บทที่405
ทนายหูอึ้งอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็โต้กลับ: “ทุกท่านต่างทราบกันดี ประธานสหพันธ์ธุรกิจเป่ยไห่เสียชีวิตจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน แต่ไม่ใช่เหตุฆาตกรรม”
ต่งหยีซวนพูดอย่างเรียบเฉย: “ไม่ใช่ค่ะ เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะผู้เสียหายต้องการจะฆ่าหวังไห่ แต่ถูกลูกความของดิฉันรู้เข้า ผู้เสียหายจึงข่มขู่ลูกความของดิฉัน ลูกความของดิฉันจึงต้องเดินทางไปพบกับผู้เสียหาย จากนั้นก็ถูกผู้เสียหายหมายปองเอาชีวิต จึงเป็นเหตุให้ลูกความของดิฉันต้องป้องกันตัวและโจมตีกลับ”
เมื่อพูดไป ทุกคนเงียบลง
พูดเช่นนี้ ทำให้รูปคดีทั้งหมดดูสมเหตุผล
ทนายหูรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ฉุงเฉ่าเจว๋ไม่ได้บอกเขาเรื่องนี้ เขาจึงไม่ทราบรายละเอียดเกี่บยวกับมัน ถ้าหากฉุงโยวเวยฆ่าหวังไห่จริง เช่นนั้นคดีนี้…
ฉุงเฉ่าเจว๋หรี่ตาเล็กน้อย เกี่ยวกับหวังไห่เขารู้โดยธรรมชาติว่าอีกฝ่ายถูกฆ่าโดยไป๋ยี่เฟยไม่ใช่เพราะหัวใจวายอะไร
“เธอกำลังพูดโกหก!” ฉุงเฉ่าเจว๋ตบโต๊ะและพูดขึ้น “หวังไห่ถูกไป๋ยี่เฟยฆ่า!”
ผู้พิพากษาขมวดคิ้ว “โจทก์กรุณาเงียบด้วย ตอนนี้เป็นเวลาของฝ่ายจำเลยในการว่าความ”
ฉุงเฉ่าเจว๋สำลักและต้องหุบปาก
ต่งหยีซวนหันไปมองที่ทั้งสองคนที่อยู่ตรงข้ามและพูดต่อ: “ผู้เสียหายฉุงโยวเวยมีความชอบอย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยดีนัก ก็คือเขาชื่นชอบหญิงงามประเภทต่าง ๆ”
“บรรดาคนรักที่อยู่ข้างกายเขา อย่างน้อย ๆ ก็มีอยู่หลายสิบคน หนึ่งในนั้น มีคนหนึ่งชื่อเถาเยว เธอหน้าตาสวย แต่เธอนอกจากจะเป็นคนรักของฉุงโยวเวยแล้ว ยังเป็นชู้ของหวังไห่อีกด้วย”
“พอดีว่าเถาเยว เกิดตั้งครรภ์แล้วเด็กเป็นลูกของฉุงโยวเวย ฉุงโยวเวยไม่อยากจะให้หวังไห่รู้และไม่อนุญาตให้เถาเยว พูดออกไป แต่ข่าวเรื่องการตั้งครรภ์นั้นก็ปิดไม่มิด จนสุดท้ายหวังไห่ก็รับรู้เข้าจนได้”
หวังไห่ต้องการให้เถาเยว เอาเด็กออก เรื่องนึ้ล่วงรู้ไปถึงหูของฉุงโยวเวย ฉุงโยวเวยจึงเกิดความอาฆาตในใจและให้คนไปฆ่าหวังไห่”
ทนายหูรีบลุกขึ้นในทันที “ศาลที่เคารพ กระผมขอค้านคำให้การของฝ่ายตรงข้าม เพราะหวังไห่ถูกไป๋ยี่เฟยฆ่า!”
ตอนนี้เขาสับสนเล็กน้อย แต่เขาตอบสนองอย่างรวดเร็วหลังจากได้ยินคำพูดของฉุงเฉ่าเจว๋ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืนเพื่อต่งหยีซวนในเวลานี้
ต่งหยีซวนไม่ได้ตื่นตระหนกเลย “ดังที่คุณได้กล่าวเมื่อครู่ เหตุฆาตกรรมต้องมีแรงจูงใจ ขอถามว่า แรงจูงใจของลูกความของดิฉันคืออะไรคะ?”
“นี่…”
พวกเขาคนใหญ่โตในแวดวงต่างรู้ดีว่าหวังไห่ถูกไป๋ยี่เฟยฆ่าตาย ยิ่งกว่านั้น สหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวง ยังมีคำสั่งโดยเฉพาะเพื่อเป็นการแก้แค้นให้หวังไห่ว่าหากใครสามารถฆ่าไป๋ยี่เฟยได้ จะได้ดำรงตำแหน่งประธานสหพันธ์ธุรกิจเป่ยไห่
หากคุณเจาะลึกลงไปคุณจะพบว่าฉุงโยวเวยส่งคนมาสกัดกั้นและสังหารไป๋ยี่เฟยและยังดึงสหพันธ์ธุรกิจเมืองหลวงออกมา…
ทนายหูนิ่งสงบไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น: “เช่นนั้นคุณมีหลักฐานว่าวังไห่ถูกผู้เสียหายฆ่าตายหรือไม่? หากไม่มีหลักฐานก็เป็นเพียงการกล่าวหาอย่างปากเปล่าไม่มีข้อพิสูจน์”
ศาลได้ยินแล้วพยักหน้า “จำเลย พวกคุณมีหลักฐานหรือเปล่า?”
“มีค่ะ” ต่งหยีซวนพูดขึ้น “ทางเรามีพยานบุคคลเถาเยว”
“เถาเยว?” ฉุงเฉ่าเจว๋หรีตาเล็กน้อย ไม่น่าเชื่อว่าไป๋ยี่เฟยจะเตรียมพยานบุคคล
ทนายหูขมวดคิ้วแน่น ฝ่ายตรงข้ามมีพยานบุคคล นี่ไม่ส่งผลดีต่อพวกเขาเลย
ผู้พิพากษาพยักหน้าเห็นด้วยที่จะให้พยานบุคคลขึ้นให้การ
หลังจากนั้นไม่นานเถาเยวในชุดธรรมดาก็มาที่หน้าศาลซึ่งทำให้คนหลายคนที่ได้เห็นเถาเยวแปลกใจ
เพราะเถาเยว รู้ดีว่าควรแต่งหน้าอย่างไร เสื้อผ้าก็เลือกมาอย่างดี ปกติเธอชอบสีสันสดใสบวกกับการแต่งหน้าของตนเอง ทำให้เป็นที่หมายปองของชายหนุ่มได้ง่าย
แต่วันนี้เถาเยว แต่งตัวเรียบง่ายสีสันไม่ฉูดฉาด และแต่งหน้าอ่อน ๆ ดูแล้วต่างจากช่วงเวลาปกติโดยสิ้นเชิง
หลังจากได้เห็นเถาเยว ผู้พิพากษาจึงพูดขึ้น: “ไหนเล่าคำให้การของคุณมาสิ”
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ เถาเยว ได้มาที่ห้องพิจารณาคดี เธอรู้สึกประหม่าและหวาดกลัว โชคดีที่เธอได้เห็นฉากใหญ่ ๆ มากมายและจึงมองไม่ออกเลยสักนิด “ท่านผู้พิพากษาที่เคารพ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ วันนั้นที่โรงแรม หวังไห่ถูกบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างกายเขาฆ่าตาย”
เมื่อทนายหูได้ยินจึงรีบพูดขึ้นทันที: “เช่นนั้นก็ไม่เกี่ยวกับผู้เสียหายโดยสิ้นเชิง เป็นคนที่อยู่ข้างกายของหวังไห่เป็นฆาตกร”
เถาเยว กล่าวอย่างเงียบ ๆ: “แต่ว่า ฉันเคยเห็นบอดี้การ์ดโคนนั้นอยู่ข้างกายฉุงโยวเวย บอดี้การ์ดคนนั้นเพิ่งจะมาอยู่กับหวังไห่ได้ไม่นาน”
ความหมายนี้ชัดเจนมากว่าเป็นฉุงโยวเวยจงใจส่งคนเข้ามาใกล้ชิดกับหวังไห่และฆ่าหวังไห่เมื่อสบโอกาส
ผู้พิพากษาพูดขึ้น: “โจทก์มีอะไรจะค้านหรือไม่?”
ทนายหูครุ่นคิดครู่หนึ่ง “เช่นนั้นนี่ก็เพียงเป็นการยืนยันว่าหวังไห่ถูกฆ่า มันไม่สอดคล้องกับคดีในตอนนี้เลยสักนิด ไป๋ยี่เฟยก็ไม่มีความสัมพันธ์ใดกับผู้เสียหายเลยเช่นกัน”
คนตระกูลฉุงมีปฏิกิริยาตอบกลับในทันที ใช่แล้ว เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับไป๋ยี่เฟย?
แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวกับเรื่องที่ไป๋ยี่เฟยฉุงโยวเวยอย่างไร? ที่อธิบายไปก่อนหน้านี้มันไร้สาระทั้งหมด!
อย่างไรก็ตามเถาเยว พูดขึ้นเบา ๆ: “เกี่ยวสิคะเพราะตอนนั้นหลังจากหวังไห่กลับมาก็พบกับไป๋ยี่เฟย ไป๋ยี่เฟยเห็นเข้า”
เมื่อพูดจบต่งหยีซวน ก็พูดขึ้นอย่างเหมาะเจาะ “ก็เพราะลูกความของดิฉันเป็นสักขีพยานนี่เอง ดังนั้นเขาจึงถูกผู้เสียหายข่มขู่ เพื่อไม่ให้ลูกความของดิฉันพูดออกไป”
“ลูกความของดิฉันไม่มีหนทางอื่นและทำได้เพียงต้องไปพบกับผู้เสียหายด้วยตนเอง แต่ผู้เสียหายก็ยังไม่ไว้ใจลูกความของดิฉันตลอดเวลา และวิธีที่จะทำให้ใครสักคนไม่เปิดเผยความลับไปตลอดการก็คือการฆ่าคนคนนั้นเสีย”
เหตุการณ์ชุดนี้อธิบายเหตุและผลได้อย่างชัดเจนและอธิบายว่าไป๋ยี่เฟยนั้นฆ่าคนเพื่อป้องกันตัว
ในที่สุดต่งหยีซวน ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอนนี้ดูเหมือนว่าคำอธิบายจะชัดเจนแล้ว เช่นนั้นไป๋ยี่เฟยอาจจะไม่ต้องโดนโทษประหารแล้ว
ทางด้านคนตระกูลฉุงมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก คดีดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว มันยิ่งส่งผลดีไป๋ยี่เฟยมากขึ้นทุกขณะ บางทีมันอาจจะทำให้ไป๋ยี่เฟยสามารถพลิกคดีได้จริง ๆ
ในตอนนั้นเอง ฉุงเฉ่าเจว๋ทางฝั่งตรงข้ามเหมือนจะได้รับข่าว จึงหันหน้าไปพูดอะไรบางอย่างกับทนายหู ทนายหูจึงยกมือและพูดขึ้น: “ศาลที่เคารพ โจทก์ขอพักการพิจารณาคดีขอรับ”
ผู้พิพากษามองและเคาะค้อนประธาน: “เช่นนั้นให้พักการพิจารณาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง”
พูดจบ เหล่าผู้พิพากษาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องพิจารณาคดี ส่วนฉุงเฉ่าเจว๋นั้นมองไปที่ประตูเหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
ไม่นานก็มีคนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนและส่งแฟ้มเอกสารอันหนึ่งให้ฉุงเฉ่าเจว๋และพูดอะไรบางอย่างแล้วจากไป
ฉุงเฉ่าเจว๋รีบนำออกมาดู หลังจากที่มั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาดแล้วก็เงยหน้าและมองไปที่ไป๋ยี่เฟย ความกังวลเมื่อครู่หายไปจนหมด มีเพียงความสมหวังและมั่นใจ
“ไป๋ยี่เฟย แกอย่าได้มั่นใจไป อีกเดี๋ยวฉันจะทำให้แกรู้ซึ้งถึงจุดจบของการพูดโกหก!” ฉุงเฉ่าเจว๋พูดออกมาอย่างเย็นชา
ไป๋ยี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเห็นฉากเมื่อครู่แล้วเกิดความกังวลใจเล็กน้อย แฟ้มเอกสารในมือของเขาคืออะไร? หรือว่ามันจะเป็นสิ่งที่ไม่เป็นผมดีต่อตนเอง?
แต่เขาก็คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะมีอะไรที่ไม่เป็นผลดีกับตนเอง ดังนั้นจึงได้เพียงแต่มองฉุงเฉ่าเจว๋ด้วยความสงสัย
ฉุงเฉ่าเจว๋เห็นไป๋ยี่เฟยเป็นเช่นนี้ ความโกรธก็ได้ปะทุออกมาอีกครั้ง เหตุใดลูกชายของเขาจึงเสียชีวิตอย่างน่าเศร้า ส่วนไป๋ยี่เฟยกลับยังคงยืนอยู่ตรงนี่หน้าตาเฉย?
“แกตายแน่!” ฉุงเฉ่าเจว๋ก็แค่ทำปากพูดคำนี้ออกไป แต่กลับไม่มีเสียง
ไป๋ยี่เฟยเห็นแล้วกลับแทบไม่ใส่ใจแต่กลับพูดขึ้นอย่างเปิดเผย: “ยังจำสิ่งที่ผมพูดที่โรงพยาบาลได้หรือเปล่า? ไม่ว่าจะอย่างไร พวกคุณจะต้องกลับไปเสียดี ๆ”
“หึ! ไป๋ยี่เฟย จะตายอยู่แล้ว ยังจะคุยโว?” ฉุงเฉ่าเจว๋ไม่เชื่อในคำพูดของไป๋ยี่เฟยและยิ่งไม่สนใจ
ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้า “ผลลัพธ์ใกล้จะออกมาแล้ว”
ฉุงเฉ่าเจว๋หัวเราะเยาะ “งั้นพวกเราจะตั้งตารอ”
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง คณะผู้พิพากษากลับมาและเปิดพิจารณาคดีอีกครั้ง
ทนายหูพูดขึ้นทันที: “ศาลที่เคารพ ตามที่ทางเราได้ทำการตรวจสอบเป็นที่ชัดเจนว่า เถาเยวกับจำเลยไป๋ยี่เฟยมีความสัมพันธ์คุ้นเคย เช่นนั้นคำให้การของเธอ จะต้องได้รับการตรวจสอบ ไม่เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าสิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริง”
“หือ?” ผู้พิพากษามองมา “มีหลักฐานหรือไม่?”
“มีครับ” ทนายหูพยักหน้า เขายื่นแฟ้มเอกสารที่ได้มาเมื่อครู่ให้กับผู้พิพากษ