บทที่ 45 ผมเป็นผู้ชายของเธอ(1)
หลินเวยมี่รู้สึกแค่มีความร้อนโจมตีเข้ามา ในหัวของเธอความสับสนวุ่นวาย และเธอจับคอของโจ่วชิงช๋วนไว้แน่น
แต่เธอคิดว่าต้องหยุดมันเดี๋ยวนี้ ทันใดนั้นเธอก็ใช้ฟันกัดโจ่วชิงช๋วน ในไม่ช้าปากของพวกเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นของเลือด
นี่มันเป็นการต่อสู้กันชัดๆ
โจ่วชิงช๋วนทำหน้าเจ็บและผลักเธอออกไป ใช้หลังมือถูๆ “เวยมี่ เธอนี่มันจะร้อนแรงเกินไปรึเปล่า ผมรับไม่ไหวแล้วนะ”
ในหัวของหลินเวยมี่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย เธอทำหน้ามุ่ย และมองไปที่โจ่วชิงช๋วนด้วยสายตาที่พร่ามัว หน้าของเธอแดงมาก “ร้อนจัง”
“ร้อนหรอ” โจ่วชิงช๋วนถามด้วยความสงสัย “ผมเปิดแอร์แล้วนะ”
หลินเวยมี่เหอะเบาๆ ถอดเสื้อออกอย่างไม่เต็มใจ จนสายเสื้อในโผล่ออกมา แต่ความรู้สึกที่ไร้ขีดจำกัดก็ยังถ่าโถมเข้ามา
“ร้อนจัง ร้อนจริงๆนะ” เธอบ่น แล้วก็พุ่งเข้าไปหาโจ่วชิงช๋วน ไม่หยุดที่จะนัวเนียเขา
โจ่วชิงช๋วนถูกเธอรุกอย่างเร่าร้อนและเสียงของเธอก็หอบ เขาพบว่านี่มันไม่ปกติ และเขาก็ยิ้มแหยะๆ
“คุณคงไม่ได้ถูกวางยาหรอกใช่มั้ย”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” หลินเวยมี่พูดด้วยความลำคาน และพุ่งไปหาเขา อยากจะลิ้มลองรสชาติของเขาอีกซักครั้ง
เธอหลับตาลง คิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน เอาหายใจที่ร้อนผ่าวออกมาจากจมูกของเธอ
กลิ่นน้ำหอมที่เข้ามากระแทกจมูกตอนนี้กลิ่นไม่ได้ฉุนเหมือนตอนแรกแล้ว เธอกัดเขาเบาๆ และมือเธอก็ค่อยถอดเสื้อผ้าออก ทำไมรู้สึกว่าร่างกายร้อนเหมือนโดนไฟเผาแบบนี้
“นี่นี่ถ้าเธอถอดอีกก็จะไม่เหลือแล้วนะ พวกเราไปต่อในห้องกันดีกว่า” เขาขมวดคิ้ว และจับมือเธอไว้ไม่ให้ถอดเสื้อผ้าอีก บางทีถ้าเอาน้ำเย็นราดเธออาการเธออาจจะดีขึ้น
พอคิดแบบนี้ แต่ยังไม่ทันจะเปิดประตูก็รู้สึกว่ารถสั่นอย่างรุนแรง
เขาเงยหน้าขึ้นไปอย่างงงงวย ข้างนอกรถเขาเห็นผู้ชายคนนึงกำลังยืนมองพวกเขาด้วยสายตาที่อำมหิต
โครม
รถสั่นอีกรอบ
แต่หลินเวยมีที่ไม่ได้สตินั้น เธอคิดแค่อยากได้มากกว่านี้ เธอปีนขึ้นไปบนตัวของโจ่วชิงช๋วนและไม่หยุดที่จะนัวเนียเขา
โจ่วชิงช๋วนไม่มีทางเลือก เขาจึงเปิดประตู ฉู่เฉินซีสวมเสื้อโค้ชสีครีมยืนมองรถอยู่ข้างนอกด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น สายตาของเขามองไปที่ใครคนนึงที่กำลังนัวเนียอยู่บนตัวของโจ่วชิงช๋วน
หลินเวยมี่ ชอบทำให้เขาคิดไม่ถึงตลอดเวลา
เขายิ้มอย่างเย็นชาก่อนที่จะดึงผู้หญิงลงมาจากรถ
หลินเวยมี่ล้มลงบนพื้น มองไปที่ฉู่เฉินซีด้วยสายตาที่พร่ามัว ริมฝีปากยังบวมและยังมีรอยเลือดเปื้อนอยู่ยิ่งดูยิ่งล่อใจ
ปีศาจตัวน้อยนี้ กล้าแอบมากินลับหลังเขางั้นหรอ ดูเหมือนว่าเขาจะยังทำให้เธอไม่อิ่มพอ
“คุณเป็นใคร”โจ่วชิงช๋วนลงมาจากรถและรีบจัดระเบียบเสื้อผ้า และรีบพยุงหลินเวยมี่ขึ้นมา และมองเข้าด้วยสายตาเย็นชา
“ผมเป็นผู้ชายของเธอ” ฉู่เฉนซีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา และเดินเข้าไปมองเขาอย่างยั่วยุ
โจ่วชิงช๋วนขมวดคิ้ว แต่ผู้หญิงในอ้อมแขนก็ยังไม่กลับมาเป็นปกติ เธอยังไม่หยุดนัวเนียเขา เขามองไปที่มือของฉู่เฉินซี มือของเขากำลังมีเลือดไหล
อยากบอกนะว่าเมื่อกี้เขาใช้กำปั้นทุบรถ
ระหว่างที่กำลังสงสัย หลินเวยมี่ก็กอดคอเขา ตอนที่กำลังจะใกล้เข้าไป ก็มีมือมาดึงเธอเอาไว้ และดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนที่ชั่วร้าย
“คุณเป็นใครกันแน่” โจ่วชิงช๋วนขมวดคิ้วและถาม มองไปที่ใบหน้าที่แดงของหลินเวยมี่ก็เกิดความกังวล
ฉู่เฉินซีไม่อยากจะสนใจเขา เขาห้มหน้าลงและจับคางของหลินเวยมี่ขึ้นมา และถามด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “คำพูดของผมคุณฟังหูซ้ายทะลุออกหูขวารึยังไง”
“ลืมไปแล้วหรอว่าผมเคยพูดอะไรกับคุณ หลินเวยมี่ คุณนี่กล้าดีนะ”
เพราะความเจ็บหลินเวยมี่เลยได้สติกลับมาแปปนึง เธอมองหน้าฉู่เฉินซีและรู้สึกตกใจ “คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ให้ตายสิ เมื่อไหร่คุณถึงจะหัดเชื่อฟังบ้าง ห้ะ” สีหน้าของฉู่เฉินซีดูเยือกเย็นขึ้น แค่ไม่กี่ชั่วโมงคิดไม่ถึงว่าเธอจะไปอ่อยผู้ชายคนอื่น
“อะไรนะ” สีหน้าของเธอดูงงงวย เธอกัดริมฝีปากเบาๆ แต่ความเร่าร้อนมันก็ยังไม่หยุด มันยังคงพลุ่งพล่านอยู่ในหัวสมองของเธอ
“ฉู่เฉินซี ฉันร้อน ร้อนมาก” เธอใช้มือดึงเสื้อผ้าออก ดึงจนผิวขาวๆของเธอนั้นออกมา
เขาหรี่ตา และใช้เสื้อโค้ชของเขาคลุมตัวเธอ ก่อนที่จะอุ้มเธอขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อน” โจ่วชิงช๋วนร้องตะโกน “ดูเหมือนว่าเธอจะโดนวางยา”
ฉู่เฉินซีหยุดเดินและก้มลงไปมองผู้หญิงหน้าแดงๆที่อยู่ในอ้อมอกของเขา “เหอะ ถนัดสร้างแต่ปัญหา”
เขายัดหลินเวยมี่ลงไปในรถ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้กับหยิ่ง “ตรวจสอบเบอร์นี้สิ”
“ครับ”
ฉู่เฉินซีมองผู้หญิงที่ไม่ค่อยปกติที่อยู่ข้างๆเขาด้วยสายตาที่เย็นชา เขาขมวดคิ้ว ใครกันที่เป็นคนส่งข่าวให้กับเขา
“ฮื่อ ฮื่อ ร้อนจัง” สีหน้าของเธอดูหงุดหงิด และถอดเสื้อโค้ตโยนออกไปข้างๆ และนั่งพิงไปที่หน้าต่างใบหน้าเล็กๆของเธอสีแดงก่ำ
ตาของเธอค่อยๆปิดลง และค่อยๆเอนตัวไปทางฉู่เฉินซีและกระซิบกระซาบว่า “ฉู่เฉินซี ฉันไม่สบาย”