธอก็ไม่ได้เปิดมือถือดูเหมือนกัน
ถึงแม้จะแปลกใจ แต่เธอก็รู้ดีว่าข่าวที่ออกมาเมื่อวันก่อนคือข่าวปลอม นอกจากว่ามันจะมีข่าวแย่ๆ อย่างอื่นเกิดขึ้นอีกพอเห็นไป๋ยี่เฟยมั่นอกมั่นใจขนาดนั้นเธอเองก็เชื่อเลยว่ามันต้องไม่ใช่ข่าวอะไรที่แย่ๆ แน่นอน
และเป็นไปตามคาด
จางหรงอุทานออกมาเสียงดัง “มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด คนๆ นี้ไม่ใช่ท่านประธาน!”
เช้าวันนี้ตอนประมาณแปดโมง นักข่าวคนหนึ่งได้รับข้อมูลจากวงในมาว่า ชายที่อยู่ในรูปนั้นไม่ใช่ท่านประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปอย่างแน่นอน แต่เป็นผู้ชายคนอื่น การที่รูปแบบนี้ถูกปล่อยออกมานั้นก็เพื่อต้องการทำลายชื่อเสียงของประธานบริษัทโหวจวี๋กรุ๊ปเท่านั้น
ส่วนใครเป็นคนที่ต้องการทำลายชื่อเสียงของเขานั้น อันนี้ก็ไม่สามารถรู้ได้จริงๆ
จากนั้นกระแสทั้งหมดก็ได้เปลี่ยนไปในทันที
เมื่อเห็นว่าประธานบริษัทโหวจวี๋ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ได้มีหลายๆ คนเข้าไปคอมเม้นต์ในโซเชี่ยลต่อว่าคนที่กระทำเรื่องนี้ว่าโหดเหี้ยมอีกด้วยที่สามารถถ่ายรูปที่น่ารังเกียจแบบนี้ออกมาได้
ไม่ว่ายังไง ประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปก็ยังบริสุทธิ์ ไม่ได้มีการนอกใจแต่อย่างใด เขายังคงเป็นท่านประธานหนุ่มที่มีราศีอยู่ดังเดิม
พอบรรดาผู้บริหารได้เห็นอย่างนั้นต่างก็พากันสบายใจขึ้นมา เรื่องนี้เป็นเพียงแค่ข่าวลือ งั้นก็แสดงว่าโหวจวี๋กรุ๊ปจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรทั้งนั้น สถานการณ์อาจจะกลับดีขึ้นมาบ้างก็ได้
เมื่อหลีฝานได้ยินคำพูดของจางหรง เขาก็ทำใจเชื่อไม่ได้ จึงได้คว้าเอามือถือของเห่าเจี้ยนมาเปิดดู
“นี่ นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
“มันจะเป็นข่าวปลอมไปได้ยังไง? นี่มันเรื่องจริงชัดๆ!”
พอไป๋ยี่เฟยได้ยินอย่างนั้น จึงได้ถามกลับไปว่า “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่ามันคือข่าวปลอมครับ? หรือคุณคือคนที่ถ่ายรูปนั่นเหรอครับ?”
ตอนแรกหลี่ฝานก็อยากจะตอบโต้กลับไปตรงๆ แต่พอตั้งสติได้ว่าไป๋ยี่เฟยกำลังหลอกถามเขาอยู่ เขาก็รีบบ่ายเบี่ยง “เพ้อเจ้อ! ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะว่าปกติคุณไปทำอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง? ผมแค่คิดว่าคนในรูปนั้นมันเป็นคุณชัดๆ ยังไงก็คือคุณ หรือคุณจะบอกว่าในเมืองเทียนเป่ยนี้มีคนที่หน้าเหมือนคุณอยู่อีกอย่างนั้นเหรอครับ?”
พอพูดจบ ทุกคนต่างพากันเงียบ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ คนๆนั้นช่างเหมือนกับไป๋ยี่เฟยมาก
ไป๋ยี่เฟยพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย “ที่คุณพูดมามันก็ถูกครับ แต่รบกวนคุณช่วยถ่างตาดูหน่อยนะครับว่าหน้าผมมันมีไฝไหม? มีแผลเป็นอันใหญ่อันนั้นไหม?”
ตอนที่ไป๋ยี่เฟยไปขอให้ เฉินห้าวช่วยจัดการรูปนั้น ก็ได้เพิ่มไฝอันใหญ่ไว้ในรูปและแผลเป็นอีกอันหนึ่ง ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็จะมองไม่เห็น
คนที่เฉินห้าวหามานั้นฝีมือดีมาก ไม่มีทางดูออกเลยว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกเพิ่มขึ้นมาทีหลัง
และเมื่อคืน เขาก็ได้กำชับกับเฉินห้าวไปอย่างแน่นหนาว่า ในเช้าวันนี้เขาเอาข่าวนี้ไปบอกกับนักข่าว บอกพวกเขาให้ปล่อยข่าวนี้ออกไปภายในหนึ่งชั่วโมง จากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ทุกคนกำลังเห็นอยู่ตรงหน้า ประธานบริษัทของโหวจวี๋กรุ๊ปนั้นถูกใส่ร้าย