บทที่ 29 ดูแลผู้หญิงของคุณให้ดีหน่อย(1)
“ฉันอยากกินหมาล่า” หลินเวยมี่พูดอยู่ด้านหลังเขา ค่อยๆเดินตามไปอย่างช้าๆ เธอคือคนประเภทที่ถ้าอาหารไม่เผ็ดเป็นไม่กิน กินไปแล้วถ้าเผ็ดไม่ถึงเธอจะรู้สึกแปลกๆ
ฉู่เฉินซีหยุดฝีเท้าลงพักหนึ่ง แล้วเดินต่อไปอย่างรวดเร็ว สั่งพ่อบ้าน(ชาย) ที่ติดตามอยู่ข้างๆ นั่งลงบนโซฟา
เขาหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา กวาดสายตาอ่านอย่างไม่ใส่ใจ มุมปากยิ้มเยือกเย็น บนหน้าหนังสือพิมพ์ กำลังพูดถึงเรื่องราวของกู้จุนเฟิงที่รถโดนระเบิด
มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงให้การว่าจะต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย ตรวจสอบอย่างเข้มงวด? เขาจะคอยดูว่าจะสามารถสาวมาถึงตัวเขาที่อยู่ตรงนี้ได้ไหม ในเมื่อเขาเป็นคนทำมัน ก็ไม่เห็นต้องกลัวผลที่ตามมา
เสียงโยนหนังสือพิมพ์ดังพรึ่บตรงหน้าหลินเวยมี่ หลินเวยมี่มองอย่างงุนงง รีบหยิบขึ้นมา อ่านอย่างตั้งใจ
ฉู่เฉินซีไม่เห็นเธอแสดงอาการใดๆออกมา นิ้วกดอยู่ที่โต๊ะชาจนซีด เม้มริมฝีปากแน่น ความโกรธแผ่ทั่วร่าง
ดูเหมือนเธอจะแคร์กู้จุนเฟิงมากจริงๆ แต่ทำไมกู้จุนเฟิงยังส่งเธอให้กับเขาล่ะ? คิ้วของเขาขมวดย่น ท่าทางเต็มไปด้วยความสงสัย
“เขาเป็นนายกเทศมนตรีจริงๆด้วย” หลินเวยมี่พึมพำเสียงค่อย เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่ากู้จุนเฟิงมีตำแหน่งสูงเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเขาดูต่างกับเสี่ยวจื๋อตอนเด็กอย่างมาก แต่เธอก็ยังคงเชื่อว่า กู้จุนเฟิงคือเสี่ยวจื๋อ
“เฮอะ จนป่านนี้ยังไม่แน่ใจสถานะของเขาอีกหรือไง” ฉู่เฉินซียิ้มอ่อนขึ้นมา พลางประเมินทีท่าของเธออย่างไม่ยี่หระ
“อื้ม เพิ่งรู้” หลินเวยมี่พยักหน้าด้วยความหดหู่ใจ วางหนังสือพิมพ์ลงอีกด้านหนึ่ง ในหัวกลับคิดไปถึงหลินจ่านหง ทำไมวันนั้นหลินจ่านหงถึงมองกู้จุนเฟิงด้วยความทึ่งอะไรขนาดนั้น?
อาจจะเป็นเพราะสถานะทางสังคมของกู้จุนเฟิง ดังนั้นหลิ่นจ่านหงจึงรู้สึกกริ่งเกรง ไม่อยากให้พวกเขามาอยู่ด้วย?
หลินเวยมี่ย่นคิ้วเล็กน้อย ใช้มือลูบหัวด้วยความเคยชิน แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“นายน้อย เชิญรับประทานอาหารค่ะ” สาวใช้ข้างตัวเอ่ยปากด้วยความเคารพนบนอบ ใบหน้าอ่อนน้อม
ฉู่เฉินซีไม่สนใจเธอ เอาแต่เดินไปข้างหน้า หลินเวยมี่ก็ไม่เกรงใจ เดินตามหลังเขาไป
ทั้งสองคนนั่งลงที่โต๊ะอาหาร หลินเวยมี่มองดูโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร อดไม่ได้ที่จะใช้สายตาสบประมาทมองไปที่ฉู่เฉินซีแวบหนึ่ง ครอบครัวนายทุนจริงๆ กินข้าวกันอยู่สองคน ใช้โต๊ะซะใหญ่
เพียงแค่เธอกลับไม่เคยพบว่าฉุ่เฉินซีไม่ขมวดคิ้วไม่ได้เลย
หลินเวยมี่กินหยดลงมาคำใหญ่ ถือโอกาสคีบไก่เผ็ดจากจานที่ฉู่เฉินซียังไม่ได้กินขึ้นมาชิ้นหนึ่ง อาหารเต็มปากพลางพูด “จานนี้ทำได้ไม่เลวเลย”
ฉู่เฉินซีย่นคิ้วเล็กน้อย หน้าไร้อารมณ์มองไปยังไก่เผ็ดในชาม
หลินเวยมี่มองแล้วมองอีกไปที่เขา คิดว่าเขารังเกียจเธอ หน้าเสียไปหน่อยหนึ่ง “รังเกียจฉันก็ไม่ต้องกิน! นายนี่มันจริงๆเลย!”
ฉู่เฉินซียิ้มอ่อนที่มุมปาก คีบไก่เผ็ดเข้าปาก “อร่อยมากเลย”
จวบจนกระทั่งรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว หยิ่งปรากฏตัวต่อหน้าฉู่เฉินซี โน้มตัวชิดใบหูเขาพูดอะไรบางอย่าง ฉู่เฉินซีท่าทีเรียบเฉย พยักหน้า กวาดสายตามามองหน้าหลินเวยมี่
“ให้เวลาเธอตอนบ่าย หกโมงเย็นถ้าฉันยังไม่เห็นเธอ รับผลที่ตามมาด้วยแล้วกัน”
เขาพูดจบก็รีบเดินออกไป
หลินเวยมี่ยกมุมปากเชิดขึ้นมองดูฉู่เฉินซีที่เดินไกลออกไป ดูเหมือนตาคนนี้ก็ไม่ใช่คนที่ไม่มีจิตเมตตาซะทีเดียว ยังรู้จักปล่อยเธอออกไปบ้าง ยังเหลือเวลาพรุ่งนี้อีก 1 วันเธอก็จะสามารถไปจากฉู่เฉินซีได้แล้ว
เธอวางแผนการในใจ ล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรหาเย่หนิง ไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงปิดโทรศัพท์ เธอย่นคิ้วเล็กน้อย หรือว่าเย่หนิงถ่ายหนังอยู่? คิดได้ดังนั้น เธอก็รีบเดินออกจากคฤหาสน์ไป
บนรถ ฉู่เฉินซีนั่งหน้าซีดอยู่บนเบาะ บนหน้าผากมีเหงื่อผุดขึ้นเล็กน้อย
“หยิ่ง ยา” เอ่ยปากเสียงทุ้ม เหมือนพยายามอดกลั้นอะไรอยู่
หยิ่งรีบส่งยาให้เขา อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม “เจ้านาย เจ้านายกินเผ็ดไม่ได้ไม่ใช่เลยหรือครับ? แล้วทำไมถึง…..”
“พักนี้นายชักจะพูดเยอะไปแล้วนะ” กวาดสายตาเย็นยะเยือกมองไปที่หยิ่ง หยิ่งรีบก้มหน้า ไม่ถามอะไรอีก
ฉู่เฉินซีนิ้วเริ่มซีด กำขวดยาไว้แน่น นัยน์ตาสีน้ำตาลฉายแววสงสัย ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องกินเผ็ดเข้าไปด้วย
เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นกิน ? พอคิดถึงตรงนี้ เขายิ้มอ่อนที่มุมปาก จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร
นอกสถานที่ถ่ายทำ ปรากฏร่างของผู้หญิงสวมเสื้อยีนส์คนหนึ่ง เธอโทรศัพท์พลางขมวดคิ้ว ท่าทางเป็นกังวล
เย่หนิงยังไม่ยอมรับโทรศัพท์? ดูเหมือนว่าเธอต้องเข้าไปดูหน่อยแล้ว
คิดได้ดังนั้น เธอรีบวิ่งเข้าไปด้านใน กำลังเดินเข้าไป เกือบจะชนเข้ากับรถคันหนึ่ง รถส่งเสียงหยุดลง หน้าต่างรถตู้เลื่อนลงมา ผู้ชายสวมแว่นกันแดดอันใหญ่กวาดสายตามองมายังเธอ สีหน้าประหลาดใจระคนดีใจ “เป็นเธอจริงๆด้วย”
หลินเวยมี่เผยอปากขึ้น มองลึกไปที่ผู้ชายตรงหน้า “คุณจำผิดคนแล้ว? ฉันไม่รู้จักคุณ ฉันกำลังรีบ ไปล่ะ”