หลี่เสว่พูดถูก แต่ว่าในใจของเขารู้สึกผิดมากจริงๆ
ไม่เพียงแต่รู้สึกผิดต่อหลิวเสี่ยวอิง ยังรู้สึกผิดต่อหลี่เสว่อีกด้วย
……
เช้าวันรุ่งขึ้น ไป๋ยี่เฟยแต่งตัวเสร็จก็ออกจากบ้านไป
หยุนอิงที่พึ่งตื่น บังเอิญเห็นไป๋ยี่เฟยออกจากบ้านไป เธอยังไม่ได้ล้างหน้าล้างตา แต่เธอกลับเดินตามไป๋ยี่เฟยออกไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ไป๋ยี่เฟยตรงไปที่โรงแรมเทียนเป่ย
ไป๋ยี่เฟยขับรถไป มองดูหยุนอิงที่อยู่เบาะหลัง“ผมว่า คุณไม่ไปนอนดีๆ ตามผมมาทำไม?”
“แน่นอนว่าตามมาเที่ยวเล่นกับคุณไง!”หยุนอิงเกาะอยู่เบาะหลัง“ฉันอยู่ที่คฤหาสน์น่าเบื่อจะตาย!”
ไป๋ยี่เฟยพูดอย่างรังเกียจ“คุณจะออกจากบ้านผมไม่มีความเห็น แต่คุณจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนได้ไหม?เป็นถึงผู้หญิง หน้าไม่ล้าง ฟันไม่แปลง ยังใส่รองเท้าแตะออกมาอีก คุณไม่อายเหรอ?”
หยุนอิงเปลี่ยนสีหน้าทันที เธอถลึงตาท้ายทอยของไป๋ยี่เฟยแล้วพูดว่า“ฉันจะเป็นยังไงมันเรื่องอะไรของคุณห้ะ!ขับรถของคุณไปเถอะ!”
“ผมไม่ใช่คนขับรถของคุณ!”ไป๋ยี่เฟยทำเสียงหึแล้วพูดว่า“อย่าบังอาจสั่งผมนะ!”
……
ที่ไป๋ยี่เฟยเดินทางมาที่โรงแรมเทียนเป่ยเป็นเพราะจะมาพบพ่อแม่ของหลิวเสี่ยวอิง
พ่อแม่ของหลิวเสี่ยวอิงมาร่วมงานกับเฟยเสว่กรุ๊ปในนามของบริษัท หวังโหลวบอกว่าพวกเขาจัดห้องชุดเพรสซิเดนเชียล สวีทของโรงแรมเทียนเป่ยไว้ให้
หลังจากที่ไป๋ยี่เฟยลงจากรถก็ไม่ได้สนใจหยุนอิง แต่เดินตรงไปขึ้นลิฟต์เพื่อขึ้นไปชั้นบนสุด
หยุนอิงเดินตามอย่างเหนียวแน่น
ในลิฟต์ ไป๋ยี่เฟยยืนชิดอยู่ด้านซ้าย หยุนอิงอยู่ด้านขวา แกทั้งเพราะว่าเธอเป็นคนเข้ามาทีหลัง ตำแหน่งจึงอยู่ข้างหน้า เท่ากับว่าหันหลังให้กับไป๋ยี่เฟย
ไป๋ยี่เฟยจึงจ้องแผ่นหลังของหยุนอิงแล้วครุ่นคิด:จุดอ่อนของเธออยู่ที่ไหนกันนะ?
ไม่ใช่ลำคอ และไม่ใช่ขมับเหมือนกัน มันอยู่ไหนกันนะ?
สายตาของไป๋ยี่เฟยมองประเมินร่างกายของหยุนอิง เห็นเอวเล็กคอดของเธอ ก็ครุ่นคิดในใจว่า:ไม่ได้อยู่ที่เอวหรอกมั้ง?
จากนั้นไป๋ยี่เฟยจึงจับจ้องไปที่เอวของเธอ ในขณะเดียวกัน มือของเขาก็แอบรวบรวมพลัง
แต่ในเวลานี้เอง เสียงดัง“ติ้ง” ลิฟต์มาถึงแล้ว
วินาทีต่อมา ไป๋ยี่เฟยถูกหยุนอิงถีบออกจากลิฟต์
หยุนอิงเดินออกมา ชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟยแล้วด่ากราดว่า“ไป๋ยี่เฟย อย่างแม่งคิดว่าเรามีความสัมพันธ์ร่วมมือกันอยู่ แล้วฉันจะไม่กล้าฆ่าคุณนะ คราวหน้าแม่งลองดูอีกครั้งสิ ฉันฆ่าคุณแน่!”
ไป๋ยี่เฟยยืนยืดตัวตรง ไม่พูดอะไร เพียงแต่รู้สึกเสียดายในใจเล็กน้อย ตกลงหมิงเหมินของผู้หญิงคนนี้อยู่ไหนกันแน่?
……
ไป๋ยี่เฟยมาถึงห้องพักของพ่อแม่หลิวเสี่ยวอิง เขาเคาะประตู
ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนมาเปิดประตู
หลังจากที่เขาเห็นคนที่มาเปิดประตู ก็ทำให้เขาถึงกับผงะไปเลย
เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา คือหลิวเสี่ยวอิง
หลิวเสี่ยวอิงผอมลงกว่าตอนที่เขาออกจากหลันเต่ามาก สีหน้าก็ซีดเซียวเล็กน้อย ดูไปแล้วเหมือนช่วงนี้จะใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขเท่าไรนัก
หลังจากที่หลิวเสี่ยวอิงเห็นไป๋ยี่เฟย เธอถึงกับตกตะลึง
ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงของอู๋หยุนดังลอดเข้ามาจากในห้อง“เสี่ยวอิง ใครเหรอ?”
หลิวเสี่ยวอิงได้สติกลับมา เธอพูดอย่างเรียบเฉยว่า“เคาะประตูผิดน่ะค่ะ”
หลังจากที่พูดจบเธอก็กำลังจะปิดประตู
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกกระวนกระวาย เขารีบใช้มือกดไปที่ประตูที่กำลังจะปิดลง“เสี่ยวอิง”
สีหน้าท่าทางของหลิวเสี่ยวอิงรู้สับสับสนวุ่นวายขึ้นมา เธอก้มศีรษะ ไม่กล้ามองสบตาไป๋ยี่เฟย“ขอโทษนะคะ คุณจำคนผิดแล้วค่ะ”
พอได้ยินประโยคนี้แล้ว ไป๋ยี่เฟยก็รู้สึกโกรธขึ้นมาในทันที เขาใช้แรงที่มือ ผลักประตูออกไปอย่างแรง จ้องมองไปที่หลิวเสี่ยวอิงอย่างตาไม่กะพริบ“คุณเป็นอะไรกันแน่?พูดกับผมดีๆไม่ได้เหรอ?”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?ต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ?”
พึ่งพูดจบ อู๋หยุนผู้ซึ่งเป็นแม่ของหลิวเสี่ยวอิงก็เดินมา
หลังจากที่อู๋หยุนเห็นไป๋ยี่เฟยแล้ว สีหน้าของเธอก็ขรึมทันที เธอชี้พลางด่ากราดไปที่ไป๋ยี่เฟย“เป็นแกได้ยังไง?แกยังกล้ากลับมาหาเสี่ยวอิงอีกเหรอ?ไอ้คนหน้าด้านไม่รู้จักอาย ตัวเองมีลูกมีเมียแล้ว ยังมีหน้ามายุ่งกับเสี่ยวอิงของพวกเราอีก?”
“รีบไสหัวไปเลยนะ!”
อู๋หยุนที่พูดไปด้วยจะปิดประตูไปด้วย
ไป๋ยี่เฟยกลับกดประตูห้องพักไว้ไม่ปล่อย เขาพูดอย่างจริงจังว่า“คุณป้าครับ ขอไม่พูดเรื่องพวกนี้ก่อนนะครับ ตอนนี้ผมแค่อยากรู้ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ตกลงในใจของเสี่ยวอิงคิดยังไงกันแน่?”
อู๋หยุนกลับไม่สนใจคำพูดของไป๋ยี่เฟย ได้เพียงแต่พยายามไล่เขาออกไป“แกรีบไสหัวไปซะ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!”
แต่แรงของไป๋ยี่เฟยเยอะมาก อู๋หยุนไม่สามารถผลักไสเขาออกไปได้ เธอจึงยกมือขึ้นอย่างไม่รู้ตัว อยากจะตบตีไป๋ยี่เฟย แต่มือของเธอหยุดกลางอากาศ นึกถึงภาพเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหลันเต่า จึงวางมือลง
เธอถลึงตามองไปที่ไป๋ยี่เฟย“ตกลงแกจะไปไหม?ถ้าไม่รีบไปฉันจะแจ้งความเดี๋ยวนี้แหละ!”
ไป๋ยี่เฟยอ้าปากพะงาบๆ อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เวลานี้ หลิวเสี่ยวอิงตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
“พอแล้ว!”
ไป๋ยี่เฟยกับอู๋หยุนที่กำลังฉุดกระชากกันอยู่หยุดลงในทันที
หลิวเสี่ยวอิงเงยหน้ามองไป๋ยี่เฟย ด้วยสายตาที่เย็นชา เธอพูดด้วยนัยน์ตาของเธอไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย“ไป๋ยี่เฟย คุณไปเถอะ”
“นับจากวันนี้ไป เราไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีกแล้ว ถือซะว่าไม่เคยรู้จักฉันแล้วกัน”
สมองของไป๋ยี่เฟยเสียงดังวิ้ง จากนั้นก็ว่างเปล่าในทันที
แรงที่มือของเขาตกลงมาในทันที
ต่อมา เสียงของประตูก็ถูกปิดดังปั้ง ทำให้เขาถูกทิ้งไว้ข้างนอกโดยปริยาย
ไป๋ยี่เฟยมองประตูที่อยู่ด้านหน้า ตกตะลึงอยู่นาน ความอารมณ์ความรู้สึกของเขาทั้งหนักหน่วงและซับซ้อน
ตรงมุมของกำแพงที่อยู่ไม่ไกล หยุนอิงพิงอยู่ตรงนั้นดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอยังถามอย่างติดตลกว่า“ให้ฉันช่วยไหม?”
“ไม่จำเป็น”ไป๋ยี่เฟยหันหลังไป เดินไปด้วยพลางตอบกลับอย่างเฉยเมย
ปฏิกิริยาของหลิวเสี่ยวอิงในวันนี้ ไป๋ยี่เฟยไม่เคยคาดถึงมาก่อน
เขาหวนนึกถึงอดีตที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา นึกถึงเรื่องที่เธอเคยช่วยเขาขวางลูกเตะจากหงจุนในตอนนั้น จนทำให้เธอไม่สามารถตั้งครรภ์ได้
ยังนึกถึงเธอต้องทนทุกข์กับความรักที่ไม่สมหวัง ต้องแบกรับความเจ็บปวดรวดร้าวทุกอย่าง
หัวใจของไป๋ยี่เฟยรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย
เขาเดินมาที่ลิฟต์ ประตูลิฟต์เปิดพอดี
แต่แล้วในลิฟต์มีคนเดินออกมาสองคน
คนหนึ่งสวมชุดสูท เป็นชายวัยกลางคนที่สวมแว่นตากรอบสี่เหลี่ยม อีกคนหนึ่งก็คือพานปู้ถิง
พานปู้ถิงยืนมือออกไปขวางประตูลิฟต์ไว้ อย่างประจบประแจงชายวัยกลาง เขาให้ชายวัยกลางคนเดินออกจากลิฟต์ก่อน
เพียงแต่ในตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นไป๋ยี่เฟย ร่างกายของเขาก็อดตกตะลึงไปไม่ได้ ใบหน้าเยินยอประจบประแจงของเขาหายไปในทันที เขายืนตัวตรงแล้วชี้ไปที่ไป๋ยี่เฟยแล้วถามเสียงดัง“ไป๋ยี่เฟย?นายมาทำอะไรที่นี่?”
ไป๋ยี่เฟยไม่สนใจพานปู้ถิง แต่จ้องมองไปที่ชายวัยกลางคน
หลังจากที่ชายวัยกลางคนได้ยินพานปู้ถิงพูด สีหน้าของเขาก็ตึงเครียด แล้วมองไปที่ไป๋ยี่เฟย เขาถามด้วยเสียงขรึมว่า“นายคือไป๋ยี่เฟยใช่ไหม?”
เวลานี้เอง ไป๋ยี่เฟยเองก็คาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้ในทันที เขาจึงพยักหน้ายอมรับแล้วพูดทักทาย“สวัสดีครับคุณลุง”
สีหน้าของชายวัยกลางคนเคร่งขรึม เขาทำเสียงหึเบาๆแล้วพูดว่า“ถ้านายเป็นคนอื่น นายคงตายไปนานแล้ว”
ชายวัยกลางคนที่ผู้รับผิดชอบที่บริษัทเป็นคนส่งมาที่เมืองเทียนเป่ยให้มาทำความร่วมมือกับเฟยเสว่กรุ๊ป และเถ้าแก่ตัวจริงของเฟยเสว่กรุ๊ปก็คือไป๋ยี่เฟยนั่นเอง การร่วมมือนี้ต้องดำเนินการต่อไป แน่นอนว่าเขาไม่สามารถขัดแย้งกับไป๋ยี่เฟยได้
คนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ก็คือหลิวโก๋จงผู้ซึ่งเป็นพ่อของหลิวเสี่ยวอิง
แต่พอหลิวโก๋จงพูดออกมาแบบนั้น จู่ๆหยุนอิงที่อยู่ด้านหลังของไป๋ยี่เฟยก็หัวเราะพลางพูดขึ้นมาว่า“เกรงว่าคุณจะทำไม่ได้!”
แต่แล้วหลิวโก๋จงไม่ได้ใส่ใจหยุนอิง เขาได้เพียงแต่จ้องมองไป๋ยี่เฟยแล้วพูดอย่างเย็นชา“ห้ามนายเกาะแกะกับลูกสาวฉันอีก ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”
หลังจากพูดจบ หลิวโก๋จงก็เดินตรงไปข้างหน้าทันที
พานปู้ถิงที่อยู่ข้างๆรีบเดินตามไป แต่ในตอนที่เขาเดินมาถึงข้างไป๋ยี่เฟย เขาก็หัวเราะไป๋ยี่เฟยอย่างเย้ยหยันแล้วพูดว่า“ยังดีที่ฉันเคยสืบเรื่องนายมาแล้ว รู้ว่านายมีลูกมีเมียแล้ว”
“ไม่อย่างนั้น ตอนนี้เสี่ยวอิงอาจจะถูกนายหลอกลวงทำร้ายจิตใจ!”
เขาไม่เพียงแต่พูดให้ไป๋ยี่เฟยฟัง ยังพูดให้หลิวโก๋จงฟังด้วย เขาพูดต่ออีกว่า“นายหาคนข่มขู่ฉันแล้วยังไงล่ะ?เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉันต้องบอกคุณลุงคุณป้าอยู่แล้ว นายคิดเหรอว่าฉันจะกลัวนาย?”