มองเห็นจารวีร้องไห้โฮพลางวิ่งเข้าไปในห้องนอนของ
ตัวเอง
พลันหัวใจของชยรพก็โศกเศร้าขึ้นมา เขาไม่เคยคิด เลยว่า หัวใจของลูกสาวคงจะไม่ให้อภัยแก่เขา
เธอเกลียดเขา แต่มันก็ถูกแล้ว เธอสมควรเกลียดเขา หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาไม่ทำหน้าที่พ่อที่ดีเลยจริงๆ
แต่ทว่า เขาจะยอมให้เธอแต่งงานกับมนต์ตรีไม่ได้
อย่างเด็ดขาด
ค่ำคืนนี้หรับจารวี ช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้า เธอหยิบ โทรศัพท์ขึ้นมา พลางกดพิมพ์ข้อความ อยากจะส่งไปหามนต์ ตรี แต่สุดท้ายเธอก็กดลบมัน เธอรู้ว่าเขาก็คงผ่านไปอย่าง ยากลำบากเหมือนกัน
เธอจะไม่เพิ่มความหนักใจให้มนต์ตรีอีกเด็ดขาด
ยามราตรีที่แสนระทมทุกข์ เธอมองออกไปนอก หน้าต่าง พลันก็มองเห็นรถเฟอร์รารีคันสีแดง ขับมาหยุดลงที่ หน้าประตูใหญ่ของอพาร์ทเม้นท์พอดี
ท้องฟ้าค่อยๆมีสายฝนเทลงมา ท่ามกลางหมอกฝนที่ เลือนราง รถคันนั้นยังคงจอดอยู่ที่เดิม
พลันสมองของจารวีก็มีแสงสว่างฉายวาบขึ้นมา ราวกับ ว่าเมื่อนานมาแล้ว เธอเคยเจอรถคันนี้ที่ไหน
” นั่งลงตรงนี้สี” หัวสมองของเธอฉายภาพความทรงจำ ที่ยุพินประคองเธอนั่งลงบนราต้นนี้
ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่าเธอคิดอะไรขึ้นมาได้
เธอรู้สึกได้ถึงเรื่องร้ายที่เคยเกิดขึ้น
จารวีชะงักไปชั่วครู่ เธอรีบยื่นมือไปดึงผ้าม่านให้ปิดลง
พลางขึ้นไปนอนต่อบนเตียง จนกระทั่งเกือบเช้าเธอถึงหลับไปอย่างสลึมสลือ ปี
เสียงเคาะเบาๆดังเข้ามาจากที่หน้าประตู ตามมาด้วยเสียง
ของชยรพ
“วี พ่อไปทำงานแล้วนะ อาหารเช้าอยู่ในหม้อ อย่าลืมกิน ด้ายนะลูก”
จารวีไม่ได้ตอบกลับไป เธอไม่อยากที่จะคุยกับผู้เป็น
พ่อ
ชยรพถอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่ที่หน้าประตูห้อง พลาง หมุนตัวเดินจากไป
คุณพ่อบอกว่าตอนนั้นต้องจากแม่กับเธอไปเพราะไม่มี ทางเลือก แต่ว่า บนโลกนี้ยังไงอะไรสำคัญกว่าลูกและภรรยา ตัวเองอีกหรือไง ถ้าหากว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัยจริง แล้วทำไม ตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมา คุณพ่อไม่แม้แต่จะปรากฏตัวออก มาให้เธอเห็นเลยล่ะ
จารวี งคิดก็ยิ่งปวดหัว บางที เธอยอมที่จะไม่ไปไหน เหมือนกับตอนนี้ที่เธอยอมที่จะมีชีวิตอยู่เคียงข้างเขา
น้ำเต้าหู้ร้อมๆกับขนมปังคัสตาร์ด วางอุ่นอยู่ในหม้อ
อาหารพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่จารวีชอบทานเมื่อตอนเด็กๆ คุณพ่อยังคงใช้วิธีที่เธอยังเป็นเด็กมาดูแลเธอ
จารวีกับขนมปังคัสตาร์ดไปหนึ่งคำ พลันขอบตาของ
เธอก็ร้อนผ่าว
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ จารวีเปลี่ยนชุดลําลอง เป็นชุดกระโปรงลายแถบ เธอสะพายกระเป๋า พลางก้าวออก จากบ้าน
เธอเรียกรถแท็กซี่ เพื่อไปยังบริษัทยาหวนจํากัด
เธอนั่งอยู่ในร้านกาแฟที่ตรงข้ามกับบริษัทยาหวน จํากัด เธอจับจ้องไปที่ผู้คนที่เดินเข้าออกที่หน้าประตูของ บริษัท
เธอนั่งรอตลอดทั้งเข้าก็ยังไม่พบเบาะแสอะไร พลัน เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น จารวีกดรับสาย
5 กลางวันนี้ว่างมากินข้าวกับพี่ไหม?”
น้ำเสียงที่มีความสุขดังเล็ดลอดออกมาจากปลายสาย
“ว่างค่ะ มนต์! “จารวี มอย่างยินดี
ตอนนี้ อยู่ที่ไหน เดี๋ยวพี่ไปรับ”
ทั้งสองทานอาหารกลางวันด้วยกันเสร็จเรียบร้อย เขา พูดถึงเรื่องที่เขาอยากจะเข้าไปเยี่ยมพ่อของจารวีที่บ้าน
จาร งเงียบไปเนิ่นนาน
“โก เฟอของ ไม่ชอบ หรือเปล่า ”
สีหน้าของจารวีค่อนข้างกลัดกลุ้ม เธอไม่รู้ว่าจะพูด อย่างไรดี ถ้าหากเธอบอกพี่มนต์ไปว่าคุณพ่อไม่ชอบพี่มนต์ เขาจะต้องเป็นทุกข์อย่างแน่นอน
“พี่มนต์ ขอโทษนะคะ ตอนนี้คุณพ่อของวีเพิ่งกลับมา อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจ มนต์
มนต์ตรีไม่ได้มีท่าทีที่ผิดหวังสักเท่าไร อีกทั้งยังเอ่ย ปลอบใจจารวี “ไม่เป็นไรนะ ข้าเร็วยังไงก็ต้องไปอยู่แล้ว วัน นี้พี่ไปพบท่านสักครั้งดีกว่า วีไม่ต้องกังวลนะ พี่จะค่อยๆโน้ม น้าวใจท่านเอง”
เมื่อเห็นความตั้งใจที่แน่วแน่ของมนต์ตรี จารวีก็ไม่กล้า คัดค้านเขาอีก
“โอเคคะ วีก็แค่กลัวว่าพี่มนต์จะผิดหวัง
“ถ้าหากว่ายังไม่ได้ลอง เราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่ามันจะไม่ สําเร็จ? พี่เชื่อว่าคุณลุงชยรพท่านไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล” มนต์ตรีค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง
หลังจากที่ทั้งสองกลับออกมาจากภัตตราคาร น่าแปลก ที่เธอมักจะรู้สึกไม่ดี เธอรู้สึกราวกับว่ามีคนคอยสะกดรอย ตามเธอ สายตาคู่นั้นทั้งด้ทั้งมืดมน ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว
แต่เมื่อเธอหันกลับไปมอง กลับไม่พบอะไร
หรือว่าเธอจะเพ้อเจ้อไปเองกันนะ?
มนต์ตรีคัดเลือกโสมคนมาหนึ่งกล่อง ราคาของมันคือ ห้าหมื่นกว่าหยวน วีคิดว่าอันนี้เป็นยังไงบ้าง”
จิตใจของจารวีไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอเอ่ยถามมนต์ตรี “พี่มนต์ ตอนเด็กๆคุณพ่อกับคุณลุงยงยศสนิทกันมาก พวก ท่านไม่ได้เจอกันหลายปี แต่กลับไม่มีใครถามไถ่ถึงฝ่ายตรง ข้าม พี่มนต์ว่ามันแปลกๆไหมคะ?
มนต์ตรีนึกถึงคําเตือนของคุณพ่อ ว่าทางที่ดีอย่าเข้าไป พัวพันกับคุณลุงขยรพ จริงๆแล้วคุณลุงชยรพมีความลับอะไร ที่ไม่สามารถบอกคนอื่นได้กันนะ?
หลายปีมานี้ ทีเขาจ้างคนให้ไปสืบเสาะหาตัวจารวี ใน ขณะเดียวกัน เขาก็ต้องการตามหาตัวคุณลุงซยรพเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่เขาล้มเหลว เขาไม่แม้แต่จะพบเจอข่าวคราว อะไร
แม้กระทั่งการหายตัวไปของจารวีก็ไม่พบ ตอนนี้เขาคิด ได้ว่า คงจะมีคนตั้งใจซ่อนพวกเขาไว้เป็นแน่ คนๆนั้นคือใคร กันนะ? แล้วเขามีจุดประสงค์อะไรกัน?
แม้แต่มนต์ตรีเองยังหาคําตอบไม่ได้ แล้วเขาจะเอา อะไรไปตอบจารวี เขายิ้มพลางเอ่ยปลอบใจ “บางทีพวกท่าน อาจจะนัดเจอกันแบบส่วนตัวตั้งนานแล้วก็ได้นะ”
“อ่อ ก็อาจจะเป็นไปได้ค่ะ! ถ้างั้น วีมีคำถามที่ว็อยาก ถามคุณลุงยงยศ แต่ไม่สะดวกที่จะถามเอง พี่มนต์ช่วย ถามท่านหน่อยได้ไหมคะ ว่าคุณพ่อทําความผิดอะไรไว้?”
อั้ม ไว้มีโอกาสแล้ว จะถามคุณพ่อให้นะ แต่ว่า ถ้าคุณ ลงขนาพรู้ว่าพวกเรากำลังสืบเรื่องของท่าน ท่านจะไม่พอใจ เอานะ ฮ่าๆ จริงๆแล้วเมื่อก่อนนั้นคุณลุงเคยทำอะไรก็ไม่ สําคัญหรอก สิ่งสําคัญ คือตอนนี้ท่านเป็นคนในครอบครัว เพียงคนเดียวของวินะ ไม่เชื่อใจท่านหรอ?”
ตรงหน้าคือสายตาที่จริงใจของมนต์ตรี จารวี มเหยเก เธอรู้ว่าคุณพ่อสำคัญกับเธอมาก
แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กแล้ว เธอไม่ชอบถูกผู้ใหญ่ขังไว้ ในกรอบอีกต่อไป
“อั้ม สายมากๆแล้ว พวกเราไปกันเถอะ! ‘
มนต์ตรีเข็นรถเข็นไปจ่ายเงิน จารวีเอื้อมมือไปหยิบ ตุ๊กตามาอย่างเบิกบานใจ พลางเดิมตามหลังเขาไป
คนทั้งสองทั้งรื่นเริงและมีความสุข ช่างเป็นภาพที่หอม
หวาน
มีเงาดำของใครบางคน ปรากฏขึ้นที่ที่พวกเขายืนอยู่ เมื่อสักครู่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายบึ้งตึง
เขากําหมัดแน่น ข้อต่อของเส้นเอ็นดังขึ้นมา
ไอ้มนต์ตรี ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่ รอก่อนเถอะ!
ที่หน้าประตูของบ้านพูลสวัสดิ์ จารวีดึงแขนมนต์ตรี พลางเดินเข้าไปยังห้องรับแขกด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ขยรพเลิกงานตั้งนานแล้ว เขากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาตัวยาว เมื่อมองเห็นร่างสูงของมนต์ ตรี พลันรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆจางหายไป
มนต์ตรีไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย แต่เขากลับเดิน เข้าไปหาชยรพอย่างมีไมตรีจิต
“คุณลุงขยรพสวัสดีครับ ผมมาเยี่ยมคุณลุงแล้วนะครับ
ไม่รู้ว่าสิ่งของเหล่านี้จะถูกใจคุณลุงหรือไม่”
เขาวางยาบำรุงกำลังราคาหลายหมิ่นหยวนลงตรงหน้า ของชยรพ ชยรพวางหนังสือพิมพ์พลางหันไปมองจารเพียง แวบเดียว
5 จะมีแขกมาบ้านทําไมไม่บอกพ่อสักคำ”
มนต์ตรียมละมุนละไม “คุณสงขยรพครับ ผมนับว่าไม่ ใช่แขกหรือที่ไหนหรอกครับ ต่อไปคุณลุงก็มองผมเป็นเพียง ลูกชายคนหนึ่งก็ได้ครับ”
ใบหน้าของชยรพเผยรอยยิ้มที่จืดชืดออกมา “มนต์ หมายความว่ายังไง”
“คุณลุงครับ จุดประสงค์ที่ผมมาวันก็คือ ผมอยากจะมา ปรึกษาหารือกับคุณลุง เรื่องงานแต่งงานของพวกเรา พวกเรา ทั้งคู่รักกันด้วยใจจริง หวังว่าจะได้รับคำอวยพรจากคุณลุงนะ ครับ”
มนต์ตรีนั่งลงที่ปลายเท้าของชยรพอย่างอ่อนน้อมถ่อม ตน นัยน์ตาจ้องมอง ยูร อย่างมีความหวัง
จารวีตะลึงงัน เธอไม่คิดว่าพี่มนต์จะพูดเรื่องแต่งงานของเธอกับเขาออกมาเร็วขนาดนี้ เธอคิดว่าเขาเพียงต้องการ ที่จะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบคุณพ่อเพียงเท่านั้น
ปฏิกิริยาโต้ตอบของช้า เนิ่นนาน พลัน ดวงตาของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มที่ยากจะเข้าใจ “พ่อของนาย ยอมให้นายกับจารวีด้วยเหรอ?” มนต์ตรีนิ่งเงียบ เขาหัน ไปมองจาร เพียงแวบเดียวพลางเอ่ย “เปล่าครับ คุณพ่อไม่ เห็นด้วย แต่ว่าความรักที่ผมมีต่อนั้นมากมายนัก ชีวิตนี้ ต้องการสู่ขอเธอมาเป็นภรรยาเท่านั้น ความตั้งใจของผมจะ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าคุณพ่อจะเห็นด้วยหรือไม่ ยังไงผม ก็จะรักกับจารวีไปตลอดชีวิต
ชยรพเม้มปาก เขาขมวดคิ้วพลางเอ่ย ตามที่นายว่า ถ้าฉันไม่อนุญาตก็ไม่ได้น่ะสิ”
เด็กหนุ่มคนนี้จริงใจจริงๆ ทุกประโยคที่พูดออกมาดู เหมือนว่ากําลังตัดพ้อพ่อของตน แต่ในความเป็นจริงแล้ว แสดงเจตจํานงของตัวเองให้เขาเห็นต่างหาก ชยรพหัน ไปมองลูกสาวของตนเอง เธอยืนอยู่ด้านหลังของมนต์ตรีด้วยเ สีหน้าตื่นเต้นดีใจ แค่เห็นสายตาที่รอคอยอย่างมีความหวังคู่ นั้น ขยรพก็เข้าใจทุกอย่าง
ก็นึกถึงดวงตาอีกคู่ที่คล้ายกันมากนี้ ในใจ ของเขาโศกเศร้าเสียใจ
ฮ่าๆ คุณลุงก็พูดเกินไป ยังไงผมก็เคารพการตัดสินใจ ของคุณครับ ผมสามารถรับการพิจารณาทุกอย่างของคุณ ลงได้ แต่ผมเชื่อว่า บนโลกใบนี้ไม่มีใครรัก มากกว่าผมแล้ว ครับ” มนต์ตรีสารภาพออกไปอย่างฮึกเหิม เขาเฝ้าสั่งพูดพวกนี้ไว้ในใจมาเป็นเวลานานอร มองสบไป นัยน์ตาขวยเขินของจารวี เขาได้แต่ หลดทอนใจ ยัยเด็กโง่ ลูกยังไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง
“า ไป อเบียมาให้ฟอสองขวด พ่ออยากจะชนแก้วกับ ไอ้เด็กหนุ่มคนนี้สักสองสามแก้ว”
ได้ยินคำของพ่อดังนั้น แสดงว่าในใจของท่านเริ่มรู้สึก
ต่อ มนต์ขึ้นมาแล้ว ถ้างั้นเธอคงได้เป็นเจ้าสาวของพี่มนต์
จริงๆ นะ
ใบหน้าน่ารักของจาร เริ่มมีความหวัง เธอรีบพยักหน้า รับ พลาง มเงินวิ่งออกไป
จารวีพรวดพราดออกจากอพาร์ทเม้นต์ เดินมุ่งหน้าไป ยังร้านค้าด้านนอก
ที่แห่งนี้คือเขตที่เพิ่งสร้างขึ้นมาไม่นาน และค่อนข้าง ห่างไกลจากตัวเมือง กว่าจะถึงร้านค้าระยะทางยังอีกไกล
ไม่รู้เป็นเพราะอะไรแสงไฟริมทางเดินช่วงตอนนี้จึงไม่ ค่อยสว่างนัก ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด ในใจของจารวีถูก ความสุขปกคลุมอย่างล้นเหลือนี้คอยประคองไว้ เธอกึ่งเดิน งวิ่งไปข้างหน้า
ทันใดนั้น มีเงาสูงใหญ่ของใครบางคนยืนอยู่ที่ด้านหน้า ของเธอ
ดวงตา คลับ ร้ายกาจราวกับเหยี่ยวคู่นั้น จ้องมองมา ที่เธออย่างไม่วางตา สายตาของเขาราวกับของแหลมคมที่ ต้องการจะฉีกเสื้อผ้าของเธอให้ขาดออกเป็นชิ้นๆ
คะ คุณ… คุณเป็นใครกันแน่ สะกดรอยตามฉันทำไม
พลันจารวีก็นึกถึงลางสังหรณ์ของเธอในช่วงหลายวัน มานี้ มันเหมือนกับสายตาดุร้ายเย็นชาคู่นี้ของเขา