บทที่ 16 ทำผิดก็ต้องได้รับโทษ
กู้จุนเฟิงมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ตรงข้าม เม้มปากบางๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แววตาแสดงถึงการต่อสู้และความเจ็บปวด
“เสี่ยวจื๋อ ฉันคือเวยมี่” หลินเวยมี่ยื่นมือไปจับโซ่ที่ข้อมือของเขา พร้อมกับน้ำตาที่มุมตา เป็นโซ่เส้นนั้นจริงๆ เธอจำได้ ใช่มันจริงๆ!
เธอตกใจและประหลาดใจมาก เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้เจอกับเพื่อนเมื่อสิบปีก่อน อีกทั้งเขายังเป็นคนที่มีความสำคัญกับเธอเป็นอย่างมาก
“เรื่องสมัยก่อนฉันจำไม่ค่อยได้แล้ว” กู้จุนเฟิงพูดอย่างเฉยเมย แล้วรีบเก็บโซ่เส้นนั้นไป “แต่ว่าโซ่เส้นนี้อยู่กับฉันมาหลายปีแล้ว”
หลินเวยมี่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นความผิดหวัง ได้แต่พยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย เสี่ยวจื๋อคงไม่อยากเจอเธอใช่ไหม?
จริงๆ แล้วก็ไม่ได้เจอกันมาตั้งสิบปี ตอนจากลาก็ไม่ได้ร่ำลากัน
“ตอนนี้ใช้ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง?” กู้จุนเฟิงดื่มกาแฟ แล้วถามตามมารยาท
“ทุกข์ทรมานจริงๆ ที่บ้านบังคับให้แต่งงาน” หลินเวยมี่ยกมุมปากขึ้น พร้อมกับใบหน้าที่เศร้าโศก ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้กล้วพูดออกไปกับกู้จุนเฟิงแบบนั้น เหมือนกับว่าเมื่อได้รู้ว่าเขาคือเสี่ยวจื๋อ เธอก็ไม่ได้ระมัดระวังตัวเลย?
คนที่ทำให้เธอเชื่อใจมีไม่มาก และเสี่ยวจื๋อก็เป็นหนึ่งในนั้น
“หาคู่หมายได้หรือยัง?” เขามองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ตรงข้างอย่างลึกซึ้ง แต่ก็ยังแฝงด้วยความเย็นชาที่ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้
“ไม่มี” หลินเวยมี่ แววตาของเธอเศร้าลง ถ้าเกิดว่าง่ายขนาดนั้นก็ดี เธอไม่อยากคิดในด้านลบกับตัวเอง แต่ด้านน้าหรานก็ต้องมาจัดการเธออีก ที่เกลียดที่สุดก็คือการมีอยู่ของฉู่เฉินซี
อย่างน้อยที่สุดเธอต้องหาคู่แข่งที่แข็งแกร่งพอ ไม่ให้เหมือนกับคุณชายเฉิน ยังไม่ทันทำอะไรก็ถูกฉู่เฉินซีจัดการแล้ว
มองไปที่ผู้ชายที่กำลังจิบกาแฟอยู่สบายๆนั้น แววตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมาทันที แล้วรีบถามเขาไปว่า “เสี่ยวจื๋อ เธอช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?”
“อะไร?” กู้จุนเฟิงเงยหน้ามองผู้หญิงที่อยู่ตรงข้ามที่ใบหน้าแฝงด้วยรอยยิ้ม
“เธอแกล้งเป็นแฟนฉันหน่อยได้ไหม? ช่วยฉันข้ามอุปสรรคนี้ไปหน่อย” หลินเวยมี่ทำหน้าขอร้องเขา
กู้จุนเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเขายิ่งเย็นชาขึ้น พร้อมกับยิ้มเบาๆแล้วพยักหน้า “โอเค ฉันจะช่วยเธอ”
ทั้งหมดเหมือนจะเริ่มขึ้นแล้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา ทุกคนจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองกระทำไว้ แม้กระทั่งผู้หญิงที่อยู่ตรงข้ามเขา
ห้องรับแขกในบ้านตระกูลหลินเงียบสงบ หลินจ่านหงทำหน้านิ่งใส่กู้จุนเฟิงที่อยู่ตรงข้าม บรรยากาศในขณะนั้นละเอียดมาก
หลินเวยมี่เงยหน้ามองไปที่หลินจ่านหงอย่างไม่ตั้งใจ มีเรื่องที่เธอไม่เข้าใจ กู้จุนเฟิงไม่ว่าจะมองมุมไหน ก็ดูเป็นผู้ชายสมบูรณ์แบบ ทำไมหลินจ่านหงดูเหมือนจะไม่ชอบเขา?
กู้จุนเฟิงมีรอยยิ้มเบาๆอยู่บนใบหน้าตลอด ไม่ได้ถูกใบหน้าที่ไม่ต้อนรับของหลินจ่านหงทำให้รอยยิ้มจางหายไปเลย
“คุณลุง ผมจริงใจกับเวยมี่จริงๆ อยากให้คุณยอมรับ” เขาพูดจบ ยังไม่ทันที่หลินจ่านหงจะตอบ ก็มีเสียงดังเพล้งดังขึ้นมาดึงความสนใจของทุกคนไป ทุกคนต่างหันไปมองที่บันได
หลินซินหยานที่ยืนอย่างละอายตรงเชิงบันได ที่ปลายเท้าของเธอคือถ้วยน้ำชาที่แตกกระจาย กู้จุนเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเดินตรงเข้าไปหา ดูว่าเท้าของหลินซินหยานถูกน้ำร้อนลวกหรือเปล่า
“คุณหนู เท้าของคุณถูกน้ำร้อนลวกแล้ว รีบไปแช่น้ำเย็นดีกว่า” เสียงที่นุ่มนวล รอยยิ้มที่อ่อนโยน เขาพูดขึ้นมาเบาๆ อย่างใส่ใจ
สีหน้าของหลินซินหยานอ้ำอึ้งเล็กน้อย ก็จะพยักหน้า “ขอโทษค่ะ”
พูดจบเธอก็รีบวิ่งเข้าไปในห้อง ในขณะที่หลินจ่านหงยังคงมีสีหน้าไม่พอใจ
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่เห็นด้วย! คุณชายกู้ เชิญกลับไป!” หลินจ่านหงปฏิเสธกลับไป พร้อมสีหน้าที่ไม่ดี
“พ่อ เมื่อวานยังบอกให้ฉันเรียกเขามา ทำไมตอนนี้ถึง…”
“โอ้ เวยมี่หาคู่อีกหรอ?” เสียงเยาะเย้ยดังขึ้น ฉู่เฉินซีขัดจังหวะหลินเวยมี่ได้สำเร็จ ก็ไปนั่งบนโซฟา
“ฉันเป็นแฟนของเวยมี่” ไม่ทันที่หลินเวยมี่จะตอบ กู้จุนเฟิงก็หันไปตอบอย่างดุดัน พร้อมกับรอยยิ้มอย่างมั่นใจ ตอนนี้ราวกับว่ามีไฟลุกขึ้นมาระหว่างสายตาของพวกเขา
“โอ้? เวยมี่ใช่ไหม?” เขามองไปที่หลินเวยมี่อย่างขุ่นเคือง ตอนแรกเขาควรจะคิดได้! หลินเวยมี่ต้องไปหากู้จุนเฟิง เธอไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ
ผู้หญิงคนนี้ ขาดการอบรมสั่งสอนจริงๆ! เขากำหมัดไว้แน่น ความโกรธแทบจะพุ่งออกมา แต่ว่าภายนอกยังคงดูสงบนิ่ง
หงินเวยมี่มองอย่างเย็นชาใส่ฉู่เฉินซี พร้อมกับตอบอย่างท้าทาย “แน่นอน เขาคือแฟนของฉัน”
เขาไม่ยอมร่วมมือด้วยเอง เธอก็ต้องหาคนอื่น เป็นเพราะเขาไม่เห็นด้วยเอง ตอนนี้มีสิทธิ์์อะไรมาสั่งการเธอ?
“ฉันไม่เห็นด้วย! พวกเธอหลังจากนี้ห้ามพบเจอกันอีก!” หลินจ่านหงพูดอย่างเย็นชาแล้วเดินขึ้นตกไปอย่างขุ่นเคือง
หลินเวยมี่กระตุกมุมปาก พร้อมกับความรู้สึกที่ไม่มีทางสู้ ตอนแรกเป็นเขาที่อยากจะให้เธอหมั้นหมาย ตอนนี้เธอหาผู้ชายมาแล้ว เขากลับไม่เห็นด้วย เขาคิดอะไรอยู่?
“ดูเหมือนว่าคุณลุงจะไม่ชอบฉัน” กู้จุ้นเฟิงพูดขึ้นอย่างไม่หวาดหวั่น
หลินเวยมี่พยักหน้า “สบายใจได้ ฉันจะพยายามโน้มน้าวคุณพ่อเอง เสี่ยวจื๋อ วันนี้ขอบคุณมากที่มา”
“ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อน” กู้จุนเฟิงลุกขึ้นยืน พร้อมกับมองไปที่ฉู่เฉินซีอย่างเย้ยหยัน แล้วเดินออกไป
“ฉันไปส่งคุณ”
ฉู่เฉินซีมองทั้งคู่ที่หายไปจากประตู ก็ยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น
หลังจากนั้นไม่นาน หลินเวยมี่กลับมาที่บ้าน มองไปที่ผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟาครู่หนึ่ง ก็เดินเบะปากขึ้นตึกไป
“ไม่คิดเลยว่า เธอสามารถล่อลวงผู้ชายได้ ยังไม่ทันจะถึงครึ่งวัน ก็ได้กู้จุนเฟิงมา” เสียงเยาะเย้ยของฉู่เฉินซีดังขึ้นมา
หลินเวยมี่ หันกลับมา พร้อมกลับทำหน้าไร้อารมณ์มองไปที่เขา “คุณอา พูดแบบนี้ได้อย่างไร? ฉันแค่รู้จักกันแบบเพื่อน”
ฉุ่เฉินซีทำหน้าเย็นชาพร้อมกับเดินเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้มที่กระหายเลือด “ใช่หรอ? แค่เพื่อนกัน ปกติแค่ไหน? ทำความรู้จักไปถึงบนเตียงหรือยัง?”
“คนต่ำช้า! คุณคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนคุณที่ไร้ยางอายงั้นหรอ?” หลินเวยมี่ สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป ปฏิเสธอย่างไม่ใยดี ขณะที่เท้าของเธอเริ่มอ่อนแรงเพราะฉู่เฉินซีที่เข้ามาใกล้
“กับเธอถือว่าไร้ยางอาย ถ้าอย่างนั้นอะไรถึงจะเรียกว่ามียางอาย? ผู้หญิง เธอกับปกป้องเขางั้นหรอ? อืม?” ฉู่เฉินซีเอามือพิงกำแพง แล้วโอบตัวเธอเข้ามากอด เธอสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกจากตัวเขา
หลินเวยมี่
เธอหรี่ตาลง ไม่ยอมแสดงให้เขาเห็นถึงความอ่อนแอ มองไปที่ดวงตาสีน้ำตาลที่ดูเย็นชาของเขา “ปกป้องแฟนผิดตรงไหน?”
“ผู้หญิงบ้า!” สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปจนดูไม่ได้ เขาจับคางของเธอไว้อย่างโหดร้าย แล้วยกคางของเธอขึ้น สบไปที่ตาเธอ
“จำไว้ เธอเป็นผู้หญิงของฉัน ผู้ชายคนอื่นอย่าคิดจะมาสัมผัส”
“น่าหัวเราะสิ้นดี! ฉันชอบใครฉันยอมให้ คุณควบคุมได้หรอ?” หลินเวยมี่คาดไม่ถึงเลยว่า ฉู่เฉินซีจะแข็งแรงขนาดนี้
“เธอลองดูสิ!” แรงที่มือของเขาหนักขึ้นเรื่อยๆ สีหน้ายิ่งดูไม่ดีขึ้น ราวกับว่าจะฉีกเธอออกเป็นชิ้นๆ
หลินเวยมี่
ตอนนี้หน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง เจ็บจนตาของเธอพร่ามัวราวกับมีน้ำค้างแข็งและหมอกมาบดบัง แต่เธอก็พยายามยืนหยัดมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความเกลียดชัง
“เฉิน พวกเธอทำอะไร?” เสียงคำถามดังขึ้น น้าหรานยืนอยู่ที่หน้าประตู เพราะว่าจากมุมของเธอแล้วสามารถมองเห็นได้แค่ว่ามีคนอยู่ที่ใต้บันได แต่มองไม่เห็นว่าทำอะไรอยู่
“ไม่มีอะไร บนผมของหลานสาวมีใบไม้ติดอยู่ ฉันก็เลยจะช่วยจัดการให้” ขณะนั้นเองฉู่เฉินซีกลับมานิ่งสงบอีกครั้ง พร้อมกับหัวเราะอย่างสนุกสนาน ราวกับว่าความเย็นชาเมื่อครู่เป็นแค่ความฝัน
หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้น มองไปที่ดวงตาของฉู่เฉินซี เห็นชัดเลยว่าสักครู่เขาที่แววตาเจ้าเล่ห์ ราวกับจิ้งจอก
“ผู้หญิง จำไว้ ทำผิดก็ต้องได้รับโทษ รอการลงโทษของฉันได้เลย”
เขาโน้มตัวเข้าหาเธอ หายใจเข้าออกเบาๆ ที่หูของเธอและส่งผ่านข้อความเย็นชาเหล่านั้นเพื่อคุกคามเธอทีละคำๆ ไปที่หูของเธอ