บทที่ 42 ฉันไม่ใช่ออกมาขายนะ(2)
“เปิดดูสิ” เขาพูดพร้อมกับเอากล่องของขวัญยัดไว้ในมือเธอ
หลินเวยมี่มองหน้าเขาหนึ่งครั้ง หัวเราะออกมาแบบแห้งๆ และเอากล่องของขวัญไปวางไว้ที่หน้าเขา “ขอโทษนะ ฉันไม่รับของขวัญจากคุณ”
ในทันใดนั้นฉู่เฉินซีก็รู้สึกงง “ถือว่าเป็นของตอบแทนที่คุณมานอนเป็นเพื่อนผม”
“งั้นฉันยิ่งไม่ต้องการไปใหญ่” เขาเห็นเธอเป็นอะไรกันแน่ ของตอบแทนงั้นหรอ เธอไม่ได้ออกมาขายซักหน่อย
“อ๋อ ไม่เอาค่าตอบแทนด้วย คุณนี่ค่าตัวถูกจริงๆ”
หลินเวยมี่ทำเมิน ได้ยินคำพูดที่เค้าพูดเหน็บแนมแบบนี้ เธอกำหมัดแน่น หยิบเสื้อผ้าขึ้นมา แล้วเดินไปทางห้องอาบน้ำ
“ใส่ต่อหน้าผม คุณไม่สนใจไม่ใช่หรอ จะว่าไปแล้วมีส่วนไหนบ้างที่ผมยังไม่เคยจับ ยังไม่เคยเห็น” เขาหัวเราะเบาๆ และเอานิ้วเคาะไปที่กล่องของขวัญ
“คุณมันผู้ชายไร้ยางอาย คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ไม่ใช่เพราะว่าฉันโดนคุณข่มขืนหรอ” หลินเวยมี่ตาแดงก่ำ และตะโกนใส่เขาเสียงดัง ความเศร้าใจทั้งหมดพรั่งพรูออกมา ทันใดนั้นสายตาของเธอก็เต็มไปด้วยความปวดร้าว
ฉู่เฉินซีรู้สึกงงไปซักพัก เขาแค่ไม่เคยชินกับการที่คนอื่นไม่รับของขวัญจากเขา ดังนั้นก็เลยหยอกเธอ ไม่คิดว่าเธอจะสวนกลับแรงขนาดนี้
“ร้องไห้หรอ” เขาถามเบาๆ
หลินเวยมี่สูดหายใจเข้าลึกๆ เอาความเศร้าทั้งหมดเก็บไว้ในใจ จะอ่อนแอต่อหน้าใครก็ได้ทั้งนั้นยกเว้นอย่าอ่อนแอต่อหน้าฉู่เฉินซี
“ฉู่เฉินซี ฉันก็มีศักดิ์ศรีของฉัน ดังนั้น กรุณารักษาศักดิ์ศรีของฉันด้วย”
เธอยืนหันหลังให้กับเขา เธอถือเสื้อผ้าแล้วตัวของเธอก็สั่น เธอถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกด้วยความโกรธ และใส่เสื้อผ้าต่อหน้าของเขา
ความอับอายที่เขามอบให้เธอในวันนี้ เธอจะต้องเอาคืนทีละนิดทีละนิดจนหมดแน่นอน
ฉู่เฉินซียืนมองดูเธอด้วยความตะลึง ก้นบึงหัวใจของเขาเกิดความสงสารขึ้นมา ผู้หญิงดื้อรั้นคนนี้ไม่ใช่คนที่ไม่แคร์อะไรเลย แต่เธอยังคงต้องการความมีศักดิ์ศรีอยู่ เขาทำเกินขอบเขตไปรึเปล่า
หลินเวยมี่ไม่หันหน้ากลับมาอีกเธอคิดแค่ว่าอยากจะออกไป แต่มือของเธอก็ยังคงถูกดึงเอาไว้อีก
เธอแสดงความรำคาญออกมาทางสายตา และพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณยังมีเรื่องอะไรอีกงั้นหรอ”
ฉู่เฉินซีไม่ได้ตอบอะไร จนเธอรู้สึกได้ว่านิ้วของเธอเย็นๆ เธอหันหน้าไปด้วยแปลกใจ มองเห็นแหวนเพชรที่กำลังถูกสวมบนนิ้วนางของเธอ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
“ฉันไม่เอา” พอพูดจบเธอก็ดึงแหวนออกมาจากนิ้ว เขาจะรู้หรือไม่ว่าการสวมแหวนให้ที่นิ้วนางมันหมายความว่าอย่างไร ถึงอย่างไรโจ่วชิงช๋วนก็สวมแหวนที่นิ้วชี้ให้เธอ
“ของผมให้ไปแล้ว ถ้าคุณไม่เอาก็ทิ้งซะ” เขาหรี่ตามองหน้าเธอ และพูดอย่างเย็นชา
หลินเวยมี่ไม่ลังเลที่จะถอดแหวนออกมากำไว้ในมือ “ได้ นายไม่เอา ฉันก็ไม่เอา”
เธอพูดจบ ก็โยนออกไปทางหน้าตา
เพียงแวบเดียวสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นโศกเศร้า ผู้หญิงคนนี้ท้าทายเขาเก่งจริงๆ
“นายพูดเองหนิ ถ้าฉันไม่อยากได้ก็ให้ทิ้งไป” หลินเวยมี่รู้ตัวว่าผิด เมื่อกี้เธอวู่วามไปหน่อย คิดไม่ถึงว่าจะโยนทิ้งไปแบบนี้
“ไสหัวไป” เขาหรี่ตาลงเหมือนสัตว์ที่ดุร้าย
หลินเวยมี่ตกใจ เธอรีบเปิดประตูอย่างไม่ลังเล ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พูด เธอก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นานกว่านี้แม้แต่วินาทีเดียว
จนกระทั่งเธอปิดประตูลง เธอถึงจะหายใจได้เต็มปอด ไม่ต้องหวาดกลัวอะไรอีกแล้ว
เธอรีบเดินออกไปจากโรงแรม มีคนนึงมาขวางหน้าเธอไว้
“เก็บนี้ไว้ให้ดี ไม่งั้นเจ้านายจะโกรธเอาได้” คนชุดดำยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แบมือของเธอออก ของสิ่งนี้ก็คือแหวนที่เธอโยนออกมาจากหน้าต่างเมื่อกี้นี้
“หาของแบบนี้เจอด้วยหรอ” หลินเวยมี่พูดด้วยความประหลาดใจ “แต่ฉันไม่เอา เอาไปคืนเขาเถอะ”
ตอนนี้เธอไม่อยากจะคุยกับคนที่มีความเกี่ยวข้องกับฉู่เฉินซีเลยแม้แต่คนเดียว อยากจะไปในที่ๆฉู่เฉินซีไม่มีทางหาเธอเจอ เธอเกลียดผู้ชายคนนี้เอามากๆ
“แหวนวงนี้เป็นของที่เจ้านายมอบให้คุณหลิน คุณจะไม่สวมมันก็ได้ แต่ว่าคุณจะไม่รับไว้ไม่ได้เด็ดขาด” หยิ่งยังคงบอกเธอด้วยใบหน้าที่นิ่งๆ
“ขู่ฉันหรอ” หลินเวยมี่ถามด้วยความโกรธ แค่ฉู่เฉินซีคนเดียวเธอก็จะรับไม่ไหวอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีลูกน้องของเขาเพิ่มขึ้นมาอีก นอกจากขู่ก็ทำอะไรไม่เป็นแล้ว
“คุณหลิน ได้โปรดรับไว้เถอะ” พอเขาพูดจบก็เอาแหวนมายัดไว้ในมือเธอ แล้วเดินหันหลังกลับเข้าไปที่โรงแรม
“หุ่นยนต์ นายมันเป็นหุ่นยนต์ของฉู่เฉินซี” หลินเวยมี่ด่าด้วยความโมโห คนรอบๆมองมาที่เธอด้วยสายตาที่แปลกประหลาด
เธอถอนหายใจออกมายาวๆ ก้มมองแหวนที่อยู่ในมือ เพชรที่อยู่บนแหวนเปล่งประกายแสงสีม่วงออกมา มองแวบเดียวมองไม่ออกว่าทำมาจากอะไร
·แต่ว่าแหวนวงนี้ก็สวยอยู่เหมือนกัน เธอเอาแหวนมาสวมลงบนนิ้วของเธอและรีบเดินออกไป
แสงแดดข้างนอกดีมาก อารมณ์ก็ค่อยๆดีขึ้นแล้วเหมือนกัน อย่างน้อยก็ไม่ได้อึมครึมอะไรขนาดนั้นแล้ว ไม่ได้เรียกคน แค่เดินไปตามถนน เดินไปก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาทำลายความเงียบของเธอ
คนที่โทรมาคือเย่หนิง เธอกดรับสาย เสียงที่ตื่นตกใจของเย่หนิงก็ดังขึ้น
“เวยมี่ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกเธอ”
หลินเวยมี่เม้มปาก เธอรับไม่ได้จริงๆกับท่าทางที่ตกใจของเย่หนิง “เรื่องอะไรหรอ”
“คิดไม่ถึงว่าเย่เซียงถงจะเป็นฝ่ายเข้ามาขอโทษพวกเราก่อน บอกว่าจะเลี้ยงข้าวพวกเรา”