ท่านประธานคะ มีลูกค้ากลุ่มใหญ่ทางฝั่งยุโรปมาที่ บริษัทค่ะ รบกวนท่านประธานเจ้า ที่มาบริษัทลักครู่ได้ไหมคะ”
“อืม ฉันจะไปเดี๋ยวนี้
ยศพลกดวางสายโทรศัพท์ พลางมองไปยังจาก “ฉัน ไปข้างนอกแป๊บนึงนะ
ใบหน้าเล็กของจารนิ่งไม่ไหวติง ยศพลยื่นมือไปจับ แก้มเธอ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย ให้น้าอามพาออกไปเดินเล่น
ข้างนอก
“อั้ม โอเค”
จารวีมองตามหลังยศพลที่กำลังเดินออกจากห้อง เธอ ไม่สามารถถอนตัวออกจากภวังค์ความโศกเศร้า
จารวีทุกข์ใจเป็นอย่างมาก เป็นเพราะเธอ ทำให้เมนต์
ต้องตกอยู่ในอันตราย
เธอนั่งคิดสักพัก จึงตัดสินใจเดินออกไปจากคฤหาสน์
ตั้งแต่ทีเธอไปทํางาน ยศพลก็ไม่ได้สั่งให้ใครมาเฝ้า
ตามเธออีก
เธอตรงไปยังโรงพยาบาลที่สูงนภวัตรักษาตัว ตามที่อยู่ ที่ระบุไว้ในข่าว
เมื่อไปถึง จารวีหยุด นอยู่ที่หน้าตึกของโรงพยาบาล เธอลังเลสักพัก ไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลอะไรเพื่อเข้าไปเยี่ยมท่าน
“! น้ำเสียงไพเราะนุ่มนวลตั้งมาจากทางด้านหลัง จารหันกลับไปมอง ร่างกายสูงโปร่งของมนต์ตรีปรากฏแก่ สามดา รอบปั้มของเขาอ่อนโยนและสง่างาม เต็มไปด้วย เสน่ห์ชวนมอง
จาร พรวดพราดเข้าไปหาเขาอย่างวิตกกังวล สายตา ของเธอเต็มไปด้วยความห่วงใย
“พี่มนต์ เกิดเรื่องอะไร นคะ เป็นห่วงพี่มาก พี่บาดเจ็บ ตรงไหนหรือเปล่าคะ! ”
มนต์ตรีพยักหน้าเบาๆ “พี่โอเค ไม่เป็นไร.. แล้วล่ะ ดูแลตัวเอง หรือเปล่า
จาร นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้า “วีสบายดีค่ะ วันนี้มาเยี่ยมคุณลุง คุณลุงท่านเป็นยังไงบ้างคะ” มนต์ตรี ก้าวไปข้างหน้า เขาโอบไหล่จารวีพลางพาเธอเดินเข้าไปยัง สวนดอกไม้ข้างๆโรงพยาบาล
ไม่ต้องเป็นห่วงนะ คุณพ่อ อาการคงที่แล้ว แต่ว่าตอน นี้ท่านยังไม่สะดวกให้เข้าเยี่ยม ไว้ครั้งหน้าพี่พาไปพบท่าน
ภายในสวนสาธารณะ ดอกไม้ผลิบาน ผีเสื้อน้อยใหญ่ บินร่อนเล่นลมไปมา แสงอาทิตย์ที่อบอุ่นส่องกระทบมายัง เขาและเธอ
ใบหน้าเล็กยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไรค่ะพี่มนต์ วีมาถามข่าว คราวของคุณลุง ถ้าคุณลุงไม่เป็นไร ก็เบาใจแล้วค่ะ” จารวี ลังเลสักพัก เธอย้อนดา นพลางเอ่ยต่อ ” มนต์ มีอะไรทีวี พอจะช่วยได้ไหมคะ!
ใบหน้าอ่อนโยนของมนต์ตรีปรากฏความกลัดกลุ้มใ ออกมาเพียงแวบเดียว แล้วจึงแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอย่าง
“ไม่มั่นใจในความสามารถของ หรือ
จารยิ้มเจื่อน “วีรู้ว่ายศพลเขาต้องการจะจัดการ ห้ามเขาไม่ได้ ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี…
ยศพล เรื่องของเราหรอ มนต์ตรีลองเชิงถามออกไป เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าทําไมยศพลจึงเกลียดตนขนาดนั้น ถ้าเป็นเพราะจาร จริง เขาก็พอจะอภัยให้ได้
จารวีส่ายหัวไปมา “เขาไม่รู้ว่าเรารู้จักกันค่ะ”
“ฮ่าๆ งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวพี่ จะหาเวลาไปคุยกับเขาเอง พี่เชื่อว่าเขาคงไม่ใช่คนที่ไม่มี เหตุผลขนาดนั้น
มนต์ตรีเอ่ยปลอบใจจารวี พลันหัวใจของเธอก็รู้สึกเจ็บ แปลบ ราวกับมีของแหลมคมมาทิ่มแทง
ไหน…
พิมนต์. พี่ไม่รู้หรอกว่ายศพลเขาเป็นคนน่ากลัวขนาด
“พี่มนต์ ขอโทษนะคะ! “
มนต์ตรีลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้อง รู้สึกผิดหรอก เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเลยสักนิด”
จาร อยากเตือนมนต์ตรีเกี่ยวกับสุรีย์วัลย์ แต่เธอก็ไม่ กล้าพอที่จะพูดมันออกไป
ถ้าเธอพูดมันไป มนต์ตรีกับสุริย์วัลย์คงจะมีปัญหากัน
เป็นแน่
เธออยากช่วยเขา แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรดี
ยิ่งมนต์ตรีดีกับเธอเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวด
“พี่มนต์ วีต้องไปแล้ว ที่ดูแลตัวเอง”ๆนะคะ ! ” การ ไม่อยากอยู่นานกว่านี้ เพราะยิ่งอยู่กับเขานานเท่าไร มันจะ ทําให้เธอยังไม่อยากไปจากเขา
มนต์ตรีพยักหน้า พลางยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น “เดี๋ยวพี่
ไปลงนะ
*ไม่เป็นไรคะ ยังมีที่อื่นที่ต้องไป! งั้นขอตัวก่อนนะคะ
“งั้นก็ได้ วีระวังตัวด้วยล่ะ ว่างๆโทรหาพี่ด้วย
จารจากมนต์ตรีอย่างอาลัยอาวรณ์ เธอรู้สึกว่าการพบ กับในระยะเวลาสั้นๆนี้ มันช่างสิ้นเปลือง
เมื่อจารออกห่างจากมนต์ตรี ก็มีรูปร่างเพรียวระหง ของบุคคลหนึ่ง สะกดรอยตามอยู่ที่ด้านหลังของเธอไม่ใกล้
ไม่ไกล
จาร ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อช้อนสายตาขึ้นมองแล้วพบ ว่าเป็นสโลยี
“คะ…คุณสุริย์วัลย์ มีอะไรหรือเปล่าคะ
สุรีย์วัลย์สวมชุดเดรสรัดรูปสีแดง ใบหน้าถูกแต่งแต้ม ไปด้วยเครื่องสําอางค์มีเสน่ห์ชวนมอง แต่ทว่านิสัยใจคอของเธอค่อนข้างฉุนเฉียว ไม่เหมือนกับที่เจอกันในฟาร์มเมื่อครั้ง ก่อน เธ ในคราวนี้ ไม่หลงเหลือความอ่อนโยนน่าทะนุถนอม อยู่เลย เหลือไว้เพียงท่าทีที่โอหังและวางอำนาจ
“จารวี แกควรรับรู้ไว้ซะ! มนต์น่ะ เขามีฉันอยู่แล้ว แก เลิกไร้ยางอายเข้ามาอ่อยเขาแบบนี้ซะ ”
เมื่อได้ยินวาจาร้ายกาจที่สริย์วัลยีพ่นออกมา จา
ตะลึงงัน
“คุณสุริย์วัลย์ คุณกำลังเข้าใจผิด ฉันกับพีมนต์ไม่มีอะไร เกินเลย เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น
“ฉันเห็นแกกับเขาแทบจะกอดกันอยู่แล้วเนี่ยนะ! แบบนี้ เรียกว่าเพื่อนหรอ!!
ใบหน้าของสุรีย์วัลย์บิดเบี้ยว เธอมองจารวีอย่างดูถูก เหยียดหยาม “ฉันไม่สนว่าแกมีจุดประสงค์อะไร แต่แกอย่า ฝันว่าจะแย่งมนต์ไปจากฉันได้! ครั้งนี้เป็นแค่คําเตือน ถ้า ฉันยังเห็นแกมาอ่อยมนต์อีกล่ะก็ ฉันจะตบหน้าแก่ให้เละเลย ค่อยดู!! •
สุริย์วัลย์จ้องมองจารวีอย่างเกลียดชังอีกเพียงครู่ แล้ว จึงหมุนตัว รองเท้าส้นสูงหนักๆเดินจากไป
จาร งุนงง เธอยืนเงียบๆ มองตามแผ่นหลังของสุรีย์
วัลย์ที่เดินจากไป พลันก็รู้สึกว่าลมหายใจของตนนั้นช่างเจ็บ
ปวด
ไม่ใช่แบบนั้นนะ เกิดมาเธอไม่เคยคิดที่จะอ่อยใครเลย ทําไมคุณสุรีย์วัลย์ต้องมองเธออย่างนั้นด้วย
หลังจากหยุดอยู่บ้านสองวัน จาเก๊กกันไปหมกมุ่นอยู่ กับงานอย่างเต็มที่ เธอค่อนข้างแปลกใจเมื่อพบว่ารนับถูก ย้ายไปอยู่แผนกอื่นแล้ว
และเพื่อให้ตัวเองทำงานได้รวดเร็วขึ้น จาร จังหยิบ หนังสือภาษาอังกฤษเฉพาะทางกลับมาทบทวน บ้าน
ช่วง ยศพลค่อนข้างยุ่ง สองคนเลยไม่ค่อยมีโอกาส ได้เจอกันที่ทํางานมากนัก แต่เมื่อเธอเลิกงานกลับมา เขาก็ บังคับให้เธอใช้เวลาทั้งหมดกับเขา
ในห้องนั่งเล่น จารวีนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาตัวยาว
สักพัก เธอรู้สึกว่าโซฟาที่ข้างกายยุบตัวลง ยศพลนั่ง ลงข้างๆเธอ กลิ่นหอมสดชื่นของแชมพูลอยออกมาจากตัว ของเขา ยศพลยีนมือมาดึงหนังสือออกไปจากมือของเธอ พลางพลิกไปมาอย่างตั้งใจ
เขาหัวเราะเยาะพร้อมเอ่ย ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นเด็ก ทีขยันหมั่นเพียรขนาดนี้ ฮ่าๆ ถ้าเธอตั้งใจทำงานดีๆ ฉันอาจ จะให้เธอเลื่อนขั้นก็ได้นะ”
จาร แบ่งหนังสือจากมือของเขากลับคืนมา “เหอะ! ไม่ ต้องมาตลก คูณให้ฉันทํางานที่ไม่มีทางก้าวหน้าแบบนั้นจะ ไปเลื่อนขันได้ยังไง! ‘
“อะไร แค่นี้ก็ไม่รู้แล้วหรอ ถ้าเธอไม่อยากทํางานก็กลับ มาอยู่บ้าน ตีซะอีก ฉันชอบให้เธอทําหน้าที่เต็มเวลาให้ฉัน มากกว่า! เธอก็รู้หนิว่าบริษัทฉันไม่ขาดพนักงาน” ยศพลเอ่ย อย่างโอริง
จารวีหยิบหนังสือพลิกไปหน้าที่ต้องการ เธอไม่สนใจเขาอีก พลางอ่านหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ
“มานี เดี๋ยวฉันจะสอน! ”
นศพ หวังดี จะสอนภาษาอังกฤษให้แก่เธอ ทําให้จาร ค่อนข้างประหลาดใจ คุณแก่งภาษาอังกฤษหรอ”
“OFCOUSE! “บศพลเอ่ยด้วยสำเนียงที่ได้มาตรฐาน ไม่ใช่แค่ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศษ เยอรมัน ฉันก็พูดได้ เป็นไง ศรัทธาในตัวฉันแล้วล่ะ!”
เมื่อได้ยินยศพลพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว ทัศนคติในใจที่เธอมีต่อยศพลก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
จริงๆแล้วเขาก็ไม่ใช่พวกเพลย์บอยที่ไม่เอาไหน แต่ กลับเป็นบุคคลอัจฉริยที่มีศักยภาพ บางทีเธอคงจะต้อง ทําความเข้าใจผู้ชายข้างกายคนนี้ใหม่ซะแล้ว
ยศพลหยิบหนังสือภาษาอังกฤษขึ้นมา พลางอ่านบท ความสั้นๆแล้วจึงอธิบายให้จารวีฟังอย่าง านาญ จารฟังเขา อย่างตั้งใจและจดจ่อ
แสงอาทิตย์ยามบ่ายที่สว่างสุกใส ตกกระทบลงที่ด้าน หลัง ร่างสูงของเขาถูกปกคลุมไว้ในแสงของพระอาทิตย์ทรง กรด
พลินจารวี มีความรู้สึกแปลกประหลาด…
“เป็นไง ฟังรู้เรื่องไหม” ความอดทนของยศพลชักจะหมด ลง “เอ่อ.. ก็ พอได้แหละ”
“มา เราลองมาคุยบทสนทนากัน เธอตั้งใจฟังให้ดีแล้วค่อยๆพูด ถึงจะพูดผิดไม่ต้องกลัว หัวใจคือต้องกล้า ที่จะพูด ทําเหมือนกับตอนเรียนอยู่ในห้องเรียน อาจารย์ที่มีเสน่ห์อย่างเหลือล้น เขามักจะสอนโดยการเน้นที่ ใจความสำคัญเป็นหลัก ทำให้การเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
ยกนวนิยายของ กับจูเลียต ขึ้นมา เขาอ่านให้เธอฟัง แล้วจึงเริ่มต้นบทสนทนากับเธอ
จาร ใช้ช่วงเวลากลางวันที่มีความหมายอย่างคุ้มค่า เธอรู้สึกว่าบรรยากาศแบบนี้ มันช่างผ่อนคลาย
โอเค งั้นวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน”
สองชั่วโมงผ่านไป ความอดทนที่มีจํากัดของยศพลถูก ใช้ไปจนหมดสิ้น เขาปิดหนังสืออย่างรวดเร็ว
จารมองเขาอย่างงุนงง “ยังไงวันนี้ฉันก็ว่าง งั้นฉันอ่าน
ต่ออีกหน่อยแล้วกัน”
ยศพลเอาหนังสือไปวางไว้ให้ห่างจากพลางสอด มือหนาเข้าไปใต้กระโปรงของเธออย่างรวดเร็ว
นัยน์ตาของเขาบ่งบอกถึงความปรารถนา “นี่ ตอนนี้ถึง เวลาของเราแล้วต่างหาก” น้ำเสียงแหบพร่า เต็มไปด้วยไฟ ราคะ
จารวีรีบลุกขึ้นด้วยหวังจะวิ่งหนีเขา แต่ยศพลเร็วกว่า เขาจับเธอไว้พลางกดเธอลงบนโซฟา
ตัวยาวเธอออกอย่างถือวิสาสะ ผู้หญิงคนนี้! เขาอุตส่าห์อดทนสอนเธอตั้งหลายชั่วโมง นอกจากจะไม่มีรางวัลตอบแทนให้ แล้วยังคิดจะวิ่งหนีอีก!
จาร เหงื่อตก ดูเหมือนว่าเธอจะประเมินค่ายศพกลงไป
ที่เขาตั้งใจสอนเธอนั้นมันก็แค่เรื่องจอมปลอม ที่จริง แล้วเราอยากจะกิน เธอทางหาก
แสงแดดร้อนแรง ส่องทะลุมานกระจก ตกกระทบไป ทั้งสองร้างที่พัวพันกันยุ่งเหยิง ผิวกาย ขาวราวกับหิมะ ข้อมไปด้วยสีสันอ่อนของแสงอาทิตย์ เสียงครวญครางหวา ความสอดประสานกับเสียงหอบหายใจที่หนักหน่วง ไฟรัก โลกิย์ปกคลุมไปทั่วทุกมุมห้อง
“อื้ออ บะ… เบาหน่อย
“แบบนี้โอเคไหม หรือว่าแบบนี้ล่ะ”
โยะ ยศพล.อื้ออ ไอ้คนลามก! ”
“อ๊ะ..อ้าาา
ณ สํานักงาน กาถือเอกสารมากองหนึ่ง พลางยื่นมัน ไปตรงหน้าของจาร “เธอเอาเอกสารพวกนี้ไปส่งที่ออฟฟิศ ของท่านประธาน ! ” จาร งุนงง หน้าที่ที่ต้องไปออฟฟิศของ ท่านประธานไม่มีทางเวียนมาถึงเธอได้นี่นา ในขณะที่เธอ กำลังลังเล ภาคีเร่งรัดอีกครั้ง
รีบไปสิ! ไม่แน่ว่าท่านประธานอาจจะเลื่อนตำแหน่งให้ เธอก็ได้ ไม่งั้นคงไม่ออกปากเองว่าให้เธอเป็นคนเอาไปส่ง หรอก
กาอธิบาย จารวี ได้เข้าใจ ยศพล คุณคงไม่ได้เกิด คึกอยากจะทําอะไรในเวลางานหรอกนะ!
“ความรู้สึกซ้าชะมัด! เธอช่างไม่รู้เอาซะเลยว่าควรจะ อยู่ในบริษัท กรุ๊ป ยังไง
จาร หอบเอกสารเดินออกไปข้างนอก เธอยิ้มพลาง เฮ้ย “คุณญภาคะ ฉันมาที่นี่เพื่อทำงานค่ะ ไม่ได้มาอยู่ไปวันๆ ญกาหน้าคําคร่า ครียด พลางขมวดคั่ว
จารวีออกจากลิฟท์ ซึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องทํางาน
ของยศพล
ประตูไม่ได้ล็อค ทําให้มีเสียงเล็ดลอดออกมาจาก ภายใน จารวีได้ยินคำว่าบริษัท กรุ๊ปจํากัดเข้าพอดี เธอ ชะงักไปชั่วขณะ แล้วจึงแอบฟังอยู่ที่หน้าห้องทำงานด้วย หัวใจ เต้นรัว
“ยินดีด้วยค่ะท่านประธาน บริษัทเรากว้านซื้อหุ้นส่วนขอ บริษัท กรุ๊ปจํากัดมาได้สามสิบเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ ตอนนี้ คุณนภวัตก็ล้มป่วย ดิฉันคาดว่าคุณมนต์ตรีก็คงประคองไป ได้อีกไม่นาน เมื่อถึงเวลาเขาก็คงขายบริษัทน้องวีกรุ๊ป เพื่อ ให้บริษัทซัวกรุ๊ปรอดพ้นจากสถานการณ์ตอนนี้ไปได้อย่าง แน่นอนค่ะ
“เหอะ ใครใช้ให้ไอ้มนต์ตรีมันดื้อดึงขนาดนั้นกันล่ะ ไม่มี อะไรเทียบฉันได้แล้วยังอยากจะสู้กับฉันอีก ไม่รู้จักคำนึง ถึงผลเสียที่จะตามมาซะบ้าง” น้ำเสียงของยศพลเยือกเย็น แข็งกร้าว ทําให้คนฟังรู้สึกหวาดกลัว