บทที่ 31 เธอมีอะไรพิเศษ(1)
เย่หนิงมุ่ยปาก แอบดึงชายเสื้อของหลินเวยมี่ รีบส่งยิ้มให้โจ่วชิงช๋วน “พี่ช๋วน พวกเราไปค่ะ ตั้งใจจะชวนพี่ช๋วนไปทานข้าวด้วยกันพอดี”
โจ่วชิงช๋วนยิ้มเจ้าเล่ห์ เดินไปข้างๆหลินเวยมี่ ดวงตาฉายแววยั่วเย้า “คุณหลิน ผมไม่ควรค่าแก่การไปทานข้าวด้วยกันกับคุณหรอ?”
หลินเวยมี่หันหน้ากลับไปมองเขา ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าฉายแววสงสัย “ได้ แต่ว่าคุณเป็นคนเลี้ยงนะ”
เธอพูดจบก็ดึงมือของเย่หนิงเดินออกไป
ในห้องน้ำ หลินเวยมี่ค่อยๆปลดเครื่องประดับออกจากตัวเย่หนิงอย่างระมัดระวัง เห็นหน้าเธอบวมแดงอย่างนั้น ยิ่งรู้สึกโกรธ “เย่หนิง เธอไม่จำเป็นต้องกลัวแม่นั่นขนาดนั้น ! เห็นได้ชัดเลยว่าแม่นั่นน่ะจงใจกลั่นแกล้ง!”
เย่หนิงหัวเราะปลอบใจเธอ มุมปากอย่างไม่ตั้งใจ อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเฮือกหนึ่ง ใบหน้ากลัดกลุ้มมองไปยังหลินเวยมี่ “ฉันก็ไม่ได้คิดหรอก แต่พี่ถงเป็นพี่ใหญ่สุดในกอง แค่เธอถ่มน้ำลายฉันก็จมน้ำตายได้แล้ว”
“ถ้ารู้สึกว่ามันลำบากก็ไม่ต้องถ่ายแล้ว” หลินเวยมี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใช้มือลูบหลังเย่หนิงไปมา รู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถชักจูงเธอได้ แต่เธอแค่ไม่อยากเห็นเย่หนิงโดนรังแก
เธอแคร์คนไม่มาก มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น เธอคิดอยากปกป้องพวกเขาให้ดี ไม่อยากให้พวกเขาเป็นอันตรายใดๆ
“ไม่ได้ เวยมี่ เธอวางใจเถอะ ในอนาคตฉันต้องเป็นคนมีชื่อเสียงอย่างแน่นอน!” สายตาของเย่หนิงเปี่ยมไปด้วยความหวัง หวังในหนทางข้างหน้า มั่นใจอย่างมาก
หลินเวยมี่ตะลึงงันไปชั่วครู่ คำตักเตือนติดอยู่ที่ปาก อันที่จริงมีบางครั้งที่หลินเวยมี่ก็นึกอิจฉาเย่หนิงอยู่เหมือนกัน
อย่างน้อยเธอก็ได้ทำในสิ่งที่เธอชอบ แต่ตัวเธอล่ะ ต้องทำตามคำพูดของหลินจ่านหงเท่านั้น เธอละทิ้งเปียโนที่เธอรักที่สุด เพื่อไปเรียนบริหาร
“เย่หนิง เธอต้องดังเปรี้ยงได้แน่!” หลินเวยมี่ลูบหลังเธอ ใบหน้าสนับสนุนเต็มที่
ทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องน้ำ ห้องอาหารที่เงียบสงัดเหลือเแค่โจ่วชิงช๋วนอยู่เพียงผู้เดียว เขาสวมเสื้อคอปก ที่เผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่าแบบไม่ได้ตั้งใจ
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มอย่างชั่วร้าย โดยเฉพาะนัยน์ตาลูกท้อคู่นั้น ราวกับมีความสามารถในการปลุกปั่นใจคน
หลินเวยมี่เห็นทีท่าเขาอย่างนั้น หัวก็คิดไปถึงฉู่เฉินซีขึ้นมา ทั้งสองคนนี้ใช้ความหล่อร้ายไปในทิศทางเดียวกันจริงๆ
“อยากกินอะไร?” ถึงแม้ว่าเขาจะถามทั้งสองคน แต่สายตากลับเอาแต่ไปที่มองหลินเวยมี่
หลินเวยมี่ดึงเย่หนิงนั่งลงตามสบาย แต่กลับรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง “พวกฉันทานอะไรก็ได้”
โจ่วชิงช๋วนพยักหน้ารับรู้ ใช้นิ้วจิ้มสั่งอาหาร
หลินเวยมี่ก้มหน้าเล่มเกมส์ในโทรศัพท์ บรรยากาศไม่สู้ดีนัก รอบด้านเจือไปด้วยความรู้สึกอึดอัด แต่เธอกลับสามารถรับรู้ได้ถึงสายตาอันร้อนแรงแผดเผา
เธอเงยหน้าขึ้น ปะทะเข้ากับสายตาของโจ่วชิงช๋วน เอ่ยเสียงเรียบ “ โจ่วชิงช๋วน มองฉันทำไมไม่ทราบ?”
เธอถามตรงๆ เย่หนิงที่อยู่ข้างๆรีบดึงชายเสื้อของเธอ อันที่จริงเย่หนิงกับโจ่วชิงช๋วนไม่ได้สนิทกันมากนัก ตระกูลดาวค้างฟ้าที่ยิ่งใหญ่ กับหล่อนที่เป็นเหมือนกุ้งฝอยตัวเล็กๆ ดังนั้นการที่ได้ออกมากินข้าวด้วยกัน เธอจึงตื่นเต้นมาก และก็ไม่รู้ว่าควรจะคุยกับโจ่วชิงช๋วนอย่างไร ดังนั้นบรรยากาศจึงค่อนข้างอึดอัด
“ผมชอบคุณ จึงอยากมองคุณให้เต็มตา ทำไมหรอ? คุณก็ชอบผมขึ้นมาแล้วหรอ?” โจ่วชิงช๋วนเล่นแหวนที่อยู่บนนิ้วของตน หน้ายั่วเย้า
“ฉันไม่ได้ชอบคุณ ” หลินเวยมี่เบ้ปาก หันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง “ฉันไม่ชอบคบกับผู้ชายที่เด็กกว่าน่ะ”
โจ่วชิงช๋วนหัวเราะก๊ากขึ้นมา มองอย่างลึกซึ้งไปที่หลินเวยมี่ ยื่นตัวขึ้น ชิดใกล้กับเธอพลางยิ้มอ่อนเอ่ยปากพูด“คุณมองจากตรงไหนว่าผมเด็ก พูดอีกทีสิ คุณไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าของผมเด็กหรือผู้ใหญ่?”
หลินเวยมี่หน้าแดงไปถึงก้านคอ รีบหันตัวไปพิงด้านหลัง ตอบกลับด้วยความไม่พอใจ “สกปรก!”
เย่หนิงไม่ทันได้ยินบทสนทนาของพวกเขา มองพวกเขาอย่างงุนงง ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน
โจ่วชิงช๋วนแค่ยิ้มขึ้นมา แต่หลินเวยมี่ถอนใจพร้อมกับหันหน้าไปอีกทางหนึ่งอย่างไม่เข้าใจเขา เธอรู้สึกสับสน ผู้ชายทั้งโลกเป็นแบบนี้กันหมดหรือ ? คิดแต่เรื่องสกปรกแบบนั้น สมองของเธออดไมได้ที่จะคิดไปถึงฉู่เฉินซีอีกแล้ว
เธอเบ้ปาก ตาสองคนนี้นี่คล้ายกันมากจริงๆ แต่กู้จุนเฟิงสุภาพเรียบร้อยกว่า
โจ่วชิงช๋วนใช้มือเคาะโต๊ะแบบส่งเดช พูดด้วยสีหน้าตั้งใจ “หลินเวยมี่ เธอไม่สงสัยสักนิดเลยหรอว่าทำไมฉันถึงรู้จักเธอ”
หลินเวยมี่เงยหน้ามองเขา สีหน้าเธองงงงวย เธอจะไปรู้ได้อย่างไรว่าทำไมโจ่วชิงช๋วนถึงรู้จักเธอ
“รู้จักฉันแล้วมันแปลกมากหรอ?” เธอถามกลับ
โจ่วชิงช๋วนกระตุกมุมปากขึ้น นัยน์ตาลูกท้อแสดงออกถึงรอยยิ้มขบขัน แววตาว่างเปล่ามองไปที่หลินเวยมี่ คล้ายกับกำลังคิดอะไรอยู่ “เธอยังรู้จักกู้จุนเฟิงอยู่ไหม?”
ประโยคนี้ของโจ่วชิงช๋วน ทำให้ทะเลใจของหลินเวยมี่ที่เดิมทีสงบเงียบ เหมือนกับซัดเข้าไปที่โขดหิน กระเพื่อมเป็นลูกคลื่น กู้จุนเฟิง โจ่วชิงช๋วนรู้จักเสี่ยวจื๋อ