บทที่ 19 ไปกับฉัน 3 วัน(2)
ภายในห้องชุดเพรสซิเดนท์สวีท หลินเวยมี่จับมือเย่หนิงแน่น ยืนอย่างสงบเงียบอยู่ด้านหน้าประตู ได้ยินเสียงหัวเราะขวยเขินของเย่เซียงหูดังออกมาเข้าหูตลอดเวลา
ซึ่งทุกคนสามารถล้วนคาดเดาได้ว่าภายในห้องนั้นกำลังเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง เธอแอบกวาดสายตาไปยืนข้างๆเหล่าคนคุ้มกันหน้านิ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าคนคุ้มกันเหล่านี้ล้วนเคยชินกับเรื่องนี้แล้ว
“เฉิน ไม่ชอบละนะ ข้างนอกยังมีคนอยู่เลย” ใบหน้าสวยของเย่เซียงถงแดงก่ำ ปากก็พูดไปเช่นนั้น แต่การกระทำล้ำเส้นไปมาก ขาถูเบาๆบนหว่างขาฉู่เฉินซีตลอดเวลา
นัยน์ตาสีน้ำตาลของฉู่เฉินซีฉายแววขบขัน ค่อยๆบรรจงหยิบคางของเจ้าหล่อนขึ้นมา ถามด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า “แล้วทำแบบนี้มีอย่างที่ไหนจะไม่ยิ่งกระตุ้น”
“ฉันก็แค่ไม่อยากให้ใครมาเห็นนี่นา” เย่เซียงถงค่อยๆ แนบชิดบนเรือนร่างของเขา ปากเล็กๆส่งเสียงน้อย
หลินเวยมี่ขมวดคิ้วย่น หน้าตาไม่สู้สบอารมณ์นัก เห็นชัดเลยว่าเย่เซียงถงไม่แยแสพวกเธอสักนิด ตั้งใจเมินเฉยกันเห็นๆ
“เซียงถง พวกฉันเข้าไปละนะ”
เธอพูดจบโดยไม่รอเสียงตอบกลับของเย่เซียงถง ดึงมือเย่หนิงขึ้นมาพากันเดินเข้าไปข้างใน
บนเก้าอี้ เย่เซียงถงกำลังนั่งอยู่บนตัวชายหนุ่ม เสื้อผ้าบนตัวส่วนใหญ่ถูกถอด ผมม้วนไปอยู่ตรงหัวไหล่ เผยให้เห็นช่วงไหล่ขาวเนียน ยั่วให้คิดไปได้ไกล
“ใครอนุญาตให้พวกเธอเข้ามาในนี้?”
เย่เซียงถงตกใจตะโกนเสียงดัง สีหน้าไม่พอใจพลันรีบคว้าเสื้อผ้าข้างๆขึ้นมาใส่
“คุณเย่ พวกเราขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?” หลินเวยมี่มองเธออย่างเงียบๆ แอบมีความยิ้มเยาะซ่อนอยู่ในตา เย่เซียงถงคือผู้หญิงที่นับว่าเป็นหญิงสาวอันขาวสะอาดบริสุทธิ์มาตลอด ไม่ใช่สิ่งที่เธอกำลังเห็นอยู่ตอนนี้
เย่เซียงถงคิดจะลุกออกจากตัวฉู่เฉินซี แต่กลับถูกเขาดึงลงมา ทำให้ล้มลงมาบนอกเขา ร้องเสียงหลง หน้าแดงแปร๊ด
“เธอไปคุยเถอะ” ฉู่เฉินซีพูดเสียงเรียบ เหยียดมือเข้าไปจับที่เสื้อของเย่เซียงถง
หลินเวยมี่เบิกตาโพลง ตอนแรกมีเย่เซียงถงบังอยู่เธอเลยไม่เห็นเขา ตอนนี้เห็นชัดแจ้ง ตาหลุบต่ำด้วยความตกใจได้ชั่วครู่ก็กลายเป็นความหยามเหยียด
“คุณเย่คะ เรื่องชุดนั้นฉันขอโทษจริงๆค่ะ แต่ฉันไม่ได้เป็นคนทำมันพังจริงๆ” เย่หนิงเอ่ยขึ้นพลางก้มหัวต่ำด้วยความขลาดกลัว
“เฮอะ มีคนเห็นชัดว่าเธอนั่นแหละเป็นคนทำพัง และฉันก็เรียกทนายเรียบร้อยแล้ว เธอเตรียมตัวรอหมายศาลเถอะ!” เย่เซียงถงตอบกลับด้วยความไม่พอใจ พลางปรายตามองไปที่ทั้งสองคนอย่างโกรธเคือง
เย่หนิงมือไม้อ่อนไปชั่วขณะ ตาแดงก่ำหันไปหาหลินเวยมี่
หลินเวยมี่ขมวดคิ้วเพ่งมองไปยังคนสองคนที่กำลังกอดรัดอยู่ด้วยกัน สายตาบ่งบอกความสะอิดสะเอียน แต่ฉู่เฉินซีผู้ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำเพียงแค่นยิ้มพลางใช้สายตาประเมินหล่อน
“พวกเราจะชดใช้เอง! เธอต้องการเงินเท่าไหร่?” หลินเวยมี่กัดฟันแน่น ถามออกไป
เย่เซียงถงยิ้มเยาะผ่านดวงตา ริมฝีปากแดงตวัดขึ้น “ลำพังตัวเธอเนี่ยนะ? จะจ่ายไหวเหรอ?”
“ฉันจ่ายไม่ไหวหรอก แต่ผู้ชายคนที่อยู่ข้างเธอน่ะจ่ายไหวแน่” หลินเวยมี่พูดเสียงค่อย เห็นแค่ฉู่เฉินซียกคิ้วสูง ฝ่ามือก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ถ้าครั้งนี้ฉู่เฉินซีบอกว่าไม่รู้จักเธอขึ้นมา เธอก็คงไม่รู้จะใช้วิธีไหนแล้ว
“หืม? ตัวฉันไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องของเธอด้วย” ฉู่เฉินซียิ้มอ่อน ไม่เปิดปากพูดอะไรต่อพลางมองไปที่ใบหน้าแดงก่ำ ในใจตั้งตารออยากจะรู้จริงๆว่าผู้หญิงคนนี้จะตอบกลับว่าอะไร
หลินเวยมี่พูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง จ้องมองเขาอย่างเกลียดชัง แต่ท่าทีของเขากลับราบเรียบ ลึกลงไปนัยน์ตาของเขายิ่งมองไม่เห็นความรู้สึกสั่นไหวใดๆ เธอจึงดึงมือเย่หนิงหมุนตัวเดินกลับออกไป เธอไม่ควรไปขอร้องฉู่เฉินซีเลย!
แล้วผู้ชายคนนั้นจะมาช่วยเธอทำไม? มิหนำซ้ำเขาจะมองเธอเป็นแค่เรื่องตลกในชีวิตเขาซะอีก ช่างน่าอดสูเสียจริง แต่เธอก็ยังหวังคิดอย่างลมๆแล้งๆว่าเขาน่าจะพูดอะไรออกมาบ้างก็ยังดี
เธอนี่ช่างเป็นคนโง่เสียจริง ฉู่เฉินซีไม่ได้แม้แต่จะตอบอะไรกลับมา แล้วทำไมเธอถึงต้องไปขอร้องเขาด้วย!
หลินเวยมี่เดินอย่างเร็วพลางย่นคิ้วมาตลอดทาง เย่หนิงที่ยังตื่นตกใจอยู่ด้านหลังก็พลันดึงมือเธอ
“เวยมี่ ฉันนึกออกแล้ว ผู้ชายคนนั้น เขาไม่ใช่…?”เย่หนิงเบิกตาโพลงด้วยความตื่นตะลึงไปยังหลินเวยมี่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ถูกแล้ว เป็นเขานั่นแหละ” หลินเวยมี่พยักหน้าด้วยความหดหู่ใจ
“ฉู่เฉินซี ผู้ที่สวรรค์ส่งลงมาเกิด ชายผู้ซึ่งยืนอยู่บนยอดสุดของพีระมิด เป็นคุณชายของตระกูลฉู่ที่มีอำนาจมากที่สุด อำนาจของเขาเหลือล้นจนหาที่สิ้นสุดไม่ได้ แค่เขาไอออกมากระแอมเดียว เมือง Aทั้งเมืองถึงกับสั่น นอกจากนี้ไม่ว่าจะสายขาวสายดำเขาก็เผชิญหน้ามาหมดแล้ว” เย่หนิงพูดพร้อมเบิกตากว้าง
หลินเวยมี่ไม่พูดอะไรไปครึ่งค่อนวัน ส่วนมากตอบกลับไม่ไหว นี่เป็นครั้งแรกของเธอที่ได้ยินจากปากของผู้อื่นว่าฉู่เฉินซีมีอิทธิพลมากมายเพียงใด
ผู้ชายคนนี้มีอำนาจมากขนาดนั้นเลยหรอ? ทำไมเธอถึงไม่เคยรู้มาก่อน คิดพลางขมวดคิ้วย่น หรืออาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้ให้ความสนใจในด้านนี้ของเขา ซึ่งมันใช่ธุระของเธอซะที่ไหนกัน!
“มิน่าเล่าทั้งเย่เซียงถงหรือเหล่าดาราหนังค่อนวงการล้วนอยากกระโจนใส่เขา เป็นผู้ชายไม่เหมือนใครอย่างนี้นี่เอง” เธอพูดด้วยใบหน้าแดง ไม่มีแล้วเค้าความหวาดกลัวเมื่อครู่