ตอนที่ 46 ทําร้ายตัวเองเพื่อเป้าหมาย
หลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายๆต่างๆ อารมณ์ขุ่นหมอง ในใจที่ถูกสะสมไว้มานานในที่สุดก็ถูกปลดปล่อยแล้ว
จารวีรู้สึกถึงความผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยได้รับมา
เธอเขยิบลุกขึ้นมานั่งบนโซฟา หยิบเสื้อเชิ้ตของยศ
พลมาปิดที่ร่างกายอย่างเขินอาย
ยศพลนุ่งผ้าเช็ดตัวออกจากห้องอาบน้ำ ยกยิ้มมุมปาก
อย่างพอใจ
ปีศาจน้อยตนนี้ ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจเป็นพิเศษใน
ทุกๆครั้ง
เรือนร่างที่สมบูรณ์แบบ สัมผัสที่แสนจะยอดเยี่ยม สวรรค์ได้ปั้นปีศาจที่แสนจะเพอร์เฟกต์ ส่งมาอยู่ในมือของ เขาแล้ว
จารวีเห็นสายตาตื่นกามของยศพลมองมาที่ขาอ่อน ของเธอ ใบหน้าก็แดงเถือก รีบลุกขึ้นพร้อมกับเอาเสื้อเชิ้ต ของเขามาใส่คลุมร่างกายไว้ “ยศพล คุณต้องรักษาคำพูด นะ ปล่อยนิรันไป
ยศพลเอามือลูบคางตัวเอง มองไปที่เธออย่างครุ่นคิด “ปล่อยน่ะ ปล่อยแน่ๆ ก็เธอแสดงท่าทางออกมาได้ดีขนาด
ก่อนนี้ จะไม่ปล่อยได้ไงล่ะ แต่ฉันเหมือนจะกินไม่อิ่มนะ พวกเรา มาสนุกอีกรอบดีไหม
จารวีสะดุ้งสุดตัว ตั้งสติได้ก็รีบวิ่งขึ้นไปข้างบน
แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของยศพลไวกว่าเธอ
วิ่งตามเธอไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับฉีกเสื้อเชิ้ตผ่าน ทางด้านหลังของเธอ
ลูกแกะตัวน้อยที่น่าสงสารต้องถูกหมาป่าจับกินซ้ำ
แล้วซ้ำเล่า
ยศพลหายใจหอบ ค่อยๆเข้าไปในตัวเธอจากทางด้าน หลัง “ทำบนนี้ก็ให้ความรู้สึกไม่เลวเหมือนกันนะ
“ยศพล คะ คุณ อ๊ะ… อื้อออ….
วันต่อมา นิรันเข้าไปเช็คสภาพรถในโรงจอดรถอย่าง ไม่ทันระวัง เจาะนั่นเจาะนี่ ด้วยสภาพคล่องแคล่วมาก เหมือนกับคนที่ไม่เคยเจ็บหนักมาก่อน
จาร รู้สึกแปลกใจจึงตะโกนถามไปว่า “นิรัน นายไม่ เป็นอะไรแล้วหรอ? ”
นิรันเมื่อเห็นจารวีเดินเข้ามาหา ก็รีบกลับหันหลังวิ่ง หนีไป วิ่งไวยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก
“แปลกจัง? ทำไมถึงหายเร็วขนาดนี้?
ตอนที่กำลังพูดอยู่กับตัวเองเบาๆ ก็มีมือยื่นออกมา จากทางด้านหลังโอบกอดเอวเธอไว้
ยศพลยิ้มอย่างมีเลศนัย “เฮเฮ้ ก็ต้องหายเร็วอยู่แล้วสิ ทำเหมือนฉันเป็นพวกไก่อ่อนไปได้ ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้น ที่แข็งแรง ความสามารถในการฟื้นตัวก็ต้องยอดเยี่ยมด้วย นี่ เธอคิดว่าใครจะมาทำงานกับฉันก็ได้หรอ?”
จารวีมองไปที่หน้าของคนหลงตัวเอง เบ้ปากใส่ เขา หน้าไม่อายจริงๆ
จารวีมองไปที่หน้าของยศพลนิ่งๆอยู่สักพัก
“มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ติดใจฉัน และฉันก็อยากจะถามคุณมา
ตลอด
ยศพลมองเธออย่างเจ้าเล่ห์ “ได้ ถามหนึ่งเรื่องแลก กับการใส่ชุดเซ็กซี่คืนนี้
“คุณ!! ใบหน้าน้อยๆของจารวีค่อยๆแดงระเรื่อ เหมือน กับกุ้งที่ถูกต้มจนสุก
“ถ้างั้นฉันทำเกี้ยวให้คุณกินดีไหม หรือไม่ก็เค้กพุทรา ฉันทำเค้กอร่อยนะ
จารวีลองเปลี่ยนเงื่อนไขดู ให้เธอใส่ชุดเซ็กซี่โป๊ๆแบบนั้น เธอใส่ไม่ลงจริงๆ
ครั้งที่แล้วที่ใส่ ก็ไม่ใช่ว่าถูกเขาจับกินจนสะอาด หมดจดเลยหรือไง
“อืม งั้นคุณก็ลองดู ถ้าเกิดว่าคำถามมันยากเกินไป ก็ คงต้องใส่ชุดเซ็กซี่ หรือไม่ก็แก้ผ้าเต้นโชว์สักรอบก็ได้” ยศ พลเอามือลูบคาง มองดูรอบๆใบหน้าที่แดงระเรื่อของจารวี อย่างสนุกสนาน
ใบหน้าน้อยๆที่แดงเถือก แม้กระทั่งลำคอที่ขาวสว่างก็ ยังแดง ในตาไม่สามารถกลบความเขินอายได้มิดชิด
จารวีหันหลังกลับอย่างโกรธๆ “งั้นฉันไม่ถามแล้ว!
ยศพลโอบกอดเธอจากข้างหลัง เขาจูบและพ่นลม หายใจไปที่ใบหูของเธอ
“ฉันต้องการเธออีกแล้ว ทำยังไงดี?”
เสียงแหบแห้งบนความเซ็กซี่ เหมือนกับแม่เหล็กที่
ดึงดูด
จารวีหันหลังกลับ ใช้แรงผลักเขาออก “ยศพล คุณ จริงจังหน่อยได้ไหม ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูดกับคุณนะ”
ยศพลเอานิ้วม้วนผมเธอเล่น หรี่ตามองแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันไม่จริงจังตรงไหนกัน ผู้ชายกับผู้หญิงมีเซ็กส์กันก็เป็นเรื่องธรรมชาตินี่ ขอถามหน่อย มีผู้ชายผู้หญิงที่ไหนไม่มี เซ็กส์กันบ้างล่ะ”
“คุณ!!” จารวีหมดคำจะพูดแล้ว เจอกับคนไร้ศีลธรรม แบบนี้ ถือว่าเธอซวยมากจริงๆ
จารวีเชิดหน้าขึ้นมา ดวงตาสดใสเปล่งประกายจ้อง มองไปทียศพล
“คุณเกลียดชังพวกฉันบ้านพูลสวัสดิ์มากใช่หรือเปล่า คุณพูดว่าตระกูลของบ้านพูลสวัสดิ์ทุกคนสมควรตาย
จารวีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อเธอพูดจบ รอยยิ้ม บนใบหน้าของยศพลก็ค่อยๆหายไป ความอึมครึมก็ค่อยๆ
ครอบงำขึ้นมา
เขาเหลือบตามองไปที่จาร
มือที่เล่นผมของเธออยู่ก็หยุดชะงักลง และมองไปที่ เธออย่างเย็นชา “ใครบอกเธอ?”
“พี่สาวฉัน พี่เคยพูดไว้ก่อนที่จะตาย ว่าไม่ให้ฉันเกลียด คุณ พี่บอกว่าบ้านของพวกเราเคยทำผิดต่อคุณไว้
“เฮอะ!” ยศพลพ่นลมหายใจออกมา สายตาจ้องมองไป
ไกล
ต่อให้คนของบ้านพูลสวัสดิ์ตายไปหมดทุกคน ก็ไม่มีทางชดเชยบาดแผลในใจของเขาได้อยู่ดี
เขาปล่อยมือออกจากจารวี แล้วหันหลังเดินจากไป
ทันที
“ยศพล คุณบอกฉันมาสิ ว่าจะเอายังไงกันแน่?”
จารวีตะโกนไล่หลังและรีบเดินตามเขาไป
รูปร่างของยศพลค่อนข้างสูงใหญ่ เขาไม่ได้ตอบ
อะไรเธอกลับไป
“ยศพล พวกเรามาสงบศึกกันดีไหม…..
จารวียังคงดึงดันตะโกนถามเขาต่อไป
จู่ๆยศพลก็หยุดเดิน หันหลังกลับและบีบเข้าที่คาง ของเธอ แววตาเหี้ยมโหด “จารวี มันไม่มีวันนั้น พวกเธอบ้าน พูลสวัสดิ์ทุกคนสมควรตาย
จารวีน้ำตาคลอเบ้า
“แต่ว่า พ่อกับแม่ฉันตายไปหมดแล้ว พี่สาวฉันก็ตายไป แล้ว ส่วนคุณลุงก็หายสาบสูญ ตระกูลของบ้านสวัสดิ์ก็เหลือ แค่ฉันคนเดียวแล้ว คุณยังจะเอาอะไรอีก ฆ่าฉันไปด้วยอีก คนเลยไหม?”
จารวีพูดด้วยน้ำเสียงสั้นๆ
แววตาของยศพลสั่นไหววูบไปชั่วพริบตาหนึ่ง มือ ของเขาเกิดอาการสั่นเล็กน้อย ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ เขาจึง ปล่อยมือออกจากจาร
มุ่งตรงไปที่โรงจอดรถ ขับโรลส์รอยซ์สีดำออกไป อย่างรวดเร็ว เพียงแค่พริบตาเดียวก็หายออกไปจากสายตา ของจารวี
เห็นได้ชัดเจนว่าในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ แค้นจากความทุกข์ทรมาน
เขาเจ็บปวดขนาดนั้นเลยหรอ? ตอนนั้นพ่อกับแม่ฆ่า คนในครอบครัวเขาอย่างงั้นหรือ?
จารวีเหม่อลอยอยู่สักพัก ก็เช็ดน้ำตาให้แห้ง แล้วเดิน เล่นในสวนอยู่รอบหนึ่ง ใกล้จะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว ยศพลก็ยังไม่กลับเข้ามา
อีกด้านหนึ่งของสวนดอกไม้มีดอกกุหลาบหลากสี อยู่หลายแปลง น้าอามกำลังตัดดอกกุหลาบใส่ในตะกร้า ดอกไม้ อีกครู่ก็คงจะแบ่งไปเสียบไว้ตามห้องต่างๆ
ในหัวจารวีก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ รีบเดินข้ามไป
“น้าอามขาาาาา” จารวีตะโกนเรียกพร้อมกับยิ้มหวานใส่
น้าอามเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เธอ “สวัสดีค่ะ คุณจารวี” น้าอามคือผู้หญิงวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่าปีแล้วเส้นผมทุกเส้นถูกหวีอย่างสละสลวย เสื้อผ้าแม่บ้านก็ถูกจัด เข้าที่อย่างเป็นระเบียบ จัดว่าเป็นคนที่ปราดเปรียวและมี เมตตาอ่อนโยนคนหนึ่ง
“น้าอามทำงานที่บ้านโพธิสูงมาหลายปีแล้วถูกไหมคะ
น้าอามยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับ “ใช่ค่ะ น่าจะหลาย สิบปีแล้วล่ะมั้ง”
“ถ้าอย่างงั้นน้าก็ต้องเคยเจอกับพ่อแม่ของยศพลสิคะ?”
รอยยิ้มของน้าอามหุบลง พร้อมกับพยักหน้าตอบ กลับอย่างรวดเร็ว “ใช่ค่ะ เคยเจอทั้งคู่เลย ตอนที่คุณผู้หญิง ยังเป็นวัยรุ่นจัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง แต่กับคุณ ผู้ชายแทบจะไม่เคยเจอ เขาแทบจะไม่เคยมาเหยียบที่นี่เลย ยังไงก็ตามน้าก็เป็นแค่แม่บ้านเท่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะมา ก็ใช่ ว่าน้าจะเจอเขา คุณจารวีถามถึงเรื่องนี้ทำไมหรอคะ?
จารวีถึงบางอ้อ ดูจากท่าทางของน้าอามแล้ว ดูเหมือน ว่าพ่อแม่แท้ๆของยศพลน่าจะยังมีชีวิตอยู่
“ถ้าอย่างนั้น ยศพลมีพี่น้องบ้างหรือเปล่าคะ?
.. น้าอามคิดใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ หัวคิ้วขมวด เข้าหากัน “น้ารู้แค่ว่ามีพี่ชายสองคนอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ก็ ไม่เคยเจอ บางทีอาจจะมีอยู่สามคน น้าก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร คนเบื้องล่างอย่างพวกน้า ไม่ค่อยรู้อะไรเยอะหรอกค่ะ
รู้จักกันมาตั้งหลายสิบปีแล้ว แม้กระทั่งเรื่องที่เขามีพี่ น้องก็ยังไม่รู้?
หลายสิบปีมานี้ก็ไม่มีการติดต่อกันเลย? นี่มัน ครอบครัวแบบไหนกัน?
เห็นท่าทางกลุ้มใจของจารวี น้าอามก็ถามขึ้นมาอย่าง สงสัย “คุณจารวี ทำไมวันนี้ถึงถามแต่คำถามแปลกๆล่ะคะ?”
จารวีเหลือบตามอง ยื่นมือไปเด็ดดอกกุหลาบตูมดอก เล็กดอกหนึ่งมากุมไว้ในมือ สีหน้ากลัดกลุ้ม
“เฮ้อ ฉันกำลังคิดว่า ยศพลมีนิสัยที่ฉุนเฉียวง่าย อาจ เป็นเพราะสูญเสียครอบครัวคนสำคัญคนใดคนหนึ่งไปหรือ เปล่า เช่นพ่อหรือว่าแม่ เขาถึงกลายเป็นแบบนี้…”
สีหน้าของน้าอามเปลี่ยนทันที รีบตักเตือนจารวี
“คุณจารวี คุณห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีกเด็ดขาดเลยนะคะ เฮ้อ! จริงๆแล้ว…. คุณชายน่าสงสารมาก
จารวียื่นมือไปจับเสื้อของน้าอามไว้ “เขาสูญเสียใคร
ไปหรอคะ?”
น้าอามสีหน้าลำบากใจ ถอนหายใจออกมาอย่างแรง “คุณชาย คุณชาย…….คุณผู้หญิงท่านเสียไปแล้วค่ะ!”
จารวีฟังจบ ก็ปล่อยมือออกจากเสื้อ มองดูน้าอามรีบเดินหันหลังจากไปอย่างรีบร้อน
น้าอามเดินไปไม่กี่ก้าว ก็รีบเดินกลับมา อุ้มตะกร้า ดอกไม้ขึ้นมาจากพื้น
“คุณจารวี หลังจากนี้ห้ามพูดเกี่ยวกับเรื่องของคุณท่าน ทั้งสองกับคุณชายอีกนะคะ จำไว้เลยนะคะ ว่าห้ามพูดถึง”
“ค่ะ” จารวีตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา มองดูแผ่นหลัง ของน้าอามเดินจากไป เธอเหม่อลอยอยู่อย่างนั้นไม่ขยับไป ไหน
ตอนกลางคืน กว่ายศพลจะกลับเข้ามาก็ดึกมากแล้ว
จาร ตั้งใจทําเค้กก้อนเล็กๆไว้ให้เขาหลายแบบ มีทั้ง เค้กรูปหมู รูปหมีน้อย แกะน้อย หมาป่า และก็รูปสัตว์ทะเล ต่างๆ
กลิ่นเค้กที่หอมอบอวลทั้งหลาย ถูกจารวีจัดรวมกลุ่ม ไว้ในถาดเป็นอย่างดี หลังจากนั้นก็ผลักประตูเข้าไปในห้อง หนังสือเบาๆ
ยศพลฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะหนังสือ บนโต๊ะเต็มไปด้วย เอกสารกองใหญ่ที่รอให้เขาจัดการ
แม้จะได้ยินเสียงจารวีเดินเข้ามา เขาก็ไม่คิดจะผงก
หัวขึ้นมามอง
ผู้ชายคนนี้ ตอนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานไม้แดง รูป ร่างที่สูงยาวชะลูดอย่างสมบูรณ์แบบ มีสีหน้าท่าทางที่เต็ม ไปด้วยความหงุดหงิด แต่กลับมีเสน่ห์ของเพศชายอย่าง รุนแรง ถ้าตัดนิสัยแข็งกระด้างของเขาออกไป ก็จำต้องพูด ว่า เขาคือผู้ชายที่เพอร์เฟ็กต์มากคนหนึ่ง
“อะแฮ่ม! มากินเค้กสิ
จารวีตั้งใจส่งเสียงกระแอมเบาๆ และเอาถาดเค้กวาง ลงข้างๆโต๊ะทำงาน
ยศพลยังคงฟบหน้าอยู่ แต่เลิกคิ้วขึ้นและเอ่ยตอบ กลับด้วยเสียงเบาๆ “ดูแลขนาดนี้เลย? ”
“ฮิฮิ ก็ใช่น่ะสิ ถ้าเกิดท่านประธานไม่ได้กินอิ่มท้อง จะมี แรงออกกําลังกายได้ยังไงล่ะ!”
ยศพลผงกหัวขึ้น แววตาเจิดจ้า จงใจจับผิดประโยคที่ จารวีพูดออกมา “ออกกำลังกาย?”
จารวีพึ่งจะตระหนักถึงประโยคที่ตัวเองพลั้งปากออก ไป ก็รีบแก้ตัวทันที “อืมใช่ ฉันหมายถึงไปวิ่งอะไรแบบนี้ คุณ อย่าเข้าใจผิด อ่อ แล้วก็ ฉันอยากชวนท่านประธานไปทาน ดินเนอร์ใต้แสงเทียนค่ะ”
พอพูดออกไปแบบนั้นเธอก็อยากจะร้องไห้ออกมา ดินเนอร์ใต้แสงเทียนอะไรล่ะ เธอไม่ได้เตรียมอะไรสักอย่าง
ยศพลดูที่นาฬิกา ก็ไปที่หน้าของจารอย่างครุ่นคิด
“อีกหนึ่งชั่วโมงละกัน
“โอเค ได้ งั้นฉันไปล่ะ” จารยกเค้กขึ้นมาเตรียมจะเดิน
ออกไป
“เอาเค้กวางไว้!
จารวีหันกลับมา เห็นดวงตาที่เปล่งประกายพร้อมกับ รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมาย เธอรีบวางเค้กลง
“โอเค ฉันไปล่ะ” จารวีรีบหลบออกมา ถ้าขืนอยู่ต่อได้ถูก เขาจับกินอีกแน่
ยศพลวางงานในมือลง มองดูรูปเค้กต่างๆในถาด
อย่างถูกตาถูกใจ
แม่สาวน้อยคนนี้เอาใจเก่งจริงๆ ฝีมือก็ไม่เลว รูปหมี น้อยทำได้ไร้เดียงสามาก หมูน้อยก็ทำเป็นเม็ดข้าวสาลี ล้อมรอบ น่ารักมาก แกะน้อยตัวนี้ก็เหมือนเธอมากเลย ส่วน หมาป่าตัวนี้ก็คงจะเป็นเขาสินะ ฮ่าฮ่า
ยศพลรู้สึกอยากอาหารขึ้นมาทันที จึงหยิบเค้กขึ้นมา
กิน