เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่588
จ้าวเทียนร้องโอดครวญ
คนบนเฮลิคอปเตอร์ต่างตื่นตกใจ
“หยุดนะ!”
“แกห้ามทำอะไรคุณชายของเรานะ!”
“หุบปาก!” ไป๋ยี่เฟยสบถออกมา
“อย่าเอาแต่หากปากอยู่ตรงนี้ มีปัญญาก็ยิงมาเลย!”
“ถ้าปล่อยมัน แล้วจะไม่ฆ่าเราเหรอ? ปล่อย…แม่แกสิ!”
“พวกแกมันโง่ แล้วคิดว่าเราจะโง่เหมือนกันใช่มั้ย?”
“ไม่มีสัจจะเลยสักนิดยังกล้ามาแหกปากอยู่ตรงนี้อีก ไสหัวไปเลย!”
คนบนเฮลิคอปเตอร์ชะงักและอึ้งกันไปเลย
จ้าวเทียนที่อยู่ในกำมือของไป๋ยี่เฟยก็ไม่กล้าทำอะไรมาก ได้แต่มองดูพวกเขาออกห่างจากหลันเต่าไปเรื่อยๆ
เฮลิคอปเตอร์บินตามหลังของเรือใหญ่มา แต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้นัก และไม่กล้าบินห่างเกินไป พวกเขากลัวไป๋ยี่เฟยจะทำอะไรกับจ้าวเทียน
ในที่สุดก็ออกจากหลันเต่าได้แล้ว เรือเดินหน้าเต็มกำลัง ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาในใจของไป๋ยี่เฟย
จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าจนถึงตอนนี้เขายังไม่เห็นวี่แววของหลี่เสว่เลย เขาจึงถามไปว่า “ภรรยาผมอยู่ไหน?”
พอหลิวเสี่ยวอิงได้ยินอย่างนั้น เธอก็รีบตอบไปว่า “พี่สะใภ้บอกว่าเหนื่อย และกำลังพักอยู่ในห้อง”
ส่วนคนอื่นๆ ก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
หลันเต่านั้นอยู่ห่างจากผืนแผ่นดินค่อนข้างไกล เรือนั้นมีเชื้อเพลิงสำรองมากพอให้ใช้ จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้นแต่มันไม่ใช่สำหรับเฮลิคอปเตอร์ ดังนั้น พอตามมาได้สักพัก พวกเขาก็ต้องบินกลับไปอย่างช่วยไม่ได้
แต่ทว่า ไม่นาน ในที่ไกลๆ ก็ได้มีเรือสปีดโบ๊ทหลายลำปรากฏขึ้น
จ้าวเทียนในตอนนี้ กำลังนอนเจ็บจะเป็นจะตายอยู่บนพื้น เขาครวญครางออกมาว่า “ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันขอร้อง พวกแกจะเอาอะไรก็ได้ ฉันสามารถจ่ายเงินทองมากมายให้พวกแกได้”
พอทุกคนได้ยินอย่างนั้น ต่างก็รู้สึกดูแคลนขึ้นมาทันที
พอไป๋ยี่เฟยเห็นสปีดโบ๊ทที่แล่นมาแต่ไกล เขาก็หันไปถาม จ้าวเทียนว่า “ไหนพูดมาซิ ว่าแกเคยฆ่าคนไปเท่าไหร่แล้ว?”
“ไม่เลย ฉันไม่เคยลงมือฆ่าใครด้วยตนเองเลยสักคน” จ้าวเทียนส่ายหัวอย่างแรง
ไป๋ยี่เฟยทำเสียงฮึดฮัด “แค่คนที่แกสั่งก็ถือว่านับทั้งหมด”
จ้าวเทียนได้ยินก็อึ้งไปทันที และไม่กล้าโกหก ได้แต่ฝืนพูดไปว่า “จะ……จำไม่ได้แล้ว……”
บนหลันเต่า คนพวกนี้ก็ทำตัวเป็นมาเฟีย การที่มาเฟียคนหนึ่งจำไม่ได้ว่าตัวเองฆ่าคนไปมากเท่าไหร่แล้วมันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลดี
ไป๋ยี่เฟยจิกผมของจ้าวเทียนไว้ แล้วออกแรงลากไปยังส่วนท้ายของดาดฟ้า ซึ่งหันหน้าเข้าหาพวกสปีดโบ๊ทพอดี
“คุกเข่า!” ไป๋ยี่เฟยสั่งไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจ
ไม่ต้องให้ไป๋ยี่เฟยสั่งอีก จ้าวเทียนก็คุกเข่าลงแล้ว เขาถูกไป๋ยี่เฟยทำให้กลัวจนขาอ่อนไปนานแล้ว
ไป๋ยี่เฟยเดินตรงไปหาจงเหลียน แล้วพูดว่า “เอาดาบมาให้ผมยืมหน่อย”
ดาบของจงเหลียนนั้นไม่เหมือนกับดาบทั่วไป มันหนักมาก ดังนั้นต่อให้เป็นไป๋ยี่เฟย ก็ยังรู้สึกว่าหนักอยู่ดี
พอจ้าวเทียนเห็นดาบเล่มใหญ่ เขาก็กลัวจนตัวสั่น จู่ๆ ก็ฉี่ราดออกมา
“อย่า อย่าฆ่าฉันเลย……ฉันขอร้อง อย่าฆ่าฉัน……”
ไป๋ยี่เฟยสีหน้านิ่งเฉย “คนที่แกฆ่าไป ก็เคยขอร้องแกแบบนี้เหมือนกัน แล้วทำไมแกถึงไม่ปล่อยพวกเขาไปล่ะ?”
“ไม่นะ ฉันไม่เคยฆ่าคน ฉันไม่เคยฆ่าคน……”
สปีดโบ๊ทพวกนั้นได้ขับเข้ามาใกล้แล้ว มีคนเอาโทรโข่งออกมาพูดกับไป๋ยี่เฟยว่า คนบนเรือฟังไว้ให้ดี ตอนนี้พวกแกได้ถูกเราล้อมไว้แล้ว ถ้าเข้าใจแล้วก็รีบปล่อยตัวคุณชายของเรามาเดี๋ยวนี้!”
ไป๋ยี่เฟยขำเยาะเย้ย “ได้ยินแล้ว พวกแกยังไม่เข้าใจสถานการณ์อีกรึไง สงสัยจะอยู่บนหลันเต่าจนชินแล้ว จนคิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้แล้วสินะ?”
“จนตอนนี้แล้ว พวกเขายังคิดว่าตัวเองเป็นคนกุมอำนาจอยู่อีก แถมยังทำเหมือนไม่มีใครกล้ามีเรื่องกับตัวเองอีก คิดว่าคนทั้งแผ่นดินต้องยอมทำตามที่พวกเขาสั่ง น่าขันสิ้นดี!”
“จะบอกอะไรพวกแกให้นะ ฉันน่ะโดนขู่มาทั้งชีวิตแล้ว!”
พูดจบ ไป๋ยี่เฟยก็ตะโกนใส่คนบนสปีดโบ๊ทว่า “มาซิ! มาเร็ว ฉันมาอะไรสนุกๆ ให้ดู!”
คนบนสปีดโบ๊ทอึ้งไปตามๆ กัน
“มันคิดจะทำอะไร?”
“มันคงไม่ได้จะ…ฝันคุณชายหรอกนะ?”
“เป็นไปไม่ได้! บนหลันเต่าไม่มีใครกล้าทำอะไรตระกูลจ้าวของเราอยู่แล้ว นั่นมันคุณชายของเราเลยนะ มันไม่กล้าหรอก!”
“แต่ว่า ที่นี่ไม่ใช่หลันเต่าแล้วนะ”
“……มันก็ยังเป็นไปไม่ได้อยู่ดี! อยู่ด้านนอกจะฆ่าคนส่งเดชไม่ได้สักหน่อย!”
“โอ๊ย บอกมันอีก เราไม่เชื่อหรอกว่ามันจะกล้าฆ่าคุณชายจริงๆ แกรีบขู่มันอีก เอาให้หนักกว่าเดิม ไม่อย่างนั้น เจ้านายไม่มีทางปล่อยเราไว้แน่”
จากนั้น คนบนสปีดโบ๊ทก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง “พวกแกฟังให้ดีนะ ถ้าคุณชายเกิดเป็นอะไรขึ้นมาแม้แต่ปลายเล็บละก็วันนี้พวกแกก็อย่าหวังที่จะได้ออกไปจากที่นี่เลย ทางที่ดีรีบปล่อยคุณชายของเรามาซะ!”
พอได้ยินอย่างนั้น ไป๋ยี่เฟยก็หรี่ตาลง
สองวันกับการหนีตาย บวกกับบาดแผลบนตัว มันทำให้เขาอ่อนแรงมาก ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนเริ่มจะยืนไม่ไหวแล้ว
แต่เขาก็ยังยกดาบในมือขึ้นมา
“ช่างขันสิ้นดี!” ” ไม่ยอมให้เราไปจากที่นี่เหรอ?”
“ถ้าอย่างนั้นฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าฉันจะออกจากที่นี่ได้รึเปล่า!”
ไป๋ยี่เฟยได้เงื้อมดาบขึ้นมาแล้ว คนที่ตะโกนมาก็ไม่กล้าตะโกนต่อ
ไป๋ยี่เฟยพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “พวกแกยังคิดจะข่มขู่ฉันอีกเหรอ? คิดว่ามีประโยชน์มั้ย?”
“ถ้าเป็นแบบนี้ พวกแกก็ดูเอาแล้วกันว่าผลของการข่มขู่ฉันมันเป็นยังไง!”
จ้าวเทียนตกใจจนถึงขีดสุดแล้ว ปากก็เอาแต่พูดวนอยู่ว่า “อย่าฆ่าฉัน อย่าฆ่าฉัน ขอร้องล่ะอย่าฆ่าฉันเลย ไอ้พวกโง่ พวกแกพูดกวนประสาทไปทำไม หุบปากเดี๋ยวนี้ พวกแก……”
“ฉับ!”
จ้าวเทียนยังไม่ทันได้พูดจบ ดาบเล่มใหญ่ๆ ก็ถูกฟันลงมา ฟันผ่านลำคอของจ้าวเทียนไป กลายเป็นเส้นโค้งที่สวยงาม
ทันใดนั้น เลือดสดๆ ก็พุ่งออกมา กระจายไปทั่วราว ดาดฟ้า รวมถึงทะเล
ส่วนหัวของจ้าวเทียนก็หล่นลงทะเลไปราวกับลูกบอลลูกหนึ่ง ส่วนลำตัวก็ล้มลงบนเรือ
“จุ๋ม!”
เสียงของหัวที่ตกลงน้ำไปมันเด่นชัดที่จะหากอะไรมาเทียบ
ส่งผลให้การกระทำของทุกคนหยุดชะงักไป
คนบนสปีดโบ๊ทอึ้งกันไปเลย
คนพวกนั้น ส่วนใหญ่ก็เคยผ่านการฆ่าคนมาแล้ว แต่ก็ไม่เคยใช้ดาบตัดหัวเหมือนเพชรฆาตในสมัยก่อนเลย ยกมือลงดาบ หัวคนหล่นพื้น
ภาพแบบนี้มันช่างน่าสยดสยองเหลือเกิน
มันทำให้สีหน้าของใครหลายๆ คนดูไม่สู้ดีนัก ต่างก็ซีดเซียวไปตามๆ กัน
หยางเฉียวนั้นตกใจจนต้องกรีดออกมา เอามือปิดตา หันหลัง แล้วมุดเข้าไปในอ้อมอกของสวีลั่งพอดี
ตอนแรกสวีลั่งยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่เลย เขาอยากจะเอามีดสั้นออกมาสะบัดสักสองที แต่จู่ๆ ก็มีสาวน้อยคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในอ้อมกอด สวีลั่งถึงกับงงไปเลยทีเดียวแล้วใบหน้าก็เริ่มแดงขึ้นมา
ทันใดนั้น คนบนสปีดโบ๊ทก็ตั้งสติได้ จางเฟินฟางชักปืนออกมา แล้วเล็งไปที่ไป๋ยี่เฟย
“แกกล้าฆ่าคุณชายของเราสินะ!”
“ฆ่า! ฆ่าพวกมันให้หมด!”
“หมอบลง!”
ไป๋หู่ตะโกนออกมา คนทั้งหมดจึงหลบลงทันที
สวีลั่งหลบลงกับพื้น แถมเขายังดึงหยางเฉียวที่อยู่ในอกหลบตามลงไปด้วย
ในตอนที่หลบอยู่บนพื้นนั้น จู่ๆ สวีลั่งก็นึกถึงน้องสาวของตัวเองขึ้นมา ถึงแม้ตอนนั้น เขาจะอายุแค่สิบขวบ และน้องสาวก็อายุแค่เจ็ดขวบ
ไม่รู้ทำไม ตอนนี้สวีลั่งรู้สึกอยากจะปกป้องสาวน้อยในอ้อมอกคนนี้เหลือเกิน
ดังนั้น สวีลั่งจึงกอดหยางเฉียวเอาไว้แน่นๆ ใช้ร่างกายของตัวเองปกป้องเธอไว้……