บทที่ 36นังตัวดี เธอวิ่งหนีไปไหนอีกแล้ว(2)
“ตอนนั้นฉันสาบานอย่างเงียบๆ ว่าหลังจากนี้จะไม่ยอมให้เสี่ยวชีร้องไห้อีก ฉันอยากอยู่ข้างๆคอยปกป้องเสี่ยวชีตลอดไป” เขาพูดจบมุมปากยกขึ้นยิ้มหยอก ตอนนั้นยังเด็กเกินไป จะไปเข้าใจได้อย่างไร ว่าเรื่องราวมันมิได้เป็นไปตามความปรารถนา
“นาย นายหมายความว่าอย่างไร?” หลินเวยมี่เบิกตาโพลงจ้องไปที่เขา ใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ อุณหภูมิที่หน้าเริ่มสูงขึ้น รู้สึกตื่นเต้น ตั้งตารอคำตอบจากเขา
เขาก้มลงไปมองหญิงสาวที่กำลังตั้งตารอคำตอบ หัวใจคล้ายกับถูกมือใหญ่ที่มองไม่เห็นบีบไว้แน่น ความรู้สึกอึดอัดเข้าจู่โจม
“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกหายใจติดขัด ตอนนี้พวกเราโตแล้วนะ” เขาไม่ปั้นหน้า กวาดสายตามองไปยังอีกด้านหนึ่ง ถอดเสื้อตัวนอกคลุมไว้บนตัวเธอ
หลินเว่ยหมี่ก้มหัวลง แววตาไม่สามารถอำพรางความผิดหวังไว้ได้ เขาจะไปรู้ได้อย่างไร ว่าเขาคือคนที่อยู่ในใจเธอมานานหลายปีแล้ว?
เธอรุกไปดึงมือของกู้จุนเฟิง ถามเสียงเบา “เสี่ยวจื๋อ ถ้าเช่นนั้นตอนนี้เธอกับฉัน….?” แท้จริงแล้วมันคือความรู้สึกแบบไหนกันแน่?
กู้จุนเฟิงหันตัวกลับมา มองใบหน้าของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยการเฝ้ารอตรงหน้า ยกมือเธอขึ้นมา มองแหวนบนมือของเธอพลางขมวดคิ้วย่น สายตาระทมทุกข์
“สุดท้าย เขาก็หาเธอเจอจนได้นะ”
“นายพูดถึงใคร ? โจ่วชิงช๋วน?” หลินเวยมี่ถามอย่างประหลาดใจ ในใจเต็มไปด้วยความกังวลเพราะไม่รู้ว่าคำตอบของเขาหมายถึงอะไร ยังคงถามต่อ “นาย….”
“เขายอมรับเธอจริงๆ ตอนเป็นเด็กฉันคิดว่าเขาก็แค่เล่นๆ แต่แท้ที่จริงแล้ว….” ริมฝีปากเขายกขึ้นอย่างฝืนยิ้ม ปล่อยมือเธอออก “ไปดื่มกันสักแก้วเป็นไง?”
หลินเวยมี่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรไปชั่วขณะ ทำได้เพียงแค่พยักหน้า และเดินตามหลังไปขึ้นรถ กลับพบว่าเขายิ่งรู้สึกห่างเหินกับเธอมากขึ้นไปอีก
ภายในร้านเหล้า ดื่มเบียร์ไปหนึ่งแก้วแล้ว หลินเวยมี่รู้สึกอุ่นร้อนไปทั้งร่าง มองไปยังชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาดื่มอย่างสงบเงียบ ลึกเข้าไปในแววตานั้นไม่รู้ว่ากำลังคิดเรื่องอะไร
เหมือนว่าตอนที่อยู่ด้วยกันกับเธอ กู้จุนเฟิงเงียบมาก ดูเหมือนกับว่ามีเรื่องราวในใจมากมาย คล้ายกับเป็นคนแปลกหน้าจริงๆ
ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า หลินเวยมี่กรอกเหล้าเข้าปากอึกใหญ่ หลายปีผ่านมานี้ ความรู้สึกของเมื่อก่อนได้เจือจางไปแล้ว ยิ่งกลายเป็นคนแปลกหน้ามากขึ้น?
“ดื่มเหล้าเยอะขนาดนั้นทำไม?” แก้วเหล้าถูกแย่งไป กู้จุนเฟิงใช้มือคลุมบนหน้าเธอ มองเธออย่างลึกซึ้ง แววตาทั้งดิ้นรนและจำใจ
“อารมณ์ไม่ดี” หลินเวยมี่บ่นพึมพำ คิดอยากจะแย่งแก้วเบียร์ที่อยู่ข้างๆ แต่กลับถูกเขาขวางเอาไว้
กู้จุนเฟิงมองเธออย่างลึกซึ้ง ท่าทีจำยอม โอบเธอที่กึ่งเมาไว้แนบอก พูดเสียงเบาที่ข้างหูเธอ “ถ้าการปรากฏตัวของฉันมันทำให้ชีวิตเธอยุ่งเหยิง ฉันเลือกที่จะเดินจากไป”
“เสี่ยวจื๋อ ทำไมเธอถึงเย็นชากับฉันแบบนี้? ทำไม ?” หลินเวยมี่หรี่ตามองเขาครึ่งหนึ่ง ทุบตีเขา รู้สึกเจ็บปวดในทรวง สูดจมูกอย่างทนไม่ได้ ดวงตาแดงก่ำ
กู้จุนเฟิงจ้องมองหญิงสาวที่อยู่แนบอก โอบเอวเธอขึ้นมา บรรยายเสียงเบา “เสี่ยวชี ฉันหวังให้พวกเราไม่เคยพบเจอกันมาก่อน จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดเช่นนี้”
กู้จุนเฟิงอุ้มเธอออกมาจากร้านเหล้า แสงแฟลชสาดผ่านเขาทั้งคู่ เขาค่อยๆขมวดคิ้ว กวาดสายตาไปที่ความมืดด้วยสายตาดุดัน ครั้นแล้วก็ขับรถออกไป
บนรถ หลินเวยมี่บ่นพึมพำเสียงค่อย คล้ายกับกำลังตำหนิเรื่องความเย็นชาของเขา กู้จุนเฟิงยกมุมปากขึ้นอย่างจำใจ สายตากวาดไปที่แหวนบนมือของเธอ
ดูเหมือนว่าช๋วนจะตัดสินใจดีแล้ว อันที่จริงแบบนี้ก็ดี อย่างน้อยช๋วนก็ไม่ข่มเหงเธอ พลันสมองก็คิดไปถึงภาพของผู้ชายอีกคน
หัวคิ้วยกขึ้นเล็กน้อย เกมส์เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ใครจะไปรู้ว่าผลสุดท้ายแล้วมันจะออกมาเป็นเช่นไร แต่มีอย่างหนึ่งที่เขาแน่ใจ นั่นก็คือ ผู้หญิงคนนี้ อย่างไรก็ไม่ใช่ของเขา
มุมปากฝืนยิ้ม มือสัมผัสไปที่แก้มของเธอ สายตาอ่อนโยน เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง วันหนึ่งพอเจอของที่อยากได้ สิ่งของอื่นก็จะถูกทิ้ง
หลับไปตื่นหนึ่ง หลินเวยมี่ตาลายลืมตาขึ้น ลุกขึ้นมานั่งครึ่งหนึ่ง เห็นสถานที่ไม่คุ้นตาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ปวดหัวอย่างแรง
ได้ยินเสียงน้ำไหลที่ข้างหูอย่างชัดเจน เธอเบิกตาโพลงอย่างประหลาดใจ เธออยู่กับกู้จุนเฟิงที่ร้านเหล้าไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
มองไปรอบด้าน คล้ายกับห้องของโรงแรม เวลาตอนนี้ เสียงน้ำในห้องอาบน้ำหยุดกะทันหัน เธอรีบเอนกายลงอีกครั้งหนึ่ง แสร้งทำเป็นว่ายังไม่ตื่น
ใจกลับเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เธออยู่ในห้องกับเสี่ยวจื๋อ คิดแค่นั้นก็เพียงพอทำให้ใจยิ่งเต้นแรงขึ้นไปอีก เธอขบฟันแน่น แก้มแดงแปร๊ด
เสียงก้าวเท้าเดินเข้ามา สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ จิตใต้สำนึกสั่งให้หลินเวยมี่กลั้นหายใจไว้ ไม่กล้าหายใจแรง กลัวเขาจับได้
“ตื่นแล้วหรอ?” เสียงเรียบเหมือนน้ำดังขึ้นมา แฝงรอยยิ้มน้อย
“เธอรู้ได้อย่างไรน่ะ?” หลินเวยมี่ตอบกลับจากจิตใต้สำนึก ลืมตาขึ้น ปะทะเข้ากับดวงตายิ้มคู่นั้น ใจเต้นตุ้บตั้บทันที แก้มสองข้างร้อนผ่าว
“ยัยเซ่อ เธอตื่นเต้นจนลืมหายใจไปแล้ว” กู้จุนเฟิงหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผม นั่งที่เก้าอี้ข้างๆตามใจชอบ อมยิ้ม “เธอดื่มจนเมาแล้ว ฉันก็เลยพาเธอมาที่นี่ดีกว่า”
“อ้อ ช่างน่าอายเสียจริง ” เธอเบ้ปาก ไม่คาดคิดว่าจะดื่มจนเมาต่อหน้าเสี่ยวจื๋อ ช่างน่าขายหน้าเสียจริงเลย
“ทีหลังดื่มน้อยๆนะ” เขาพูดจบก็หยิบมือถือเครื่องเล็กวางลงตรงหน้าเธอ “เขาโทรมาหลายครั้งแล้ว เธออยากจะรับสายเขาสักหน่อยไหม?”
สีหน้าของหลินเวยมี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ขมวดคิ้วย่น รีบถาม “ใครหรอ?”
“ฉู่เฉินซี” กู้จุนเฟิงบอกเบาๆ วางโทรศัพท์ไว้บนมือของเธอ หมุนตัวเดินไปที่ระเบียง หลีกหนีจากความเจ็บปวด
สีหน้าของหลินเวยมี่เปลี่ยนเล็กน้อย มือจับโทรศัพท์แข็งทื่อ พลิกดูบันทึกการโทร เห็นเบอร์บนหน้าจอ เธอไม่เคยบันทึกชื่อของฉู่เฉินซีไว้ แล้วทำไมเขาถึงรู้ละ?
ยิ่งรู้สึกปวดหัว ในเวลานั้น โทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่ระวังกดไปโดนปุ่มรับสาย เสียงแผดดังขึ้นมา
“นังตัวดี! เธอวิ่งหนีไปอยู่ที่ไหนอีกแล้ว?”