บทที่ 27 อย่าทิ้งฉันไป(1)
หลินเวยมี่มองไปยังนัยน์ตาของเขาที่หรี่ลงเล็กน้อย เธอสั่นไปทั้งร่างด้วยความโกรธ เสื้อผ้าที่เปียกชุ่มก็ยิ่งเพิ่มความหนาวเข้าไปอีก
“หลินเวยมี่ เธอลองดู ดูว่าจะสามารถหนีไปจากฉันได้มั้ย” เขาเอ่ยเสียงเย็น ใช้มือใหญ่ออกแรงดึง จนเสื้อผ้าของเธอถูกดึงลงมา ใช้แรงกดเธอไว้ใต้ร่าง
บนเก้าอี้หวาย หลินเวยมี่เบิกตากว้างจ้องไปที่เขา ความหวาดกลัวเมื่อครู่ได้หายไปหมดแล้วหลับตาลงทันที
เขาพรมจูบลงบนร่าง กดทับตัวเธอเอาไว้ แม้แต่เป็นแบบนี้ เธอยังสามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์โกรธของเขา
ฉู่เฉินซีมองหลินเวยมี่ที่มีท่าทีเย็นชา หน้าเสียไปหน่อยหนึ่ง ความรู้สึกหมดแรงถาโถม คล้ายกับกำปั้นทุบต้นฝ้าย
ในฉับพลันนั้น อารมณ์เขาหายไปหมดแล้ว มองดูใบหน้าเล็กอันเรียบเฉยของเธอ ก็ถอนใจลึกออกมาเฮือกหนึ่ง
หลินเวยมี่รู้สึกฉงนใจ เปิดตาขึ้นเล็กน้อย สัมผัสเข้ากับดวงตาอันลุ่มลึกของเขาพอดี แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกจำใจ เหมือนตกอยู่ในภาวะจำยอม
“หัวเข่าของเธอ….”ฉู่เฉินซีย่นคิ้ว โอบเอวเธอขึ้นมา สาวเท้าเดินเข้าไปยังคฤหาสน์
ภายในคฤหาสน์ ฉู่เฉินซีถอดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นของเธอทั้งหมดออก ถือโอกาสหยิบผ้าสีชมพูมาพันตัวเธอไว้ สายตาสำรวจอย่างละเอียดไปที่แผลบนหัวเข่าของเธอ
“ได้มายังไงนี่?” แววตาสีน้ำตาลอันลุ่มลึกคู่นั้นมองไปที่แผลของเธอ กู้จุนเฟิงไม่น่าจะเป็นคนทำร้ายเธอ แต่เธอก็ออกไปข้างนอกแค่ห้าชั่วโมงได้ ในห้าชั่วโมงนี้ยังมีเรื่องที่เขาไม่รู้ด้วยหรือ?
“รถมอเตอร์ไซค์น่ะ” หลินเวยมี่พูดด้วยอารมณ์ไม่ดี หันใบหน้าเล็กขรึมไปอีกทางหนึ่ง ใช้แรงดึงผ้าห่มที่คลุมร่าง
“รถมอเตอร์ไซค์? รถมอเตอร์ไซค์อะไร?” ฉู่เฉินซีขมวดคิ้วย่น สีหน้าฉงน แต่เธอเพิ่งห่างกายเขาเป็นเวลาสั้นๆ เกือบจะโดนรถชนเลยหรอ?
“ฉู่เฉินซี พูดกับฉันให้ชัดเจนได้ไหม คุณทำอะไรกู้จุนเฟิง” หลินเวยมี่ตีหน้าขรึม ถามด้วยความจริงจัง
หน้าของเขาอึมครึมภายในชั่วพริบตาเดียว ผู้หญิงคนนี้ คิดไม่ถึงว่ายังไม่ลืมเรื่องของกู้จุนเฟิงในเวลาแบบนี้? ดูเหมือนความสัมพันธ์ของพวกเขาจะไม่ธรรมดา? แต่ ทำไมพอคิดถึงตรงนี้ เขารู้สึกเจ็บแน่นที่อก?
“ถ้าเธออยากให้เขายังอยู่ดี ก็สงบใจแล้วอยู่กับฉัน” เขาเอ่ยเสียงเย็น ลุกขึ้นด้วยความโกรธเดินออกไป เสียงถีบประตูดัง
สีหน้าของหลินเวยมี่เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ในใจอดสบประมาทเขาไม่ได้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนง่ายเช่นเดียวกัน เดี๋ยวอึมครึมเดี๋ยวก็สดใส
เธอมองไปรอบด้าน นี่คือห้องนอนที่ใหญ่มากห้องหนึ่ง ทั้งห้องเป็นสีน้ำเงิน โดยเฉพาะที่ผนังมีรูปของเขาแขวนอยู่
หลงตัวเองจริงๆ เธอพ่นเสียงออกจมูก เชิดปากขึ้น ก้มหัวลงไปดูแผลที่หัวเข่า เพราะไปแช่น้ำมา ดังนั้นที่แผลจึงไม่มีเลือดออกแล้ว เหลือแค่ผิวเผินด้านนอก
เธอรีบหันหน้ากลับไป อยากจะเดินลากขาไปเข้าห้องอาบน้ำ เสียงประตูห้องนอนเปิดออก ฉู่เฉินซีเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องยา
“เธอจะไปไหน? กลับไปนั่ง!” ฉู่เฉินซีออกคำสั่ง เอี้ยวตัวไปหยิบกล่องยา
“ฉันอยากไปอาบน้ำสักหน่อย” หลินเวยมี่ตอบอย่างไม่พอใจ ไม่สนใจคำสั่งของเขาพลางเดินไปที่ห้องอาบน้ำ
“เธอนี่มันสมควรตาย! พูดไม่ฟังอีก!”
เธอพยายามดิ้นรนจะขึ้นมา ฉู่เฉินซีเดินเข้าไปใกล้ รับเธอเอาไว้ด้านหน้า หลินเวยมี่กลั้นหายใจทันที เกือบจะสามารถรับรู้ถึงกลิ่นลมหายใจร้อนของเขา
“ห้ามขยับ ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น ” เขาเอ่ยปากออกคำสั่ง มองเธอไม่ละสายตา
หลินเวยมี่จ้องเขาอย่างงงงวย จากนัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นที่มองมายังใบหน้าอันเซ่อซ่าของเธอ
“ฉู่เฉินซี…..”
“ฉันบอกว่าอย่าขยับ” ฉู่เฉินซียิ้มที่มุมปาก รีบจูบเบาๆหนึ่งที
ระเบิดลง หลินเวยมี่หน้าแดงไปจนถึงก้านคอ จ้องด้วยความโกรธ “คนเลว! ขโมยจูบฉันอีกละนะ!”
“เธอพูดอีกสิ ฉันจะได้จูบเธออีก.” สีหน้าเขายั่วเย้า มือเย็นจับที่ริมฝีปากเธอ ก้มหัวลง ลงไปใส่ยาให้เธออย่างเงอะงะ
หลินเวยมี่จ้องเขาด้วยความโมโห แต่กลับไม่กล้าระบายอารมณ์ออกมา ใช้แรงกำมือแน่น หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง
“ไปตายซะ นี่มันคือยาฆ่าเชื้อหรือเปล่า” ฉู่เฉินซีย่นคิ้วพลางสาปแช่ง
หลินเวยมี่ได้ยินเสียงที่ไม่แน่ใจของเขาก็ตื่นตกใจในทันที ใบหน้าว้าวุ่น “นี่ คุณไม่ควรให้ยาฆ่าเชื้อกับฉันนะ”
“ได้ฉันคุณชายฉู่มาใส่ยาให้เธอนี่นับว่าเธอโชคดีแค่ไหน ยังจะว่าฉันวางยา มันคือความโชคดีของเธอต่างหาก” ฉู่เฉินซียักคิ้ว ยกมุมปาก หัวเราะพลางพูด
“เฮอะ ฉันก็จะได้กลายเป็นผี แล้วก็ทิ้งคุณไปไม่ได้!” หลินเวยมี่กัดฟันไปมองไปยังผู้ชายที่นั่งยองๆอยู่ตรงหน้าเธอ
ฉู่เฉินซียิ่งหัวเราะหนักขึ้น “ก็ดีไง อย่าทิ้งฉันไป”
“ขี้เกียจยุ่งกับคุณแล้ว!” หลินเวยมี่หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง พูดอย่างไม่พอใจ
ฉู่เฉินซีไม่พูดอะไร ใช้สำลีเช็ดแผลให้เธออย่างเงียบๆ ดูตั้งใจมาก ราวกับกำลังนั่งทำพิธีกรรมอันศักด์สิทธิ์์อยู่
“นายท่าน…” หยิ่งเดินเข้ามาที่หน้าประตู เมื่อเห็นฉู่เฉินซีทำแบบนั้น เขาที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ กลับแสดงความประหลาดใจออกมาผ่านสีหน้า
ฉู่เฉินซีถูกผู้คนประคบประหงมตั้งแต่เล็ก เมื่อไรกันที่เขาทำเรื่องแบบนี้ให้กับคนอื่น? คิดมาถึงตรงนี้ เขาเงยหน้าขึ้น ใช้สายตามองไปยังหลินเวยมี่ มีท่าทีประทับใจ ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
เมื่อฉู่เฉินซีพันแผลให้เธอเสร็จแล้ว พันด้วยผ้าพันแผล เขาคลายตัวออกมาเฮือกหนึ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ
หลินเวยมี่ก้มหัวลงไปดูหัวเข่าที่พันด้วยผ้าพันแผล คิดไม่ถึงว่าเขาจะตัดผ้าพันแผลแล้วผูกเป็นโบว์!
“โบว์! ฉู่เฉินซี คุณนี่มันน่าขยะแขยงจริงๆเลยนะ ชอบแต่ผู้หญิงแบบนี้สินะ”
ฉู่เฉินซีไม่ทันคิด ไม่คิดว่าจะได้คำขอบคุณจากหลินเวยมี่ แต่ยังถูกเธอพูดว่าน่าขยะแขยง สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “เป็นผู้หญิงที่ไม่รู้จักเห็นความดีเลย!”