บทที่ 30 ดูแลผู้หญิงของคุณให้ดีหน่อย(2)
ผู้ชายถอดแว่นออก เผยให้เห็นใบหน้า สายตาที่แคบยาวจ้องไปยังร่างที่เดินไกลออกไป รอยยิ้มลุ่มลึก
เขาจะจำผิดได้อย่างไร? เป็นเธอนั่นแหละ! ตั้งแต่ที่เธอวิ่งเข้ามา เขาก็จ้องเธอไว้แล้ว
หลินเวยมี่เพิ่งวิ่งเข้ามาถึงสถานที่ถ่ายทำ ยิ่งได้ยินเสียงที่ไม่กลมเกลียวกัน
“ไอโหยว ผู้กำกับคะ ฉันรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวเมื่อสักครู่ไม่ดีเท่าไร ฉันขอลองใหม่อีกครั้งหนึ่ง” เสียงหวานหยาดเยิ้มดังขึ้นมา ตามมาด้วยน้ำเสียงแบบขอไปทีของผู้กำกับ
“เย่หนิง เธออย่าว่าฉันเลยนะ ฉันเป็นคนที่ทำอะไรแล้วต้องทำให้ดี จุดด่างพร้อยนิดเดียวก็รับไม่ได้ ขอโทษด้วยที่ทำให้เธอลำบากใจ”
พูดออกไปแล้ว ทำเสียงขึ้นมา ปรบมือให้เกิดเสียง
หลินเวยมี่รู้สึกไม่ชอบใจสักนิด รีบวิ่งเข้าไป ถึงหน้าฉากแล้วเธออดไม่ได้ที่จะหายใจหอบเฮือกหนึ่ง เย่หนิงสีหน้าลำบากใจยืนอยู่ที่เดิม หน้าทาแป้งหนา แต่ยังปกปิดความแดงที่ใบหน้าเธอไว้ไม่อยู่
แต่ด้านตรงกันข้าม เย่เซียงถงใช้หางตามองไปที่เย่หนิงอย่างหยิ่งผยอง สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความชื่นมื่น
“ผู้กำกับคะ เมื่อสักครู่นี้ยังถ่ายไม่ดีใช่ไหมคะ? ฉันรู้สึกยังไม่ค่อยพอใจน่ะ” เย่เซียงถงอ้าปากบ่นพึมพำ สีหน้าไม่พอใจ “ถ้ายังถ่ายแบบนี้ต่อไป ต้องไม่มีความคืบหน้าอะไรแน่”
ด้านผู้กำกับแสดงสีหน้าลำบากใจ เอ่ยปากพูดแบบทนไม่ได้ “เย่หนิง เกิดอะไรขึ้นกับเธอน่ะ? รีบเล่นให้เข้าขากับพี่ถงเธอได้สักที!”
หลินเวยมี่ที่ยืนอยู่ข้างๆโกรธจนตัวสั่น คนสติดีล้วนดูออกว่าเย่เซียงถงนั้นหาเรื่องกลั่นแกล้งเย่หนิงอย่างเห็นได้ชัด แต่ผู้กำกับนอกจากไม่สนใจแล้ว มิหนำซ้ำยังช่วยคนชั่วช้าแบบนั้นอีก!
“รอเดี๋ยว!” หลินเวยมี่เดือดจนไม่ทันหายใจรีบเข้าไปดึงมือของเย่หนิง “พวกฉันไม่ถ่ายแล้ว อยากให้ใครถ่ายก็ถ่ายไป!”
พูดพลางดึงมือเย่หนิงเดินไป ทุกคนงุนงงไปพักหนึ่ง เย่เซียงถงมีสีหน้าเหน็บแนมขึ้นมาทันที เอามือสองข้างกอดอก มองพวกเธอด้วยสายตาเย็นชา
“พวกเธอไปได้ตามสบาย แต่วันนี้เดินออกไปแล้ว หลังจากนี้ก็ไม่นับว่าเย่หนิงอยู่ในกองนี้อีก!” ผู้กำกับพูดอย่างเหน็บแนม หน้าไม่ยี่หระใดๆ
ตามคาด เย่หนิงหยุดฝีเท้า รีบปล่อยมือจากหลินเวยมี่ อธิบายเสียงค่อย “เวยมี่ ฉันไม่เป็นอะไร ฉันเล่นได้”
“เธอโง่หรอไงฮะ? เย่เซียงถงจงใจกลั่นแกล้งเธอชัดๆ!” หลินเวยมี่ส่งสายตามองไปที่เย่หนิงหวังให้เปลี่ยนใจ
เย่หนิงเบ้ปาก สีหน้าจำใจ “ฉันไม่มีทางเลือก เวยมี่ เรื่องนี้เธออย่ามายุ่งเลย ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ”
หลินเวยมี่ขมวดคิ้ว บังเย่หนิงไว้ด้านหลัง มองไปที่เย่เซียงถง “เย่เซียงถง ใช้วิธีสกปรกลับหลังนี่สนุกมากไหม?เย่หนิงไปล่วงเกินอะไรเธอ เธอถึงต้องลงโทษแบบนี้?”
เซียงถงทำหน้าเหน็บแนม เลิกคิ้วขึ้น ใช้หางตามองไปที่หลินเวยมี่ “ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเห็นกันหมด ไหนบอกมาสิ ฉันกลั่นแกล้งเธอไหม?”
“ไม่เลย พี่ถงอยู่ในกองนี้ไม่เคยเกรี้ยวกราดแถมไม่เล่นตัวด้วย”
“ถูกต้อง แต่ไหนแต่ไรพี่ถงแกล้งเธอตลอด ก็เพราะพวกเธอแค่เย้าแหย่กัน”
หลินเวยมี่ใช้สายตาเยือกเย็นมองคนรอบตัวที่แสดงความเห็น มือกำหมัดแน่น คนพวกนี้ช่างประจบสอพลอ ไม่มีแม้สักคนที่พูดด้วยความยุติธรรม!
“เวยมี่ เธอกลับไปเถอะ อย่าแบกเรื่องของฉันไว้นักเลย” เย่หนิงรีบพูดพลางดึงมือเธอ
หลินเวยมี่จ้องเขม็งไปที่เย่เซียงถง เห็นหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องของเธอแบบนั้นก็รู้สึกสะอิดสะเอียน ไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องเล็กน้อยนั้น แต่เพราะเรื่องกลั่นแกล้งเย่หนิง
เธอกัดริมฝีปาก คิดถึงฉู่เฉินซีขึ้นมาฉับพลัน เย่เซียงถงพูดตลอดว่ามีความสัมพันธ์ซับซ้อนกับเขา ถ้าอย่างนั้นตอนที่เจอเขา ก็ควรพูดออกมาได้สิ?
แต่ในใจก็ไม่อยากติดต่อกับฉู่เฉินซี คิ้วของเธอขมวดเป็นปมลึก สูดลมหายใจยาวเข้าไปเฮือกหนึ่ง ต่อสายหาฉู่เฉินซี
โทรได้สักครู่ก็มีคนรับ ไม่รอให้ฉู่เฉินซีได้พูด เธอก็พูดออกมาแล้ว “ฉู่เฉินซี ช่วยดูแลผู้หญิงของคุณให้ดีหน่อย อย่าปล่อยออกมากัดคนอื่นไปทั่ว!”
เธอวางสายโทรศัพท์ดังพั่บ มองไปที่เย่เซียงถง เอ่ยเสียงเรียบ “เย่เซียงถง ใจเธอมันเล็กนิดเดียว มิน่าเล่าแค่เสื้อผ้าชิ้นเดียวก็ยอมให้เย่หนิงไม่ได้”
“ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไร” เย่เซียงถงดึงผมทัดไว้หลังหู
“พี่ถง พูดมาได้ว่าเป็นพี่ใหญ่สุดของกองนี้ แล้วจะไปทะเลาะกับเด็กตัวเล็กๆสองคนนี้ทำไม?” เสียงขี้เล่นดังมาจากด้านหลังของพวกเธอ
หลินเวยมี่หันกลับไปมอง ผู้ชายแต่งตัวทันสมัยคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา มือถือกระเป๋า มุมปากยกขึ้น ใบหน้าหล่อใสใส่แว่นกันแดดอันใหญ่
“โจ่วชิงช๋วน หาตัวจับยากจริง เธอยุ่งเรื่องชาวบ้านตั้งแต่เมื่อไร?” เย่เซียงถงกวาดสายตามองเขา น้ำเสียงส่อแววข่มขู่
“พี่ถง ทำอะไรก็หัดเหลือมือไว้ข้างหนึ่งบ้าง พี่ทำแบบนี้ก็ตายเรียบเท่านั้นเลย” โจ่วชิงช๋วนส่ายหัว
เย่เซียงถงคิดอยากโต้กลับ ผู้ช่วยรีบวิ่งเข้ามาหาข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้เธอ
เธอมีท่าทีตื่นตระหนก มองไปที่หลินเวยมี่ หันตัวหลบไปในหลืบเพื่อรับโทรศัพท์
“ขอบคุณมาก พี่ช๋วน ” เย่หนิงรีบวิ่งเข้ามาตรงหน้าโจ่วชิงช๋วน หน้าแสดงความขอบคุณมองไปที่เขา
โจ่วชิงช๋วนไม่ได้พูดอะไร แต่กลับใช้สายตามองไปยังหลินเวยมี่ เขาไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น ถ้าวันนี้เธอไม่อยู่ที่นี่ เขาก็คงไม่เข้ามายุ่ง
“สาวน้อย ว่างไปท่านข้างกลางวันด้วยกันหน่อยไหม?” โจ่วชิงช๋วนเดินมาตรงหน้าหลินเวยมี่ แสร้งเอ่ยปาก
หลินเวยมี่คิดออกแล้วว่านี่คือคนที่เธอพบตรงหน้าประตู ท่าทีตื่นตัวทันใด พื้นฐานเธอไม่ใช่คนไว้ใจใครง่ายๆ โดยเฉพาะคนนี้ที่เข้ามาช่วยพวกเธอ ต้องมุ่งหวังอะไรแน่นอนดังนั้นสำหรับเขาแล้วเธอไม่ได้รู้สึกดีด้วย
“ขอโทษด้วย ไม่ว่าง!”