ศพ – ตอนที่ 253 ปลิวสถิตร่าง

ตอนที่ 253 ปลิวสถิตร่าง

ตอนที่ 253 ปลิวสถิตร่าง

หลังจากพูดจบ ผมก็ยกแผ่นไม้สีดําขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อเชิญเซียนมาสถิตร่าง

แต่ผมเพิ่งเคยทําเรื่องนี้ครั้งแรก จึงเครียดมาก ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้

และไม่รู้ว่าแผ่นป้ายสีดํานี้จะใช้ได้ไหม หรือเรียกเซียนมาได้จริงๆรึเปล่า แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่แน่ใจ

แต่ผมเพิ่งคิดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นเหตุการณ์แปลกประหลาดก็เกิดขึ้น

จู่ๆแผ่นป้ายในมือของผม ก็เย็นขึ้นเล็กน้อย มีแสงส่องประกาย ทันใดนั้นเองพลังเวทย์มหาศาลก็หลั่งไหลออกมาจากแผ่นป้าย

ต่อจากนั้น ผมก็ได้ยินเสียงของชายชราคนหนึ่งดังก้องอยู่ในหัวของผม “ ผู้อาวุโสลําดับที่หกแห่งเผ่าจิ้งจอก หูลิ่วมาช่วย…. ”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ ผมก็ช็อกทันที

จิ้งจอกหก ก็คือปู่หูลิ่วที่อยู่ที่ศาลเจ้าหลักเมืองในตอนนี้

คิดไม่ถึงว่าแผ่นป้ายนี้จะสามารถใช้ได้จริงๆ นี่เพิ่งผ่านไปแป๊บเดียว ผมก็ได้รับการตอบกลับจากเซียนแล้ว

ขณะที่เสียงนี้เงียบลง ทันใดนั้นเงาจิ้งจอกตัวหนึ่งก็ออกมาจากแผ่นป้าย แล้วพุ่งใส่หัวของผมทันที

ไม่รอให้ผมได้มองเห็นอย่างชัดเจน เงามัวๆนั้นก็เข้าไปอยู่ในร่างกายของผมแล้ว

เพียงเสี้ยววินาที ผมก็รู้สึกว่ามีพลังแปลกๆกําลังไหลเวียนอยู่ในร่างกายของผม

ร่างการของผมแข็งที่อ พลังเข้ามารวมกันที่หัวใจ

นอกจากนี้ ทันใดนั้นผมก็รู้สึกปั่นป่วนเหมือนโลกกําลังกลับหัว

ผมอยากคงสติของตัวเองไว้ แต่ความรู้สึกนี้มาเร็วเกินไป ผมไม่สามารถต้านทานได้ สุดท้ายตัวผมก็สั่น “ ปั่ก ” และล้มลงไปทันที

หลังจากที่ผมล้มลง ผมก็หมดสติอย่างสมบูรณ์ และรู้สึกว่าในร่างกายของผมมี “ คน ” เพิ่มมาอีกหนึ่งคน

ใครคนนั้นกําลังควบคุมร่ายกายผมอยู่ ตอนนี้ร่างกายไม่ยอมฟังที่ผมพูดอีกต่อไป

ถึงผมจะรู้ว่ามีเวลาเซียนอยู่ในร่าง ผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้ ต้องยกร่างให้เซียน หลังจากนั้นพวกเขาก็จะช่วยเรากําจัดศัตรู

แต่ตอนนี้เมื่อได้เผชิญกับสถานการณ์นั้นจริงๆ ผมกลับรู้สึกกลัว หรือแม้แต่ปฏิเสธมันด้วยซ้ํา

แต่ในเวลาเดียวกัน ในหูของผมกลับมีเสียงของปู่หูลิวดัง ขึ้น “ ชูหม่า ไม่ต้องกังวล คุณแค่ปล่อยตัวไปตามสบาย ข้าจะไม่ทําร้ายร่างของคุณอย่างแน่นอน ยิ่งคุณผ่อนคลายการสถิตร่างของเราก็จะยิ่งดี

และจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น!”

เมื่อได้ปู่หูลิ่วพูดแบบนั้น ผมก็พยายามทําจิตใจให้สงบ ผ่อนคลายหรือไม่ไปควบคุมร่างกายของตัวเอง

ผมเองก็รู้สึกได้ว่า ร่างกายค่อยๆหลุดจากการควบคุมของตัวเอง จนกระทั่งถูกอีกฝ่ายครอบครองโดยสมบูรณ์

ความรู้สึกแบบนั้นมันแปลกมาก ผมรู้สึกได้ว่าในร่างกายมีใครอีกคนเพิ่มเข้ามา แต่กลับไม่สามารถมองหรือจับต้องได้

และตอนนี้ประสาทสัมผัสของผม ก็กลายเป็นเหมือนหมอกจางๆ

สายตา ประสาทรับกลิ่น การได้ยินต่างอยู่ในระดับต่ํา ความสามารถในการพูดก็หายไปเช่นกัน

ผมเข้าใจดี ตัวเองถูกปหลิวสถิตร่างอย่างสมบูรณ์แล้ว

ขณะนั้นผมเห็นตัวเองยกมือขึ้น ขยับคอไปมา หลังจากนั้นก็เห็นผีดิบสองตนอยู่ตรงหน้า

ทันใดนั้น ผมก็ได้ยินปู่หูลิ่วพูดกับผมอีกครั้ง “ ชูหม่า ! วันนี้มาจัดการผีดิบสองตัวนี้ใช่ไหม? ”

“ ใช่ ใช่ครับ…

” ผมรีบตอบกลับในขณะที่กําลังมึน

แต่ผมกลับไม่ได้ยิน คําพูดของตัวเองเลยสักนิด แต่ดูเหมือนปู่หูลิ่วจะได้ยินอย่างชัดเจน “ ได้! ในเมื่อผู้อาวุโสลําดับที่หกอย่างข้าออกมาแล้ว งั้นก็ต้องช่วยชูหม่ายุติเรื่องนี้ให้ได้ ?

หลังจากพูดจบ ผมก็ได้ยินเสียงจิ้งจอกคําราม ขณะที่ปู่หูลิ่วกําลังควบคุมร่างกายผมอยู่ เขาก็วิ่งเข้าไปหาผีดิบอย่างบ้าคลั่ง

ผมเห็นทุกอย่างมัวๆ สามารถมองเห็นคนสองคน

แต่หลังจากวิเคราะห์แล้ว ผมก็พบว่าน่าจะเป็นพี่เฟิงกับผีดิบตัวนั้น หลังจากปู่หูลิ่วควบคุมร่างกายผมให้เข้าไปใกล้พวกเขาแล้ว ทันใดนั้นปู่หูลิ่วก็พูดว่า “ เฮ้” แล้วง้างมือตบเข้าไปทันที

มันเร็วสุดๆ ผีดิบตัวนั้นไม่มีทางหลบทัน

“ ปัง ” ฝ่ามือตบโดนหน้าผีดิบอย่างจัง

แม้ว่าผีดิบตนนี้จะร้ายกาจ แต่เมื่อถูกปู่หูลิ่วตบแล้ว มันก็กลิ้งไปตามพื้น พร้อมกับส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา

เมื่อพี่เฟิงที่อยู่ด้านข้างเห็นสิ่งนี้ เขาก็อดหันมามองไม่ได้

ในเวลาเดียวกันก็พูดว่า “ ไม่ได้เจอกันนาน คิดไม่ถึงว่าติงฝานจะกลายเป็นชูหม่าของสํานักหูแล้ว

ในเมื่อผู้ที่มาคือจิ้งจอกเฒ่าแห่งสํานักหู งั้นพวกเราก็โจมตีซ้ายขวา จัดการไอ้ผีดิบตัวนี้ด้วยกันดีไหมละ!”

ปู่หูลิ่วก็มองพี่เฟิง ทันใดนั้นเขาก็พูดเหมือนกัน เปล่งน้ําเสียงแก่ๆของตัวเองออกมา “ ครั้งที่แล้วมองผิดไป หนึ่งร่างสองวิญญาณ หาดูยากอย่างที่คิด! ดี ข้าโจมตีซ้าย เจ้าโจมตีขวา ! ”

หลังจากทั้งสองคนตกลงกันเรียบร้อย พวกเราก็ไม่ลังเล แต่ละคนต่างเค้นเสียงดัง ฮี เล็งที่ผีดิบหลังจากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ผีดิบอีกครั้ง

เมื่อพี่เฟิงและปู่หูลิ่วร่วมมือกัน มันก็โครตพ่อโครตแม่สุดยอดเลยละ

นอกจากผีดิบจะร้อง “ โฮกโฮกโฮก ” ออกมาสองสามครั้งแล้ว มันก็ไม่สามารถทําอะไรได้อีก

ทั้งสองคนเริ่มโจมตีทั้งซ้ายและขวา โจมตีกันอย่างไม่วางมือ ช่วงเวลานั้นผีดิบถูกโจมตีจนหมดอารมณ์

มันโดนรุมซ้ายขวา และไม่สามารถหลบได้เลยสักนิด

ไม่ใช่แค่นั้น ผ่านไปไม่ถึง 5 นาที พี่เฟิงก็คว้าโอกาสได้ เขาเอื้อมมือออกไปแปะยันต์

การโจมตีนี้เร็วมาก และเป็นจุดที่อีกฝ่ายคิดไม่ถึง

ผีดิบตนนั้นไม่สามารถหลบได้เลย เมื่อมันได้สติกลับมา ยันต์ก็แปะลงบนหน้าผากของมันแล้ว

พี่เฟิงกระโดดถอยหลังหนึ่งครั้ง ประสานมืออย่างรวดเร็ว “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้งทําลาย! ”

“ ตูม ! ” เสียงระเบิดดังขึ้น พลังของยันต์แพร่กระ จายออกมาทันที

เนื่องจากมันกลายเป็นผีดิบสายดําแล้วมันจึงไม่เป็นอะไร มาก ถึงแม้จะโดนยันต์เข้าไปหนึ่งแผ่น แต่มันยังไม่ตาย เพียง แค่ถูกทําลายพลังชั่วไปไม่น้อย

มันคํารามออกมาหนึ่งครั้ง พุ่งเข้ามาหาพี่เฟิง เห็น ได้ชัดว่ามันกําลังโมโหสุดๆ แยกเขี้ยวยิงฟัน

คิดจะกัดพี่เฟิงให้ตายคาที่

แต่ปหลิ่วเล็งข้างหลังของผีดิบเอาไว้แล้ว เขายกดาบไม้ขึ้น แล้วแทงเข้าไปทันที

ดาบนี้เต็มไปด้วยพลังอันแข็งแกร่งของปู่หูลิ่ว มันทรงพลังผิดมนุษย์

บวกกับผีดิบตนนี้เพิ่งถูกยันต์ทําลายพลังชั่วของพี่เฟิง เมื่อกี้ร่างกายที่แข็งเหมือนเหล็กจึงไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนก่อนหน้านี้ มันอ่อนแอลงไม่รู้กี่เท่า

ดาบส่องประกาย ผมได้ยินแค่เสียงดัง “ ฉีก ”

ดาบเล่มนั้น แทงทะลุร่างของผีดิบทันที มันทะลุออกทางหน้าอก

จู่ๆผีดิบที่กําลังกระโดดไปข้างหน้าก็แข็งทื่อ ร่างกายหยุดอยู่กับที่ ในตัวเริ่มมีพลังชั่วร้ายไหลทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกัน ขนสีขาวที่อยู่บนตัวของมันก็เริ่มแห้งเหี่ยว และหลุดร่วง ลงมาตามพลังชั่วร้ายที่ไหลออกมา

เมื่อพี่เพิ่งเห็นพลังชั่วร้ายของผีดิบถูกทําลาย เขาก็ไม่ลังเล พูดกับปู่หูลิ่วทันที “ จัดการได้แล้วหนึ่ง ต่อไปก็ไปจัดการอีกตัวเถอะ! ”

หลังจากพูดจบ พี่เฟิงก็หมุนตัวพุ่งไปหาผีดิบอีกตัว

ปู่หูลิ่วเองก็ไม่รอช้า เขาดึงดาบออกอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกันเลือดสีดําก็สาดกระเซ็น ผีดิบกรีดร้องออกมาเป็นครั้งสุดท้าย เพราะพลังชั่วร้ายในร่างของมันหายไปแล้ว มันจึงไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมอีกต่อไป

“ ปัก ” เสียงล้มลงกับพื้น มันดิ้นไปมาสองสามครั้ง หลังจากร้อง “ คาคาคา ” ออกมา ดวงตาของมันก็หยุดนิ่ง…

หลังจากนั้น พี่เฟิงและปู่หูลิ่วก็ตรงไปหาผีดิบตัวสุดท้าย ผีดิบตัวนั้นกําลังสู้กับอาจารย์และท่านนักพรตต์อย่างดุเดือด

เดิมที่เป็นการสู้ที่คู่คี่สูสี แต่จู่ๆก็มีพี่เฟิงและปู่หูลิ่วเข้ามาร่วม แล้วผีดิบตัวนั้นจะสู้ไหวได้ยังไง ?

เพิ่งเผชิญหน้า ผีดิบตนนั้นก็ถูกโจมตีจนต้องเป็นฝ่ายถอย

ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที มันก็ถูกกดดันจนไม่มีทางสู้กลับ ห่างไกลจากความตายเพียงแค่พลิกฝ่ามือ

ศพ

ศพ

Status: Ongoing

หมู่บ้านตั้งอยู่บนภูเขาที่แห้งแล้ง เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องที่รกร้าง พวกมันตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางผืนป่าที่เงียบสงัด มันคือสถานที่ต้องห้ามสำหรับ คนเป็น …..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท