ตอนที่44 พี่สาวเสียชีวิต
จารวีรู้ดีว่าถ้ายาเข็มนี้ถูกฉีดเข้าไป ยุพินก็คงจะหลับ
ไปอีกครั้ง
ไม่ได้! การมาของเธอครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เธอ จะไม่ยอมเสียโอกาสนี้ไปเด็ดขาด
เธอรีบพุ่งเอาตัวเองเข้าไปขวางพยาบาลไว้
“คุณพยาบาลคะ ฉันขอร้องเถอะค่ะอย่าเพิ่งฉีดยาพี่สาว ฉันเลยนะคะ”
นางพยาบาลมองเธออย่างลำบากใจ “คุณคะ ผู้ป่วยมี พฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น ยังไงก็ต้องฉีดยาเพื่อระงับ
อาการค่ะ”
จาร ส่ายหน้าเป็นพัลวัน “แต่ถึงยังไงฉันก็ได้รับบาด เจ็บแล้ว ถึงคุณฉีดยาให้พี่ การเจ็บตัวของฉันก็สูญเปล่าอยู่ดี ขอร้องเถอะนะคะ ฉันไม่ได้มาที่นี่ได้ง่ายๆ รอให้ฉันพูดกับพี่ อีกสักสองสามประโยคเถอะนะคะ”
นางพยาบาลถอนหายใจอย่างจํายอมพลางเก็บเข็ม ฉีดยาและยอมทําตามที่เธอขอ
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ระวังตัวด้วยนะคะ”
จารวีเช็ดเศษเกี๊ยวที่ติดอยู่ตามผมของเธอออก จากนั้นจึงหยิบขนมเค้กไส้พรุทราที่เธอทำเองออกมาอีกครั้ง แล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะ
“พี่เจ้าเล่นได้แล้ว โอเคไหมคะ”
จารนั่งลงตรงหน้าของยุพิน พลางหยอกล้อเธอ ราวกับกำลังเล่นกับเด็ก
“พี่ฟังนะ พี่เป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวที่มี เหลืออยู่แล้ว พี่ไม่เป็นแบบนี้ได้ไหม พี่รู้ไหมแต่ละวันของ ผ่านไปอย่างยากลำบาก ถ้าเสียพี่ไป ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตต่อไป ยังไงก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง พี่บอกวีหน่อยสิคะ วีต้องทำยัง ไงถึงจะได้สติขึ้นมา
“พี่ เป็นเพราะไอ้เลวยศพลใช่ไหม เขารังแกพี่ ทำให้ ทรมานมากเลยใช่ไหมคะ พี่สบายใจได้นะ ไม่ว่าพี่มีเรื่อง อะไรก็บอกได้ทั้งหมดเลย ตอนนี้เขาไปต่างประเทศไม่ได้ มากับ พี่บอกมาสิ แค่พี่กลับมาเป็นเหมือนเดิม จะให้วีทำ อะไรก็ยอมหมดเลย
พันยังคงเสมือนคนไร้จิตวิญญาณและความรู้สึก ไม่มีการโต้ตอบใดๆ
น้ำตาของจารวีไหลลงอาบสองข้างแก้ม เธอไม่รู้ว่าตัว เองควรจะทำอย่างไรดี
แต่เธอก็ยังคงมีความหวัง เธอจะไม่เลิกล้มความ
พยายามเด็ดขาด
“พี่คะ พี่รู้ไหม…มีอยู่วันหนึ่ง วีรู้สึกอยากจะฆ่ายศพล มากๆ พอวีคิดถึงเรื่องที่เขาทำร้ายพี วีก็ทนไม่ได้ เขาพูดว่า บ้านพูลสวัสดิ์ทุกคนสมควรตาย แต่ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น ล่ะ หาคําตอบไม่ได้ พี่คะ… กลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ค งอดไม่ได้ที่จะฆ่าเขาสักวัน
แต่มันขี้ขลาด วีสู้อะไรเขาไม่ได้เลย วีคิดว่าหรือวีจะ หาทางเอายาพิษอะไรใส่ลงไปให้เขากินดี ให้พิษมันค่อยๆ ทําลายเขาทีละนิดจนตาย…”
จารวีพูดออกไปมากมายจนแทบนับคำไม่ได้ เธอ ระบายความรู้สึกที่อัดอั้นของตัวเองอย่างสะเปะสะปะ
ทันใดนั้น สายตาที่ไร้จิตวิญญาณของยุพินก็พลันลุก
โชนขึ้นมา
“อย่านะ!!!
จาร ที่กำลังใจลอยพลันมีสติกลับมา เธอเอ่ยอย่างตื่น
เต้นว่า “พี่คะ พี่ได้สติแล้วหรอ”
สายตาของยุพินค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นขื่นขมระทม
“ยัย แกอย่าฆ่าเขานะ แกอย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด”
“พี่ พี่ได้สติแล้ว จริงๆแล้วพี่ไม่ได้เป็นบ้าใช่ไหม พี่ ทำลายตัวเองทำไม ออกไปกับวี เราหนีไปจากที่นี่กัน หนีไปให้ไกล ให้ไกลจากไอ้บ้ายศพล…”
ยุพินยิ้มอย่างเยือกเย็น “หนีไม่พ้นหรอก มันคือชะตา กรรมของเรา”
“พี่หมายความว่าไง”
“คนบ้านพูลสวัสดิ์ทุกคนสมควรตาย มันคือชะตา กรรม…” ยุพินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเปล่าเปลี่ยว
จารวีรู้สึกว่าความอดทนของเธอเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ “ทำไมล่ะ! พี่!! ทำไมพวกเราถึงสมควรตาย คนที่สมควรตาย คือไอ้เลวนั่นต่างหาก”
“พี่ พี่รักเขาจนเลอะเลือนไปแล้วหรือไง! รักเขาจนเป็น บ้าไปแล้วหรอ!”
จารวีเขย่าตัวยุพิน
“ฉันบอกแกแล้ว หนีไม่พ้นหรอก แกอย่าหวังลมๆแล้งๆ ไปเลยยัยวี อำนาจของบ้านโพธิสูงยิ่งใหญ่จนแกคิดไม่ถึง เลยล่ะ”
ใบหน้าของยุพินเอ่ยอย่างไร้ความรู้สึก ราวกับกำลัง พูดถึงเรื่องปกติทั่วไป
“แต่อยากรู้ว่าทำไม
การแสดงออกของยุพินแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวด
“ความแค้น…”
“ความแค้นอะไร” จารวีพอจะเดาถึงสิ่งที่พี่พูดได้บ้าง แล้ว ยศพลทั้งเลวทรามทั้งชั่วช้า เขาไม่มีทางจะลงโทษเธอ กับพี่โดยไม่มีมูลเหตุอะไรแน่ๆ
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนโรคจิต แต่เขาก็มีเรื่องของตัว เองให้จัดการ ก็เลยไม่มีเวลามากมายมาคิดแต่เรื่องการแก้ แค้นคนไร้ค่าเช่นเธอ
มันต้องมีสาเหตุอะไรแน่ๆ
“ถ้างั้น มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคุณพ่อคุณแม่ของวีหรือ
เปล่า”
จารวีลองหยั่งเชิงถามออกไป
ทันใดนั้นยุพินเอามือปิดหน้าพลางร้องไห้ออกมา “ไม่ ต้องถามแล้ว ยัยวี ฉันขอร้องแกอย่าถามฉันอีกเลย ความ เจ็บปวดของ ยศพลมันมากมายกว่าพวกเรานัก ความเจ็บ ปวดของเขาเป็นอะไรที่แกไม่มีวันเข้าใจ ฉันขอร้องนะ แก อย่าถือโทษเขาเลย ความโกรธแค้นทั้งหมดที่ผ่านมาก็ขอ ให้จบลงตรงนี้เถอะนะ ถ้าหากการพลีชีพของฉันมันสามารถ ทำให้เขามองกลับมาได้ ฉันก็ยอมตาย…
“พี วีรู้ว่าพี่รักเขา แต่พี่จะเป็นแบบนี้ไม่ได้
พันเงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตาที่มีน้ำตาคลอเบ้ามอง มายังจาร “ชัย ฉันรู้ว่าเขาชอบแก ฉันรู้ว่าเขาแคร์แก ฉันรู้ ว่าต่อให้ฉันตายเขาก็ไม่มีวันกลับมาหาฉัน แต่บางทีความรัก ของแกอาจทําให้ความแค้นของสองครอบครัวละลายหาย ไปได้ชัย ฉันขอร้องล่ะนะ
“พี่พี่รู้เรื่องกับเขาหรอ
พิมพยักหน้ารับ วันที่เขายอมตกลงหมั้นกับฉัน ฉัน เห็นแกกับเขาอยู่ในห้องด้วยกัน…
วันนั้น เธอเห็นว่าจารวีไม่ลงมาด้านล่างเสียที เธอก็ และรีบร้อมที่จะขึ้นไปตาม แต่ผลคือที่หน้าประตู เธอมอง เห็นศพลาดจากโลง และกำลังพัวพันกันอยู่บนโซฟาอย่าง บ้าคลั่ง
ในตอนนั้น เธอแทบจะเป็นบ้า
แต่ทว่า เธอรักยศพลมาก มากกว่าใครทั้งหมด ขอ เพียงแค่ได้อยู่กับเขา เธอทนได้ทุกอย่าง
ดังนั้นเธอก็เลยเลือกที่จะเดินจากไปเงียบๆ
“พี่ นี่พี่รู้เรื่องทั้งหมดหรอ ถ้างอย่างนั้นการเดินทางไป มัลดีฟส์พี่ก็เป็นคนวางแผนสินะ” จารวีเอ่ยอย่างอ่อนแรง
ใช่แล้ว เธอคิดมาตลอดเวลาพี่ไม่รู้เรื่องนี้ เป็นเธอเอง ที่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่คนเดียว
ยุพินพยักหน้ารับอย่างอ่อนแรง “วี ฉันขอโทษ ฉัน ไม่มีทางเลือก ฉันรู้ว่าแบบนี้มันจะทำร้ายแกอย่างหนัก แต่ ว่าฉันไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วจริงๆ นอกจากแกแล้ว ไม่มีใคร สามารถล็อคหัวใจของยศพลไว้ได้ ฉันคิดว่ามีแค่แกคน เดียวที่สามารถผูกมัดเขาไว้ได้”
พลันจารวีก็รู้สึกว่าตัวเองถูกรังแกถูกหลอกใช้
อีกทั้งคนคนที่รังแกเธอยังเป็นคนที่เธอใกล้ชิดและ เชื่อใจที่สุด
ทำไมคำว่า “พี่” จึงแปรเปลี่ยนเป็นคำที่โหดร้ายทารุณ
ได้ถึงเพียงนี้
น้ำตาราวกับไข่มุกที่ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย ค่อยๆซัดสาดลงมาเป็นคลื่น
“พี่คะ พี่รู้ไหม…อะไรคือสิ่งทีวีทำพลาดไป พี่รู้ไหมว่าวี
ต้องแลกอะไรไปบ้าง พี่รู้ไหมว่าวียอมเสียสละความสุขกับ พรหมจารีของตัวเอง แลกมาโดยที่สิ่งตอบแทนคือคำโกหก มันไม่คุ้มค่าเลยแม้แต่นิดเดียว”
“วี…ฉันขอโทษ!” ยุพินสายตาวิงวอนขอร้องจ้องมองไป
ยังจารวี
“พี่ไม่ต้องขอโทษวีหรอก ในเมื่อพี่ทำมันลงไปแล้ว ก็ ยอมรับผลตอบแทนนี้ไปซะ พี่…ฉันเกลียดพี่!!”
“พี่ขอโทษ” ยุพินพิมพำกับตัวเองไปมา
จารใช้ผ้าปิดหน้าพลางพรวดพราดออกไปจากห้อง อย่างรวดเร็ว
ยุพับจ้องมองไปยังเงาของจารวีที่ไกลออกไปเรื่อยๆ จะตั้งอยู่กับความสิ้นหวังที่ยิ่งฝังลึกลงไป
หวังว่าแกจะทำตามความปรารถนาของได้สำเร็จ
การพุ่งตัวออกจากประตูใหญ่ แล้วรีบก้าวขึ้นไปบนรถ ซึ่งมีรับรออยู่แล้ว
รับมองเห็นจารวีในสภาพเหมือนคนอับจนหนทาง จึงตกตะลึงพลวงถาม “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ
จารยิ้มเจื่อนพลางสายหน้า “เปล่าค่ะ พวกเรากลับ
รถทะยานไปบนถนนอย่างช้าๆ ในหัวสมองของจาร ได้ยินเพียงคำพูดเมื่อครู่ของยุพินดีกันจนยุ่งเหยิง
ความแค้น จริงๆแล้วมันเป็นยังไงกันแน่ เธอคิดไม่
ออกจริงๆ
ความคิดที่น่ากลัวนี้กำลังจะทำให้เธอเป็นบ้า
ที่จริงแล้วพ่อกับแม่ทำอะไรกับยศพลไว้กันแน่ เขาถึงได้เกลียดคนบ้านพูลสวัสดิ์ถึงเพียงนี้
ทุกอย่างในสายตาของจารวีเปรียบเสมือนหมอกหนา ทึบที่ถูกล็อคไว้อย่างแน่นหนา
ทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
จารวีกลับมาถึงVersailวิลล่า น้าอามมองศีรษะเธอ แวบเดียวก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ น้าอามจูงมือเธอไปพร้อม กับแหวกผมของเธอออกดู เธอมองปราดเดียวก็รู้ว่าเกิดจาก แผลน้ำร้อนลวก
“ตายแล้วคุณจารวี หนังศีรษะของคุณโดนลวกจนเป็น แผลพุพองเลยค่ะ คุณพระช่วย!! นิรัน! รีบไปเอายามาเร็ว”
จารวีเพิ่งรู้สึกตัวว่าบนศีรษะของตนนั้นเจ็บมาก
น้าอามพาจารวีไปนั่งบนโซฟา จัดการชำระสะสางผม ของเธอให้เรียบร้อย พลางทายาแก้น้ำร้อนลวกให้เธอ
หนังศีรษะโดนลวกจนเกิดเป็นแผลใหญ่ บางจุดก็แดง จนมองเห็นเส้นเลือดนูนขึ้นมา
“ตายจริงคุณจารวี ใครเป็นคนทำคะ ถ้าคุณชายใหญ่รู้ เข้าคนๆนั้นไม่ได้มีชีวิตอยู่ต่อแน่ๆเลย
“ฮ่าๆ โอ้ย…” พลันจารวีรู้สึกเจ็บแปลบอย่างรุนแรง “น้า อาม ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ระวังเอง”
“ต่อไปคุณจารวีต้องระวังหน่อยนะคะ ถ้าคุณชายกลับมา เห็นว่าคุณจารวีได้รับบาดเจ็บ คุณชายจะต้องมาว่าพวกเรา แน่ๆเลย
น้าอามพูดพร่ำรำพันด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นระคนห่วงใย
“คุณจารวีคะ น้าว่าหรือจะไปพันแผลที่โรงพยาบาลดีคะ ถ้าเกิดแผลติดเชื้อขึ้นมาจะทำยังไง”
จารวียิ้มพลางโบกมือไปมา “ไม่เป็นไรค่ะ ยังไม่รู้ว่ายศ พลจะกลับมาเมื่อไร เขาไม่เห็นหรอกค่ะ”
จารวีกลับมายังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เธอกำลังจะทานข้าว
ที่ห้องอาหาร
ทันใดนั้น น้าอามก็วิ่งเข้ามาจากห้องนั่งเล่นพลางเอ่ย “คุณจารวีคะ มีโทรศัพท์ถึงคุณค่ะ”
จารวีนึกฉงน เธอวางจานข้าวลงพลางเดินเข้าไปหา
น้าอาม “ใครโทรมาหรอคะ”
น้าอามส่ายหัวไปมา ใบหน้างุนงง “เป็นผู้ชายแปลก
หน้าค่ะ”
ผู้ชายงั้นหรอ จารวีรับโทรศัพท์อย่างนึกสงสัย
“สวัสดีค่ะ จารวีพูดค่ะ”
“คุณจารวี ผมคือนายแพทย์ตนัสนะครับ รบกวนคุณมา โรงพยาบาลสักครู่ได้ไหมครับ”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
“เอ่อคือ… พี่สาวคุณเสียชีวิตแล้วครับ”
“อะ…อะไรนะคะ!!!”
โทรศัพท์ร่วงหล่นจากมือของจารวีเสียงดังสนั่น หัวสมองของเธอขาวโพลน ราวกับร่างกายของเธอลอย เคว้งคว้างอยู่ในอากาศ…
“คุณจารวี คุณจารวีคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
จารวีได้สติกลับมา มองเห็นน้าอามมีสีหน้าตื่น ตระหนก “รถ..ไปที่รถ เร็วๆค่ะ เรียกพี่นิรันมา ฉันจะไปหา
พี่คะ!!
ไม่ได้นะ ไม่ได้ พี่จะตายไม่ได้
ทั้งโลกของจารวีพลันเปลี่ยนเป็นความมืดดำสนิท
น้าอามร้องโวยวายอย่างตื่นตระหนก “ใครก็ได้ช่วยที คุณจารวีเป็นลม เร็วเข้า!!”
ณ โรงพยาบาล น้าอามเฝ้าอยู่ข้างเตียงคนไข้อย่าง กระวนกระวายใจ แขนของจารวีถูกเจาะสายเพื่อให้น้ำเกลือ
หน้าของเธอซีดเผือด ริมฝีปากยังพึมพำไปมา “พี่คะ พี่อย่าเป็นอะไรนะ อย่าทิ้งฉันไป
ราวกับว่าเธอกำลังตกอยู่ในฝันร้าย ไม่มีทีท่าว่าสติ ของเธอจะกลับคืนมา
น้าอามเงยหน้าขึ้นพลางเอ่ยกับยศพล “คุณชายคะ ทํายังไงดีคะ”
ยศพลสีหน้าเคร่งขรึม พลางตวาดเสียงดังลั่น “ออก
ไป!!”
เขาไปต่างประเทศยังไม่ถึงสามวัน ทำไมในบ้านถึง เกิดเรื่องวุ่นวายเยอะแยะขนาดนี้ เขาต้องละทิ้งการประชุม สำคัญที่ยุโรปแล้วใช้เครื่องบินส่วนตัวบินกลับมาอย่างเร่งรีบ
น้าอามกลับออกไปด้วยความวิตกกังวล และเช่นเดี่ยว กับนิรันที่เฝ้าดูอยู่ที่หน้าประตู เขารู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คุณชายคงไม่ยกโทษให้ตนเองแน่
ยศพลคุกเข่าลงที่ข้างกายของจารวีพยางยื่นมือหนา ไปกอบกุมมือของเธอไว้
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่นี่แล้ว…
นําเสียงอบอุ่นนุ่มนวล ราวกับไม่ใช่ปีศาจคนก่อนหน้า
เขาจ้องมองไปยังใบหน้าเล็กที่ซีดเซียว หัวใจด้านที่ อบอุ่นของเขาถูกเผยออกมา เขาโน้มตัวลงจูบเบาๆไปที่หน้า ผากที่เย็นเฉียบและเต็มไปด้วยเหงื่อของเธอ
เขาโอบกอดเธอเบาๆอย่างทะนุถนอม ให้ศีรษะเล็กๆ ของเธอได้รับไออุ่นจากแผงอกกว้างของตน
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว….