บทที่327
“ขอบคุณมาก” ไป๋ยี่เฟยกล่าวขอบคุณไปด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ขนาดนี้สามารถเอามาไถ่ชีวิตของผมได้ไหมครับ?”
เมื่ออีกฝ่ายถามมาแบบนี้ คำตอบที่ไป๋ยี่เฟยให้ไปก็เป็นไปตามคาด “ตอนแรกผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าคุณอยู่แล้ว”
ความจริงไป๋ยี่เฟยกะจะฆ่าชายคนนี้จริงๆ แต่บอดี้การ์ดคนนี้ไม่ธรรมดาเลย รู้เยอะ แม้แต่ไป๋หู่กับสวีลั่งยังมีท่าทีแบบนี้ เมื่อลองชั่งใจดูก็คิดว่าปล่อยเขาไปน่าจะดีกว่า
หลังจากที่บอดี้การ์ดผอมแห้งได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว เขาก็รีบออกจากที่นี่ในทันที
จากนั้น ไป๋ยี่เฟยก็มองมาที่เถาเยว “คู่นอนคนนั้นของคุณคือใคร? ติดต่อเขาให้ที ผมจะไม่ฆ่าคุณ”
“ได้ค่ะ ฉันจะติดต่อเขา ฉันจะติดต่อเขา” พอเถาเยวรู้ว่าตัวเองไม่ต้องตายแล้ว เธอก็รีบตอบตกลงในทันที
แต่ไป๋ยี่เฟยก็ได้ถามไปด้วยความอยากรู้ว่า “เขาบอกว่าคู่นอนของคุณเยอะมาก ผมอยากรู้ว่ามีกี่คนเหรอครับ?”
เถาเยวได้ยินอย่างนั้นก็ลังเลไปแปบหนึ่ง แต่ก็กลัวจะทำให้ไป๋ยี่เฟยโกรธ เธอจึงตอบไปตามตรงว่า “สามคนค่ะ”
นี่เธอต้องเก่งขนาดไหนเนี่ยถึงสามารถวนเวียนอยู่ท่ามกลางผู้ชายถึงสามคนแบบนี้ได้?
“คนแรกคือเพื่อนที่โตมาด้วยกันกับฉัน เขาเป็นนักสู้ แต่เขาคงไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับคุณ คนที่สองคือคนที่คอยสืบหาข้อมูล ส่วนคนที่สามก็คือ……คุณชายของตระกูลฉุง ตอนนี้เขากำลังถูกเนรเทศอยู่ ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับไปหรือเปล่า”
“ตระกูลฉุงเหรอ?” ไป๋ยี่เฟยสงสัย “ตระกูลนี้เก่งมากไหม?”
เถาเยวสูดหายใจ จากนั้นก็พูดต่อว่า “สี่ตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง เย่หลินไป๋ฉุง ตระกูลฉุงก็คือหนึ่งในนั้นค่ะ”
ไป๋ยี่เฟยพยักหน้า แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกสนใจตระกูลฉุงเป็นพิเศษ “ตระกูลไป๋ก็อยู่ในนั้นด้วยเหรอ? เป็นตระกูลของไป๋หยุนเผิงหรือตระกูลไป๋ของคนอื่น?”
“คุณรู้จักด้วยเหรอคะ?” เถาเยวอุทานออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นก็ตอบกลับไปด้วยความมั่นใจว่า “ตระกูลของไป๋หยุนเผิงนั่นแหละค่ะ”
“ตระกูลไป๋ถือว่าอ่อนแอที่สุดในบรรดาสี่ตระกูลนี้ แต่ตระกูลไป๋ก็มีพื้นหลังที่ลึกล้ำมาก มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ตระกูลอื่นๆ จะเอาเขาลง”
ฟังดูสุดยอดไปเลยนะ
ท้ายที่สุดไป๋ยี่เฟยก็ให้สวีลั่งแลกเบอร์กับเถาเยวไป เพื่อให้เถาเยวติดต่อสวีลั่งภายหลัง
………
พอขึ้นรถมาไป๋ยี่เฟยก็ได้เบาใจลง แผ่นหลังของเขารู้สึกเปียกชุ่มไปหมด เป็นเพราะเหงื่อที่ออกมาตอนเหตุการณ์เมื่อกี้ บอกตามตรง ครั้งแรกที่ต้องฆ่าคนเป็นเพราะความเป็นห่วงที่มีต่อน้องสาว จึงทำให้รับได้รู้ถึงความรู้สึกที่ได้ฆ่าคนไม่มากนัก
ตอนนี้มือของไป๋ยี่เฟยกำลังสั่นอย่างไม่ยอมหยุด เมื่อกี้เขาแค่พยายามอดทนไว้ เพื่อไม่ให้คนอื่นเห็นถึงจุดบกพร่องนี้ ดังนั้นเขาในตอนนั้นถึงได้ดูสงบมาก
สวีลั่งมองไปยังมือที่สั่นเทาของไป๋ยี่เฟยแล้วพูดขึ้นว่า “ความอดทนของคุณถือว่าใช้ได้ เหมาะแก่การฝึกวิชาดี แต่น่าเสียดาย……”
“เสียดายอะไร?” ไป๋ยี่เฟยชอบให้ถูกชมเป็นที่สุด พอได้ยินคำว่าน่าเสียดายเขาก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“น่าเสียดายที่คุณแก่แล้ว”
………
เช้าวันต่อมา ตอนที่ไป๋ยี่เฟยกำลังจะออกไปข้างนอก เขาก็ถูกหลี่เสว่เรียกเอาไว้ก่อน “ฉันอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกค่ะ”
“แล้วคุณอยากไปไหนเหรอครับ? เดี๋ยวผมให้คนไปส่ง” ไป๋ยี่เฟยลังเลไปแปบหนึ่งก่อนจะตอบไป ช่วงนี้มันค่อนข้างไม่ปลอดภัย แต่การที่ต้องอยู่แต่ในบ้านมันก็คงน่าเบื่อจริงๆ นั่นแหละ
“ฉัน……อยากไปกับคุณค่ะ แต่คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะไม่รบกวนคุณเลยแม้แต่นิดเดียว”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกเซอร์ไพรส์กับคำพูดของหลี่เสว่ มันทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมามากเลย “ได้ครับ ถึงจะรบกวนผมก็ยินดีครับ”
หลี่เสว่เดินตามเขาไปด้วยความเกรงใจ แล้วทั้งคู่ก็ได้ขับรถไปที่โรงพยาบาลเอกชนด้วยกัน
“จะมาตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลเหรอคะ?” หลี่เสว่ถามด้วยความสงสัย เธอรู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่รู้ว่าร่างกายของไป๋ยี่เฟยหายดีแล้วหรือยัง
พอไป๋ยี่เฟยเห็นเธอเป็นห่วงตัวเองแบบนั้น เขาก็ตอบไปว่า “ไม่ใช่ครับ ผมแค่มาดูเฉยๆ อ้อ จริงด้วย ตอนนี้โรงพยาบาลนี้มันเป็นของผมแล้วนะครับ และเป็นของคุณด้วย”
“ผมซื้อมันมาแล้ว ต่อไป……ถ้าจะฝากท้อง ก็มาที่นี่ได้เลย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วยครับ”
ไป๋ยี่เฟยอยากบอกว่าถ้าไม่สบายก็มาหาหมอที่นี่ได้ แต่พอมาคิดๆ ดูแล้วก็ไม่เอาดีกว่า เขาไม่อยากให้หลี่เสว่ป่วย ยิ่งไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับหลี่เสว่ทั้งนั้น และเหตุผลเดียวที่ไม่ต้องป่วยแล้วมาโรงพยาบาลได้ก็คือฝากท้องไม่ใช่เหรอ?
หลี่เสว่หน้าแดงขึ้นมาทันที “อย่า……พูดมั่วๆ นะคะ!”
ไป๋ยี่เฟยขำออกมา “โอเคครับ ไม่พูดแล้ว ถึงตอนนั้นผมจะมาเป็นเพื่อนคุณเอง”
พอถึงที่โรงพยาบาล ไป๋ยี่เฟยก็มีธุระต้องรีบไปหาหนิววั่ง เขาจึงให้หลี่เสว่เดินเล่นไปก่อน ถ้ามีอะไรก็ให้โทรหาเขา
ไป๋ยี่เฟยเข้าไปที่ห้องทำงานของหนิววั่ง ส่วนหลี่เสว่ก็เดินเล่นอยู่ไม่ไกล พอรู้สึกว่าไม่มีอะไรทำ เธอก็ไปหาที่เก้าอี้ที่อยู่แถวนั้นนั่งเล่น
พอนั่งลงไปได้ไม่นาน ก็ได้มีชายเสื้อเชิ้ตสีดำที่ดูไม่น่าเข้าใกล้สักเท่าไหร่นั่งลงที่ข้างๆ หลี่เสว่
“สวัสดีครับ คนสวย” ชายคนนั้นทักทายหลี่เสว่ด้วยความเป็นกันเอง “คุณพอจะรู้ไหมครับว่าศูนย์กระดูกของโรงพยาบาลนี้อยู่ทางไหน?”
หลี่เสว่ตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้า “ต้องขอโทษด้วยค่ะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ลองถามพยาบาลดูไหมคะ?”
ชายคนนั้นโบกไม้โบกมือ “ไม่เป็นไรครับ ที่ผมจะสื่อก็คือ โรงพยาบาลนี้มันใหญ่มาก จะหาอะไรก็หายไม่เจอ มันไม่สะดวกเอาซะเลย”
เนื่องจากหลี่เสว่เพิ่งได้รู้ว่าโรงพยาบาลนี้เป็นของไป๋ยี่เฟยแล้ว พอได้ยินคนอื่นพูดว่าที่นี่ไม่ดี มันก็ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเหมือนกัน “การที่โรงพยาบาลจะใหญ่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทุกๆ ส่วนทุกแผนกต้องแยกออกจากกันอย่างชัดเจนมันจึงจะไม่วุ่นวาย ถ้าคุณไปไม่ถูกก็ควรที่จะไปถามที่หน้าเคาน์เตอร์นะคะ!”
ชายคนนั้นไม่คิดว่าหลี่เสว่จะตอบกลับมาได้ซีเรียสขนาดนี้ เขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “แล้ว คุณมาทำอะไรเหรอครับ? หรือที่นี่เป็นของครอบครัวคุณ?