บทที่ 28 อย่าทิ้งฉันไป(2)
“เจ้านาย” ด้านนอกประตู หยิ่งเอ่ยปาก
ฉู่เฉินซีกวาดสายตามองไปที่เธออย่างข่มขู่ เอ่ยเสียงเรียบ “รออยู่ที่นี่ ห้ามเดินไปไหน อย่าโดนน้ำ จำไว้ด้วย”
“ไม่จำ!” หลินเวยมี่โต้กลับอย่างไม่ยอมทำตาม จะทำตรงกันข้ามกับเขา
“ไม่จำ? ถ้าอย่างนั้นฉันอยู่ที่นี่สอนเธอว่าจำยังไงดีไหม?” เขายกมุมปากยิ้มอย่างชั่วร้ายสายตาหลุกหลิกมองไปที่เธอ
เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกลียดชัง จิตใต้สำนึกหดตัว รีบร้อนปั้นหน้ายิ้ม “ฉันจำได้แล้ว ลุง ลุงไปทำธุระเถอะ”
ฉู่เฉินซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยัยผู้หญิงคนนี้! ถึงแม้ใบหน้าจะอ่อนลงแล้ว กลับได้ยินคำที่เรียก ว่า‘ลุง’ถึงกับสำลัก ผู้หญิงคนนี้สมควรตาย ชัดแจ้งแล้วว่าเขาถูกยั่วยุ
เขาขมวดคิ้วย่น ไม่สนใจเธออีก เอาแต่เดินออกไปกับหยิ่ง
“รอเดี๋ยว กู้จุนเฟิง….” เธอไม่ได้พูดต่อ แต่ท่าทีก็บอกทุกอย่างได้ชัดแจ้ง ว่าเธอเป็นห่วงกู้จุนเฟิง
ฉู่เฉินซีหันหน้ากลับไป มองดูใบหน้าเธอ เหมือนปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง
“คุณหนูหลิน ท่านนายกเทศมนตรีไม่เป็นอะไร” หยิ่งมองเห็นฉู่เฉินซีสีหน้าไม่สู้ดี จึงรีบตอบแทนเขา ใช้สายตามองไปที่ตัวเขาทันที
ฉู่เฉินซีฮึดฮัดเสียงเย็น รีบเดินออกไปจากหน้าประตู
หลินเวยมี่ได้ยินว่ากู้จุนเฟิงไม่เป็นอะไร ใจก็สงบขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะผ่อนคลายออกมาเฮือกหนึ่ง พิงตัวที่เตียงใหญ่ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่กลับพบว่าโทรศัพท์ของเธอปิดอยู่
เธอตื่นตัว เมื่อคืนทั้งคืนไม่ได้กลับไป หลินจ่านหงจะคิดยังไง? เธอรีบต่อสายหาหลินจ่านหง สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ห้องเงียบจนได้ยินเสียงใจเธอเต้น
โทรไปสายไม่ว่าง โทรไม่ติดเลย เธอคลายตัวขึ้นนิดหนึ่ง เอาโทรศัพท์ไปวางไว้อีกด้าน นั่งในห้องไม่ติดแล้ว เธอย้ายตัวเองไปข้างนอก
เปิดประตูห้อง ยื่นหัวออกไปสำรวจด้านนอก ตรวจตราดีแล้วว่าไม่มีคน เธอจึงเดินออกไปด้านนอก
คฤหาสน์ใหญ่มาก เธอจับขอบบันไดเดินลงไปข้างล่าง
“โฮ่ง!” เสียงเรียกดังขึ้นมา เธอไม่ทันได้ขานรับ ทั้งตัวก็ถูกแรงชน ขาปุกปุยตรงเข้าไปที่อกเธอ
เธอเบิกตาโพลง มองเห็นหมาตัวใหญ่อยู่ใกล้เธอมาก จนแม้แต่การหายใจก็ลืมไปแล้ว
“โฮ่ง!” ตาหมาใหญ่ดุร้าย คล้ายกับจะขย้ำเธอ จมูกขยับตลอดเวลา
หลินเวยมี่ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ อยู่กับหมาไปแบบนั้น เพ่งมองตาหมาที่ยิ่งฉายแววจะขย้ำเธอ
“สวิ่นเหิน มานี่”
เกือบจะเป็นเวลาเดียวกัน หมาใหญ่ที่อยู่บนตัวเธอ รีบวิ่งไปอีกทางหนึ่ง เธออึ้งไปชั่วขณะ ทรุดนั่งที่พื้นด้วยความงงงวย มองไปยังฉู่เฉินซีที่อยู่ตรงข้าม
เขาลูบหัวหมาใหญ่เบาๆ เมื่อครู่เขาสั่งให้หมาใหญ่มาอยู่ข้างตัวเขา กลับกลายเป็นแมวน้อยน่าเอ็นดูได้อย่างง่ายดาย
หลินเวยมี่มองหมาใหญ่ทั้งตัวชัดๆ มันตัวใหญ่พอๆกับสิงโต ตัวขาวเหมือนหิมะ มิน่าเล่าถึงชื่อสวิ่นเหิน ทั้งตัวไม่มีสีอื่นเจือปนเลยนอกจากสีขาว
“ฉู่เฉินซี! คุณตั้งใจปล่อยออกมาทำให้ฉันกลัวใช่ไหม?” หลินเวยมี่คลานขึ้นมาจากพื้น แผดเสียงด้วยความโมโห ถือโอกาสลูบไปมาที่หัวใจ เมื่อครู่เธอโดนหมาตัวนี้ทำให้กลัวไปแล้ว
สวิ่นเหินเหมือนฟังออกว่าเธอพูดไม่ดีกับฉู่เฉินซี สายตาดุร้ายจ้องมายังเธอ ทำเสียงขู่
“เมื่อครู่ฉันเตือนเธอแล้ว ให้อยู่แต่ในห้อง เธอไม่ฟังคำพูดฉัน”“ฉู่เฉินซีเอ่ยในขณะที่ลูบหัวสวิ่นเหิน เอ่ยเสียงเรียบ
หลินเวยมี่ยกมุมปากขึ้น เหมือนเมื่อครู่เขาพูดแค่ว่าเธออย่าออกมาจากห้อง แต่เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่ามีหมาใหญ่อย่างนี้อยู่
“ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรว่ามีหมาอยู่ ก็พูดสิว่ามีหมาเลี้ยงไว้ที่ห้อง” หลินเวยมี่บ่นพึมพำด้วยความไม่พอใจ
“โฮ่ง!” สวิ่นเหินจ้องหลินเวยมี่ตาเป็นมัน เหมือนอยากจะกระโจนเข้าใส่หลินเวยมี่เต็มทน
จิตใต้สำนึกสั่งให้หลินเวยมี่ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เอ่ยปากสั่น “ฉู่เฉินซี คุณเอามันไปไว้ที่อื่นไป คุณจะให้มันกัดฉันหรือไง?”
หน้าของฉู่เฉินซียิ้มเยาะอีก ลูบที่หัวสวิ่นเหินเบาๆ “เข้าไป”
สวิ่นเหินรีบขานรับฉู่เฉินซี เดินอย่างเชื่อฟังผ่านหลินเวยมี่ มองหลินเวยมี่อย่างตื่นตัวแวบหนึ่ง จึงเดินลงไปข้างล่าง
หลินเวยมี่คลายตัวด้วยความโล่งใจ ได้กลิ่นสดชื่นลอยมาปะทะจมูก หันหน้าไปเจอกับใบหน้ายิ้มของฉู่เฉินซี
“ไม่รู้เลยว่าเธอเป็นคนว่านอนสอนง่ายตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาโค้งตัวลงไปปัดฝุ่นที่กางเกงเธอให้สะอาดเบาๆ “อยากกินอะไร?”
เธอมึนงงไปชั่วขณะหนึ่ง แต่เพียงครู่เดียวก็มีสติกลับมา ตาจิ้งจอกเฒ่าอ่อนโยนกับเธอเช่นนี้?เป็นเรื่องไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยจริงๆ! ถ้าเขาทรมานเธอขึ้นมาอีกเล่า?
ทั้งร่างสั่นไหว รีบหดตัวมาด้านหลังหน่อยหนึ่ง สะบัดมือเขาออก มองเขาอย่างตื่นตัว “คุณคิดจะทำอะไรอีก?”
ฉู่เฉินซีกวาดสายตาเย้ยหยันไปที่เธอ เอ่ยเสียงเรียบ “กินแค่ข้าวนี่ต้องทำอะไรด้วยหรือไง”