ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจเฝ้าอยู่ข้างๆเขาแล้วฟังเขา
สํานึกผิด
หากเวลาสามารถย้อนกลับไปได้ ฉันอยากจะบอกกับคุณ ว่า พ่อคะ หนูให้อภัยพ่อค่ะ พ่อคะ หนูให้อภัยพ่อแล้วค่ะ พ่อ คะ หนูไม่ เคยโกรธพ่อเลย ที่หนูโกรธเพราะ หลายปีมานี้ หนู คิดถึงพ่อมาก
หากเวลาสามารถย้อนกลับไปได้ หนูจะกินอาหารที่พ่อทํา ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อ
น่าเสียดาย บนโลกนี้ไม่มียาแก้โรคเสียใจที่หลัง กาล เวลาก็ไม่สามารถย้อนกลับไปได้
จารวินั่งอยู่ข้างถนนอย่างเดียวดายและสิ้นหวัง กอดร่าง ของพ่อเอาไว้ ร้องไห้คร่ำครวญ
รถฉุกเฉินใกล้ถึงแล้ว จารวียังนั่งกอดร่างชยรพเอาไว้ ไม่ ยอมปล่อยมือ
สติค่อยๆหายไป ค่อยๆเลือนล่างไป
ทุกอย่างบริเวณนี้ ดูโกลาหลดคลุมเครือ
เหมือนโลกนี้ค่อยๆห่างออกไป มีมือคู่หนึ่งกอดเธอไว้แน่น เขากอดเธอไว้แน่น ไม่พูดสักคํา ใช้ความเงียบปลอบโยน
เธอ
จาร เสียเจ็บปวดจนร้องไห้ เธอตกลงไปในวังวนของ
ความสํานึกผิด
ตัวเองเห็นแก่ตัวขนาดนี้ ถ้าให้โอกาสฟอสักครั้ง มัน จะดีแค่ไหน
ยศพล ฉันมันโง่จริงๆ…
จารวีพูดอย่างเจ็บปวด ปล่อยตัวเองให้ทิ้งตัวอยู่บนอกยศ พล
หลังจากที่ขยรพถูกส่งตัวไปถึงโรงพยาบาล ปั๊มหัวใจไป แต่ครึ่งชั่วโมง คุณหมอก็ออกจากห้องฉุกเฉิน
เผชิญหน้ากับจารวีหน้าห้องฉุกเฉิน คุณหมอรู้สึกเสียใจ
“ขอโทษครับ พวกผมพยายามอย่างเต็มที่แล้ว!
จารวีวิ่งเข้าห้องฉุกเฉินอย่างคนบ้า บนเตียงผู้ป่วย ชยรพ หายใจแล้ว
“พ่อค่ะ พ่อค่ะ พ่อช่วยลืมตามาดูหนูหน่อย…..
ยศพลเฝ้าอยู่ห่างๆ เห็นจารวีร้องไห้เสียใจขนาดนี้ เขากลับทําอะไรไม่ได้เลย
จารวีกุมไว้ “พ่อค่ะ หนูให้อภัยพ่อแล้ว พ่อลืมตา ได้ไหม? หนูอยากกินกับข้าวฝีมือพ่อ หนูให้อภัยพ่อแล้ว พ่อ พูดกับหนูหน่อยได้ไหมคะ?”
จารวีพูดไปด้วยร้องไห้ไปด้วย น้ำเสียงโศกเศร้า คุณหมอที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างซึ้งจนน้ำตาไหล
“คุณจารวีครับ คุณชยรพท่านสนแล้วครับ คุณทําใจ
เถอะ!”
หมอเดินมาเข็นร่างขยรพไป จารจับเตียงไว้ไม่ปล่อย
พวกคุณจะทําอะไร พวกคุณจะพาพ่อฉันไปไหน?
จาร ควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ ร้องตะโกนเสียงดัง เหมือน หมาบ้า แต่ไม่ยอมปล่อยมือ
ยศพลกอดเธอเอาไว้
“จารวี ฟังนะ พ่อคุณทานสิ้นแล้ว คุณปล่อยให้ท่านไป
เถอะ!”
ยศพล คุณมันเลว พ่อฉันยังไม่ตาย เดียวพ่อก็ฟื้นแล้ว เขาต้องอยากฟังคําว่า ฉันอภัยเขาแล้ว
จารวีร้องไห้ฟูมพาย ยังไงก็ไม่ยอมปล่อยมือ
ยศพลจึงส่งสายตาให้คุณหมอ คุณหมอส่ายหัว แล้วเดิน ออกไป
จาร นั่งจับเตียงไว้อย่างดื้อดึง เฝ้าไว้ไม่ยอมไปไหน ร้องไห้จนเหนื่อย แล้วก็จ้องมองอย่างงงงัน
เวลาเหมือนหยุดอยู่ตรงนี้ ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นอย่างไม่มี ที่สิ้นสุด เธอจารวีถูกสะกดให้อยู่ในนี้ หาทางออกไม่ได้ตลอด ไปโลกของเธอ ต.น…..
บศพลเฝ้าอยู่ข้างกายเธอ ยื่นแขนที่ยาวโอบเธอจากด้าน
หลัง อยู่เงียบๆเป็นเพื่อนเธอตรงนี้
เขารู้ว่า เธอต้องการเสลาในการเยียวยาหัวใจตัวเอง
เขาใช้มือเช็ดคราบนํ้าตาบนหน้าเธอ เขาตบบ่าเธอเบาๆ
“คุณยังมีผมนะ…..
จารวีไมเอะเสียง ไม่พูดไม่จํา เหมือนวิญญาณเร่ร่อน
จนกระทั่งฟ้ามืด เธอก็ยังไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ไมตีหน้า ไม่ทานข้าว คนทั้งคนจะกลายเป็นไม้แกะสลักอยู่แล้ว
“จารวี น้องเป็นไงบ้าง….
ร่างของมนต์ตรีปรากฏที่ห้องผู้ป่วย ยศพลมองเขาด้วย สายตาเยือกเย็น คุณมาทำอะไร?
แม้คําพูดยังไ งไม่ได้ออกจากปาก แต่สีหน้าท่าทางไม่ ขอบใจอย่างมาก
จารวีมองหน้ามนต์ตรี น้ำตาเหมือนสร้อยมุกที่ขาดจากกัน ไหลอย่างไม่หยุด
“พี่มนต์…คุณพ่อ….
มนต์ตรียืนนิ่งไปสักครู่ จ้องมองร่างที่มีผ้าขาวคลุมอยู่ เขา
ส่ายหน้าเบาๆ”จารวี อย่าเสียใจไปเลย คุณลุงเขายอมตายเพื่อเธอ เขา ถามอย่างมีค่า เธออย่าเสียใจไปเลย
นํ้าตาของจารเช็ดอย่างไรก็ไม่หมด
พิมนต์ เป็นเพราะฉันเอง ฉันผิดเอง ก่อนเขาจะตาย ยัง ไม่มีโอกาสได้บอกเขาเลยว่าให้อภัยแล้ว อันที่จริงฉันไม่ เกลียดเขา จริงๆ ฉันไม่เคยเกลียดเขาเลย แค่โทษเขา ทิ้ง ฉันไปตอนเด็ก ฉันนึกว่าเขาไม่รักฉัน
ใช่ไง เมื่อก่อนไม่รู้ว่าพ่อรักเธอ ตอนนี้รู้แล้วว่าพ่อรักเธอ แต่มันก็สายไปแล้ว
“จารวี ปล่อยให้ลุงซยรพไปสบายเถอะ !”
ภายใต้การโน้มน้าวของมนต์ตรี ในที่สุดจารวีก็ยอมปล่อย มือ ยอมให้คุณหมอเข็นร่างของซยรพไปห้องดับจิต
การตายของชยรพ ส่งผลกระทบต่อจารวีมาก เธอเปลี่ยน ไปเป็นคนโศกเศร้า
จมอยู่กับความเจ็บปวดที่สูญเสียพ่อไป ถอนตัวไม่ขึ้น
ยศพลถึงแม้จะไม่ชอบมนต์ตรี แต่เห็นว่าจารยอมฟังที่ เขาพูด เขาจึงไม่ได้ไล่เขาตามอำเภอใจ
สภาพร่างกายของจารวีไม่ค่อยดีนัก หลังจากที่ขยรพ ตาย เธอไม่ได้ไปร่วมงานศพเขาด้วยซ้ำ แต่นอนอยู่โรง พยาบาลตลอด
แต่สร็จวัล กลับมาเยี่ยมจารวีเอง นี้ทำให้จารวีแปลกใจมาก
“จารวี คุณปล่อยวางซะบ้างเถอะ เรื่องของพ่อคุณฉันก็ เสียใจเหมือนกัน….
จารวีมองสุรีย์วัลย์ คำพูดของสุรีย์วัลย์ปลอมนิดๆ เธอ นไม่ต้องเป็นห่วง” ส่ายหน้าเบาๆ “ฉันไม่เป็นไรแล้ว พวกคุณ
“ใช่ซิ เด็กในท้องเป็นอย่างไรบ้าง?
สุรีย์วัลย์ถามอย่างใส่ใจ จารวีจับท้องตัวเอง นี้มันก็ ตั้ง4เดือนแล้ว ท้องโตขึ้นนิดหน่อย รู้สึกได้ว่ายื่นออกมานิดๆ
แล้ว
และเป็นเพราะเด็กคนนี้ จารวีถึงเหมือนมีพลังวิเศษบ้าง อย่าง ในใจรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
บนใบหน้าค่อยๆปรากฏรอยยิ้ม
“อือ ขอบคุณที่เป็นห่วง ฉันสบายดี!
จาร เงียบไปสักครู่ แล้วถามขึ้นกะทันหัน “เธอกับพี่มนต์ มีลูกด้วยกันหรือยัง?”
สุรีย์วัลย์หน้าแดง ในสายตาแสดงถึงร่องรอยความเจ็บ ปวด แต่สายตาแบบนั้นก็หายไปเร็วมาก
“ยังหรอก พวกเรายังเด็ก ตอนนี้ยังไม่อยากมีลูก”
ตั้งแต่แต่งงานกันมา มนต์ตรียังไม่เคยสัมผัสเธอเลย จะ
ไปมีลูกได้อย่างไร?
แต่ว่า ความขมขื่นในใจของเธอ จะไปเล่าให้ใครฟังได้
เพราะเธอรักมนต์ตรีอยู่ฝ่ายเดียว เธอยอมแต่งงานกับเขา
เอง
ตอนนั้นคิดว่า ขอแค่ได้แต่งงานกับเขา ขอแค่ได้เขามา นั้นจะมีความสุขที่สุดแล้ว
แต่ตอนนี้เพิ่งจะรู้ว่า ความคิดแบบนี้ช่างไร้เดียงสาเหลือ
เกิน
คนที่อยู่ตรงหน้า กลับเหมือนอยู่ไกลคนละเส้นขอบฟ้า มี ทะเลที่ทั้งลีกทั้งกว้างที่ไม่สามารถข้ามไปได้กั้นอยู่ระหว่างทั้ง
นี่แหละมั่งที่เรียกว่า รักที่ขมขื่น
จารวีเห็นความขมขื่นในตาสุรีย์วัลย์ ” มนต์เขาทําไม่ดี กับเธอใช่ไหม เธอพูดมา เดี๋ยวฉันจะไปสั่งสอนเขาเอง
*ไม่มี เขาดีกับฉันมาก!”
โช เขาให้เกียรติเธอเหมือนแบกมาตลอด และเย็นชา กับเธอเช่นกัน คนสองคนอยู่ด้วยกันเหมือนคนไม่รู้จักกัน
“งั้นก็ดีแล้ว ขอให้พวกคุณมีน้องไวๆ
จารวี มอย่างมีความสุข เธอเพิ่งรู้ว่า การมีชีวิตอยู่บนโลก ใบนี้ มันโชคดีมาก
เธอตัดสินใจจะปรับวิสัยทัศน์ของตัวเอง ใช้ชีวิตให้ดีต่อไป
พิ่มแต่พูดถูก พ่อยอมตายเพื่อเธอไปแล้ว ถ้าเช่นนั้น เธอ ควรมีชีวิตต่อไปตามที่พ่อหวังไว้
หลังจากที่สุริย์วัลย์กลับไปไม่นาน มนต์ตรีก็เดินเข้ามา
เขาเดินเขามาพร้อมขือเกาลัดถุงใหญ่
“จารวี นี่เกาลัดทีเธอชอบ
จารวีเห็นเกาลัดที่ค้าจนสีเหลืองทอง กลับหมดความหลง ไหลในตัวเกาลัด
มนต์ตรีมองจารอย่างมีหวัง มีแขนสองข้างยื่นมา กะทันหัน ผลักเกาลัดคั่วน้าตาออก
“ขอโทษครับ ตอนนี้จารวีไม่ชอบกินเกาลัดคั่ว โตาลแล้ว
ยศพลมองมนต์ตรี ในสายตามีความสะใจนิดๆ
มนต์ตรีมองจารวิตาค้าง “จารวี เมื่อก่อนชอบกินเกาลัดคั่ว นําตาลมากไม่ใช่เหรอ?”
จารวีอมยิ้มสายหัว “ขอโทษค่ะ พี่มนต์ ตั้งแต่ท้อง ก็เกิดไม่ ชอบกินของหวาน ดังนั้นขนาดนั้นเกาลัดคั่วน้ำตาลก็ไม่ชอบ แล้ว”
สายตามนต์ตรีมีความเจ็บปวดที่มองไม่เห็น
เธอเปลี่ยนไปแล้ว เธอไม่บอบทุกอย่างที่เป็นเขาอีกแล้ว
นี้เป็นซุปไก่ที่ฉันตุ่นเองกับมือ เธอต้องดื่มให้หมดนะ
ยาพลบกรบไก่ของตัวเองตุ่น ตกมาด้วยหนึ่งวางบนมือ จารวี แต่ก็กลัวว่าเธอจะร้อน จึงเปาให้เย็นก่อนให้เธอ
ใบหน้าจารวีเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข คอยๆดื่ม ป ที่ยศพลต็กให้จนหมด
รอยยิ้มบนหน้าเธอ ความเอาแต่ใจของเธอ ความสุขของ
เธอ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีกแล้ว
สีหน้าของมนต์ตรีอับอายและหดหู่
ในใจเหมือนมีทีที่หนึ่ง ตกลึกลงไปข้างใน
“มหมดแล้ว รสชาติดีทีเดียว !” จารวีชน ยศพลรับถ้วย จากมือเธอ ย่อตัวลง ใช้ปากของเขาประกบปากของเธอ ซิม รสชาติที่ติดอยู่บนริมฝีปากเธอจนหมด ถึงพูดอย่างพอใจว่า “รสชาติไม่เลวจริงๆ
“ยศพล คุณมันหลงตัวเอง….. จารวีหัวเราะ
มนต์ตรียืนขึ้นอย่างอับอาย
“จารวี ผมมีเรื่องต้องทําไปก่อนนะ คุณพักผ่อนมาก พรุ่งนี้ ผมมาเยี่ยมใหม่……
ไม่รอให้จารวีตอบ มนต์ตรีออกไปอย่างรวดเร็ว
เห็นผู้หญิงที่ตัวเองชอบ กำลังจู๋จี๋กับชายอื่น คิดว่าผู้ชาย ทั้งโลก คงไม่มีคนไหนทนได้
จิตใจของมนต์ตรีถูกเหยียบย้าอย่างหนัก
ยศพลมองตามมนต์ตรีอย่างคิดหนัก
“ดูแล้ว มนต์ของคุณจะเป็นห่วงคุณมากนะ ที่งาน ศพพ่อคูณ เขาวิ่งวุ่นช่วยทั้งหน้าทั้งหลัง ตอนนี้คุณเข้าโรง พยาบาล ยังมาเยี่ยมคุณทุกวันอีก พี่ชายคนนี้ทําในหน้าที่ได้ ดีจริงๆ
ในคําพูดแฝงด้วยความหึงหวง จารวีฟังออกในทันที
เธอหัวเราะเบาๆ ยศพล คุณทําได้แค่นี้เหรอ? คุณคิดว่า ฉันเป็นองค์หญิงหรือไง ชายทั้งโลกถึงได้จะมาชอบฉัน?”
ยศพลหัวเราะ เหอะๆ เขาหันหน้ามา ยื่นมือจับหน้าจาก ไว้ แล้วก็จูบอย่างดูดดื่ม
จนจารวีแทบหายใจไม่ออก เขาถึงยอมปล่อย
“คุณพูดถูก คุณเป็นองค์หญิง ผู้ชายบนโลกใบนี้ต่างก็ ขอบคุณทั้งนั้น แต่ว่า ถ้าใครคิดจะมายุ่งกับคุณละก็ ผมไม่ ปล่อยมันไปแน่
คุณคิดมากไปแล้ว มนต์เขามีสุรีย์วัลย์อยู่แล้ว…..
รอยยิ้มยศพลมีความนัยแฝงอยู่ “คำนั้นเหมือนเดิม เขารัก ผู้หญิงคนนั้น แปลก!
จารวีฟังจบ ก็เริ่มคิดหนัก หรือว่าพี่มนต์ไม่ได้รักสุรีย์วัลย์ เหรอ? ทำไมเธอถึงดูไม่ออก
แต่ว่าเรื่องนี้มันไม่สําคัญอีกต่อไป ที่สําคัญคือตอนนี้เธอ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอ