บทที่ 7 ความเชื่อใจที่อธิบายไม่ได้
บาร์ที่เต็มไปด้วยความครึกครื่นมีชีวิตชีวา และหลินเวยมี่ที่เดินเข้ามาอย่างเศร้าสร้อย เธอกวาดตามองไปที่เวทีเต้นรำ เห็นหญิงสาวที่เต้นอยู่บนนั้นดูรื่นเริง ดึงดูดความสนใจจากทุกคน
วันนี้ช้าไปแล้วจริงๆ ที่จะโทรหาเพื่อนสนิทของเธอเย่หนิง
เธอโทรไปที่บ้านของเธอ โกหกไปว่าคืนนี้จะนอนค้างที่บ้านของเพื่อนเธอ ถ้าไม่เช่นนั้นกลับบ้านไปในสภาพแบบนี้ไม่แน่ว่าอาจจะถูกหลินจ่านหงทำร้ายอีกครั้งก็เป็นได้
ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอจะไม่กลับไปที่บ้านในคืนนี้ เธอสั่งไวน์มาแก้วหนึ่ง แล้วนั่งดื่มอยู่ในมุมอับของบาร์ เธอมองไปที่ต่างๆภายในบาร์ด้วยสายตาที่พร่ามัว
ทันใดนั้น มีผู้ชายคนหนึ่งที่ดึงความสนใจของเธอไปได้ ผู้ชายคนนั้นเหมือนเธอ นั่งแอบดื่มเงียบๆคนเดียวในมุมอับของบาร์
ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นดูเย็นชา มีเพียงแต่ร่างกายเท่านั้นที่ดูเหมือนคนมีชีวิต
หลินเวยมี่
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป เธอจำชายคนนั้นได้ เขาคือคนที่เข้ามาหาเธอวันนั้น แล้วยังให้เธอดื่มไวน์ไปแก้วหนึ่ง เธอถึงได้ไปเจอกับผู้ชายแย่ๆคนนั้นได้
เธอกระทืบเท้าด้วยความโกรธแล้วรีบเดินเข้าไปหาผู้ชายคนนั้น
ผู้ชายคนนั้นก็เริ่มสังเกตเห็นเธอ และจ้องมองมาที่เธอ ใบหน้าที่เย็นชากลายเป็นใบหน้าที่มีรอยยิ้ม
แต่รอยยิ้มนั้น สำหรับหลินเวยมี่แล้วเปรียบเสมือนหนามทิ่มแทงเธอ ตอนนี้ความโกรธของเธอยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก
“บังเอิญจัง” น้ำเสียงของเขาฟังแล้วไพเราะมาก แถมยังมีเสียงแหบอยู่ตอนท้าย ทำให้คนรู้สึกหลงได้ง่ายๆ
เป็นเพราะเสียงนี้แหละ ที่ทำให้หลินเวยมี่ไม่ได้ป้องกันตัวเอง ถึงได้ติดกับดักของเขา
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งโกรธขึ้นมากเท่านั้น เธอกัดฟันแล้วมองไปที่เขา “ใช่บังเอิญมาก! ทางของศัตรูแคบ!”
เธอเอามือของเธอวางไปบ่นไหล่ของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้เขาหนีไป แต่การกระทำเช่นนี้จะทำให้คนคิดว่าเธอให้ท่าเขาได้
“โอ้ ทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ?” ใบหน้าที่เย็นชาแต่ยังทำให้คนหลงใหลได้
“อย่าทำโง่เลย! นายวางแผนอะไรไว้? วันนั้นไวน์ที่นายฉันดื่มวางยาไว้ใช่ไหม?” หลินเวยมี่มองไปที่เขาอย่างดุดัน พร้อมกัดฟันถามคำถาม
ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอจะไปเจอกับปิศาจร้ายได้อย่างไร? และยังเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไปอีกด้วย!
“งั้นเธอจะเอาอย่างไร?” เขาหัวเราะพร้อมมองไปที่เธอ และเอามือไปวางที่สะโพกเธอ พร้อมกับเลื่อนหน้าไปหาเธอ ลมหายใจอันอบอุ่นของเขาไปสัมผัสบนหน้าเธอ พร้อมกับพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันเอาตัวเองชดใช้ให้เธอดีไหม?”
“คนชั่ว! เป็นเพราะแก ถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันจะ…ฉัน…” หลินเวยมี่ ด่าอย่างโกรธเคือง พร้อมกับดวงตาที่เริ่มแดงขึ้น แต่ไม่ได้ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา
กู้จุนเฟิง
มองไปที่เธอที่เป็นแบบนี้ ตกใจไปเล็กน้อย แสดงถึงความประหลาดใจ แล้วหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “คุณเป็นอะไร?”
หลินเวยมี่
เธอมองเขาด้วยความโกรธ เห็นชัดเลยว่าเขาแสดงละครออกมา เขารู้ว่าเธอไม่มีหลักฐาน ถ้าไม่เช่นนั้นจะมาโวยวายแบบนี้ทำไม
ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา เธอก้มตัวลงไป ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด บ้าจริง ทำไมทุกอย่างต้องเกิดขึ้นพร้อมกัน?
เธอคิดอย่างขุ่นเคืองใจ เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ในขณะที่สีหน้าของเธอตอนนี้กลายเป็นสีขาวซีดเผือด
“ปวดท้องหรอ?” กู้จุนเฟิงขมวดคิ้วมองไปที่เธอ พร้อมกับแววตาสงสัย
เขาแสดงออกแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? ไม่แน่ว่าเขาอาจจะคิดว่าเธอกำลังล่อหลอกเขาอยู่งั้นหรอ? บ้าจริง เธอไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก เธอกำลังปวดท้องอยู่จริงๆ
“คุณคิดว่าไงล่ะ?” เธอตอบกลับอย่างโกรธเคือง
เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน และถามเธอว่า “ไปนั่งพักที่บ้านฉันไหม?”
“จะไม่ช่วยพยุงฉันขึ้นหรอ?” หลินเวยมี่
พูดกลับด้วยน้ำเสียงไม่ดี แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงจะถูกเขาหลอกใช้ แต่เธอก็ยังไว้ใจคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่จะทำอะไรเธอ นี่เป็นความเชื่อใจที่อธิบายไม่ได้อย่างแปลกประหลาด เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากไหน หรือว่าเป็นเพราะเขาดูเหมือนกับคนที่อยู่ในใจของเธอ?
ที่สำคัญที่สุด เธอเองก็ไม่มีที่จะอยู่คืนนี้ อีกทั้งตอนนี้เธอก็อยู่ในช่วงมีประจำเดือน เธอจะผ่านคืนนี้ไปได้อย่างไร
สิ่งสำคัญที่สุดคือเธอไม่มีที่ไปคืนนี้และน้าอยู่ที่นี่ในเวลานี้เธอจะต้มมันตลอดทั้งคืนได้อย่างไร?
กู้จุนเฟิงโอบเธอเดินออกจากบาร์ เปิดประตูรถออกแล้วให้เธอเข้าไปนั่ง หลินเวยมี่รู้สึกอึกอักได้แต่ดึงมุมปากขึ้น เธอรู้สึกไม่ดีเลยที่เข้ามานั่งในรถเขา แล้วไม่กล้าที่จะขยับตัว ถ้าเกิดว่า…
เธอไม่กล้าคิดจะทำอะไร ถ้าเกิดขายหน้าขึ้นมาก็ขายหน้าไปจนถึงแต่งงานเลย
เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น หันไปมองที่คนขับรถ แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “หยุดรถ”
กู้จุนเฟิงมองเธอด้วยความแปลกใจ จากนั้นจอดรถที่ข้างทาง “มีอะไรหรือเปล่า?”
“คุณไปร้านสะดวกซื้อซื้อของให้ฉันหน่อย” เธอสั่งการพร้อมกับแก้มที่แดงเรื่อของเธอ
กู้จุนเฟิง
ตอนนี้เขามองไปที่เธอด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเหมือนคิดอะไรบางอย่างได้ ไม่พูดอะไรก็ลงรถเดินไปที่ร้านสะดวกซื้อแล้วกลับมา
หลินเวยมี่
ตอนนี้หน้าของเธอเต็มไปด้วยความเขินอาย รู้สึกร้อนผ่าวราวกับมีใครจุดไฟเผา นี่เธอกำลังให้เขาไปซื้อของสิ่งนั้นหรอ?
แต่ว่าถ้าเกิดเขาเข้าใจผิดเธอล่ะ? ถ้าเขาคิดว่าเธอให้เขาไปซื้อถุงยางอนามัยมาล่ะ?
หลินเวยมี่คิดได้แบบนี้
เธอก็คิดอยากจะผูกคอตาย เธอนี่โง่จริงๆ ก่อนหน้าถูกเขาหลอกไปทีหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็เอาตัวเองเข้ามาส่งถึงที่เองเลย เห็นชัดได้เลยว่าเธอหลงเสน่ห์ของเขาอย่างแน่นอน
เขาต้องแอบหัวเราะลับหลังเธอ คิดว่าเธอโง่มากแน่ๆ
คิดได้แบบนี้ เธอก็ไม่กล้านั่งบนรถอีกต่อไป จึงเปิดประตูออก แต่เธอก็พบว่าประตูรถถูกล็อคอยู่ ตอนนี้เธอเริ่มกลัวมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ผู้ชายคนนี้ที่แท้ก็คิดไม่ดีกับเธอเหมือนกัน
เธอจึงรีบคุ้ยกระเป๋า แต่แล้วก็พบว่ากระเป๋าว่างเปล่า เธอคิดอยากจะตาย แต่กลับไม่พบโทรศัพท์ของเธอ
ประตูรถเปิดออก กู้จุนเฟิงมองไปที่ใบหน้าตื่นตระหนกของหลินเวยมี่ มองสำรวจไปทั่ว จากนั้นส่งถุงพลาสติกสีดำใบหนึ่งให้เธอ
หลินเวยมี่
หน้าแดงรับถุงใบนั้นมา มองดูของที่อยู่ข้างในก็รู้สึกสบายใจ พร้อมกับด่าตัวเองอยู่ในใจ ช่วงนี้สมองมีแต่เรื่องอะไรไม่รู้
“ขอบคุณ” เธอขอบคุณเขาพร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อย หลังจากนั้นหันหน้าออกไปที่หน้าต่างด้วยความประหม่าเล็กน้อย
กู้จุนเฟิง
ไม่ได้พูดอะไร พร้อมกับสีหน้าเศร้าเล็กน้อย จากนั้นก็ขับรถไปเงียบๆ จนถึงเขตเล็กๆ
รถจอดแล้ว หลินเวยมี่รีบออกจากรถอย่างรวดเร็ว มองไปที่เบาะนั่งยังขาวสะอาดอยู่ ก็เผลอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
กู้จุนเฟิง
เขาเพิ่งจะลงรถมา มองไปเห็นการ์ดความจำเล็กๆ อยู่บนที่นั่งข้างคนขับก็หยิบขึ้นมาเก็บไว้ที่ฝ่ามือ
หลินเวยมี่
เดินสำรวจรอบบ้านของเขา พบว่าบ้านของเขาสะอาดสะอ้าน ดูเรียบง่ายต่างกับเขาที่ดูอึมครึม
“ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าบ้านของคุณจะเป็นแบบนี้”
“ถ้าไม่อย่างนั้นจะให้เป็นอย่างไรล่ะ?” เขาส่งน้ำหนึ่งขวดให้เธอ พร้อมกับถอดเสื้อคลุมออกวางพาดไว้บนโซฟา
“ควรจะเป็นสีอึมครึมทั้งหมด อย่างเช่นสีน้ำเงินเข้ม” หลินเวยมี่
รับน้ำจากเขา แล้วดื่มเข้าไปหนึ่งอึก จากนั้นก็ถือถุงพลาสติกสีดำนั้นเข้าไปในห้องน้ำ
ในห้องน้ำ เธอเปิดถุงพลาสติกออก เธอยังพบกางเกงในสีชมพูอีกตัวหนึ่ง ทำให้หน้าเธอหน้าแดงลงไปถึงคอ พร้อมกับความรู้สึกร้อนผ่าวราวกับไม่สบาย
ผู้ชายคนนี้ …
เมื่อเธอออกมาจากห้องน้ำ กู้จุนเฟิงได้เปลี่ยนชุดเป็นชุดลำลอง ใส่กางเกงสบายๆ กับเสื้อกล้ามสีขาวที่เผยให้เห็นกล้ามแขนที่แข็งแรงของเขา
เขายืนพิงอยู่ที่หน้าต่าง พร้อมกับถือเบียร์ในมือ โดยมองออกไปข้างนอกด้วยแววตาเศร้าสร้อย
ทั้งห้องดูเหมือนจะติดบรรยากาศเศร้า ๆ จากเขา เธอยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำและทนไม่ได้ที่จะทำลายบรรยากาศแบบนี้
“ยังดูไม่พออีกเหรอ” ทันใดนั้นเขาหันศีรษะกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ ไม่สามารถมองเห็นอารมณ์จากแววตาของเขาได้ เขาช่างดูน่าลึกลับมากเหลือเกิน
แต่ไม่ว่าการแสดงออกของเขาจะเป็นอย่างไรดวงตาของเขาก็ดูเหมือนจะปฏิเสธคนไม่ให้เข้ามาใกล้
“ไม่” หลินเวยมี่
เธอกางมือออก พร้อมกับเดินเข้าไปหาเขา ยิ่งเข้าใกล้เขามาเท่าไหร่ก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความโศกเศร้าของเขา ผู้ชายคนนี้เศร้าเพราะอะไร? ยิ่งเธอเข้าใกล้เขามากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยมากเท่านั้น
หลินเวยมี่
เอนตัวไปพิงที่กำแพง ความหนาวเย็นเข้าไปกระทบที่ท้องเธอ ทำให้ใบหน้าเล็กๆ ของเธอขมวดขึ้นเพราะความเจ็บปวด
“เธอบาดเจ็บที่ท้อง?” เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอก็กัดฟันอดทนและส่ายหัว เมื่อเธอคิดถึงที่หลินจ่านหงทำร้ายเธอจนเป็นแบบนี้ เธอก็ยิ่งทุกใจ แต่ช่างมัน ไม่ต้องไปสนใจหรอก ถึงเธอจะสนใจไปแล้วจะได้อะไร? ยังไงเขาก็ไม่สนใจเธออยู่ดี เธอพยายามปลอบใจตัวเองอยู่ในใจ
กู้จุนเฟิง
มองไปที่เธอ สักพักหนึ่งแล้วเปิดปากพูดขึ้นว่า “งั้นเธอรีบไปพักผ่อนดีกว่า ห้องรับแขกอยู่ทางนั้น มียาอยู่ที่ลิ้นชักในห้อง”
หลินเวยมี่พยักหน้าแล้วเดินไปทางห้องพัก
ตอนนี้ห้องรับแขกเงียบสงบลงแล้ว กู้จุนเฟิงก็เอาการ์ดความจำออกมาดู พร้อมกับแสยะยิ้มออกมาที่มุมปาก
ตอนนี้เรื่องชักจะเริ่มสนุกขึ้นแล้ว