บทที่ 15 จำไว้ เธอเป็นผู้หญิงของฉัน(2)
“แค่กๆ” เสียงไอเบาๆดังขึ้นมา คนในห้องรับแขกต่างมองไปที่บันได ฉู่เฉินซีในชุดสบายๆ สองมือล้วงกระเป๋า ใบหน้ายิ้มแย้มเดินมา
“อรุณสวัสดิ์” เขาเดินมาอย่างสบายใจ มองไปที่หลินเวยมี่ “ฉันจะออกไปวิ่ง หลานสาวที่น่ารักทั้งสองคนอยากจะออกไปด้วยกันไหม?”
หลินเวยมี่กำลังดื่มน้ำอยู่ เมื่อได้ยินประโยคนั้นขึ้นมาก็เกือบสำลักน้ำ เธอแกล้งทำเป็นไม่เห็นฉู่เฉินซี แล้วรีบยืนขึ้น “พ่อ ฉันออกไปข้างนอกก่อน”
ยังไม่ทันที่หลินจ่านหงจะตอบ เธอก็วิ่งออกไปแล้ว
หลังจากออกจากบ้านไปแล้ว เธอถึงรู้สึกได้ว่าไม่ถูกจับจ้อง ดูแล้วเธอจะต้องรีบย้ายออก ถ้าต้องเจอฉู่เฉินซีทุกวัน เธอต้องกลายเป็นบ้าแน่นอน
นอกจากนี้ ที่สำคัญที่สุดเธอควรจะไปหาแฟนที่ไหนพากลับไปบ้าน?
ตี๊ดตี๊ด…
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว หันหลังกลับไปมอง เธอเห็นรถเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งอยู่ข้างเธอ ฉู่เฉินซีสวมแว่นกันแดดอันใหญ่ มองมาที่เธออย่างเย็นชา
ถึงแม้เขาจะสวมแว่นกันแดด แต่เธอก็ยังสัมผัสได้ถึงสายตาที่เย็นชาของเขา เธอฉีกยิ้มที่มุมปาก แสร้งทำเป็นว่าไม่เห็น แล้วรีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ขึ้นมา อย่าให้ฉันต้องพูดรอบที่สอง” เขาพูดขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่ง
หลินเวยมี่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเดินต่อไปข้างหน้า หลังจากนั้นก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นมา
“เพื่อนของเธอคนนั้นหน้าตาน่ารัก แต่ไม่รู้ว่า…”
หลินเวยมี่
เธอหยุดเดินทันที พร้อมกับหันหลังไปมองจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ มองด้วยความโกรธเคือง “คนเลว ถ้าแกทำอะไรเพื่อนฉัน ฉํน…ฉันจะ…”
เธอโกรธจนหน้าแดง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะข่มขู่เขาอย่างไรดี ดูเหมือนว่าตัวแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเธอถูกเขาข่มขู่มากกว่า เธอจะเอาอะไรไปข่มขู่เขาได้?
“ขึ้นรถ” เขาพูดอย่างไร้ความอดทน
หลินเวยมี่เปิดประตูรถอย่างขุ่นเคืองใจ ยังไม่ทันจะปิดประตูรถเรียบร้อยรถก็ขับออกไปแล้ว
“คุณทำอะไร?” หลินเวยมี่ถามอย่างประหลาดใจ
ฉู่เฉินซี
เขาไม่ได้พูดอะไร เอาแต่ขับรถไปอย่างเดียว จนถึงริมทะเล ถึงได้หยุดรถ แล้วหันไปหาเธอพร้อมกับจูบไปทีหนึ่ง
“ฉู่เฉินซี!” หลินเวยมี่รีบเอามือขึ้นมาเช็ดออก ขมวดคิ้วตะโกนเรียกชื่อเขา
“แฟนของเธอคือใคร?” เขาถามอย่างเย็นชา “คุณชายเฉินเป็นอย่างไร เธอน่าจะรู้ดี”
หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอแสดงถึงความตกตะลึง ตั้งแต่เริ่มแรกที่เธอคาดเดาเรื่องคุณชายเฉิน เป็นเขาทำจริงๆ แต่ว่าเมื่อเขาพูดออกมากลับดูไม่เดือดร้อนอะไรเลย
“คุณทำจริงๆด้วย” หลินเวยมี่พูดขึ้น พร้อมกับแววตาตื่นกลัว
“ดังนั้น หัดฉลาดหน่อย” เขาสัมผัสเส้นผมของเธอเบาๆ พร้อมกับสายตาเฉียบคม
หลินเวยมี่ยังคงตกตะลึง ได้แต่อยู่นิ่งๆมองไปที่เขา รู้สึกได้ว่าตัวเย็นไปทั้งตัว ไอ้ผู้ชายบ้าอำนาจคนนี้!
“คุณคิดว่าฉันอยาก? คุณอา พี่สาวของคุณ แม่เลี้ยงของฉัน ที่แนะนำผู้ชายให้ฉัน คุณคิดว่าฉันอยากหรอ? หลินเวยมี่ยิ้มเบาๆ พร้อมกับจับที่คอของเขา
“ถ้าอย่างนั้น คุณไปบอกแม่เลี้ยงฉันสิ ว่าคุณชอบฉัน อยากจะอยู่ด้วยกันกับฉัน แบบนี้ฉันก็ไม่ต้องไปหาแฟนอะไรแล้ว”
ฉู่เฉินซียักคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยิ้มให้กับผู้หญิงในอ้อมกอด เธอฉลาดจริงๆ รู้ว่าเขาไม่มีทางแต่งกับเธอ ทำให้เขารู้สึกลำบากใจ
“เธอสมควรไหม?” เขาถามขึ้นอย่างเย้ยหยัน พร้อมกับแววตาเสียดสี เธอเป็นคนของกู้จุนเฟิง เขาจะเอาเธอไว้ข้างกายได้อย่างไร?
หลินเวยมี่
เธอไม่ได้ใส่ใจ ยิ้มเยอะขึ้นมาพร้อมกับปล่อยแขนเขา แล้วเปิดหน้าต่างรถให้ลมทะเลพัดเข้ามา “ในเมื่อคุณไม่ยอมช่วย งั้นก็อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน”
“ผู้หญิง ฉันไม่ชอบให้ใครมาท้าทายข้อจำกัดของฉัน” เขาใช้มือกดคางของเธอลง แล้วหมุนหน้าของเธอมาพร้อมพูดกับเธออย่างเย็นชา
หลินเวยมี่มองไปที่เขาอย่างไปเต็มใจ แล้วยิ้มเยอะเย้ยใส่เขา “โอ้? งั้นข้อจำกัดของคุณคือไร? อย่าพูดเลยว่าฉันเป็นผู้หญิงของคุณ! ฉันจะไปหาแฟนแล้ว เชิญคุณตามสบาย!”
พูดจบเธอก็เปิดประตูรถแล้วเดินออกไป หลังจากหนีออกมาจากผู้ชายคนนี้ได้ เธอก็รู้สึกดีขึ้น บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขา แต่ก็ไม่เห็นทำอะไรขึ้นมา ก็เป็นเรื่องดีแล้วใช่ไหม?
ในร้านกาแฟ หลินเวยมี่นั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างอย่างหดหู่ใจ ทำไมจิตใจของเธอถึงไม่สงบ วุ่นวายใจเหลือเกิน
“คุณหนู บังเอิญจัง” เสียงไพเราะราวกับเปียโนดังขึ้นมา
หลินเวยมี่เงยหน้าขึ้น มองไปที่ผู้ชายสวมชุดสูทจากอิตาลี ในมือถือกระเป๋าเอกสาร สีหน้าเธอตกใจเล็กน้อย เขาคือกู้จุนเฟิงนั่นเอง
“บังเอิญจริงๆ” หลินเวยมี่ไม่รู้ว่าทำไม เห็นกู้จุนเฟิงทีไรก็รู้สึกดีทุกครั้งเลย
กู้จุนเฟิงนั่งอยู่ตรงข้ามเธอ พร้อมกับสั่งกาแฟมาแก้วหนึ่ง ใบหน้าของเขาดูอบอุ่นและอ่อนโยน “เธอดูอารมณ์ไม่ดีเลย”
“ยังไม่แย่เท่าไหร่” หลินเวยมี่มองไปที่กู้จุนเฟิง เธอยิ่งรู้สึกคุ้นเคยกับเขามากยิ่งขึ้น เขาที่อยู่ตรงหน้าราวทำให้เธอนึกถึงผู้ชายที่อยู่ในความทรงจำของเธอ
“เธอมองฉันแบบนี้มีอะไร?” กู้จุนเฟิงถอดเสื้อคลุมออกพาดบนเก้าอี้ ก็เผยให้เห็นกำไลข้อมือทำจากโซ่เส้นเล็กๆ สีเงินดูแล้วเรียบง่าย
ถึงจะเป็นโซ่ที่ดูเรียบง่ายก็ทำให้หลินเวยมี่เปลี่ยนสีหน้าทันที เธอมองไปที่กู้จุนเฟิงอย่างตกตะลึง แล้วถามขึ้นมาเบาๆว่า “เธอคือ…เสี่ยวจื๋อ?”