บทที่ 48 เหตุสุดวิสัยที่สวยงาม(2)
“เมื่อวานไปไหนมา ทำไมถึงไปจูบกับโจ่วชิงช๋วนในรถได้” ฉู่เฉินซีพูดกระตุกตรงที่จะพูดคำว่าจูบ แววตาของเขาก็ดูแข็งขึ้น
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” หลินเวยมี่ตอบกลับด้วยความรำคาญ เธอจำเรื่องเมื่อวานไม่ได้แล้ว ตอนนี้ก็ยังรู้สึกมึนมึนอยู่ โดยเฉพาะตอนที่ถูกฉู่เฉินซีถาม เธอก็ระเบิดความโกรธออกมา
“คุณไปหาเขาทำไม ผมบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าไม่ให้คุณเข้าใกล้สองพี่น้องนั้น”
“ก็เพราะคุณนั้นแหละที่บอกให้ฉันถอดแหวนนี้ออก”
หลินเวยมี่พูดพึมพำ แต่สีหน้าของฉู่เฉินซีกลับดีขึ้น
ที่แท้หลินเวยมี่อยู่กับโจ่วชิงช๋วนก็เพราะเขาเป็นคนบอกเธอให้เอาแหวนออก
ฉู่เฉินซียิ้มมุมปาก อารมณ์ดีขึ้น ดูเหมือนว่าเธอก็ฟังคำพูดของเขาอยู่
เขารีบเอาไปกอดเอวเธอและยิ้มให้เธอ “ช่างเถอะ ผมยกโทษให้”
หลินเวยมี่ใช้หลังมือเช็ดออก เธอเหอะเบาๆไม่อยากจะสนใจเขา แต่ในหัวเธอกลับคิดถึงเรื่องเมื่อวานตลอด เมื่อวานก็แค่ถูกเย่เซียงถงวางยาง ทำไมถึงถูกวางยาแบบไม่มีเหตุผล
“เป็นใครกันแน่” หลินเวยมี่ถามด้วยความโกรธ
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องสนใจหรอก ผมจะเป็นคนจัดการเอง” ฉู่เฉินซีตอบกลับแบบนิ่ง แสดงออกว่าเรื่องนี้เขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก
หลินเวยมี่มองค้อนไปที่เขา ที่แท้เขาก็สืบมาจนรู้หมดแล้วว่าเย่เซียงถงวางยาเธอ ดังนั้นเลยพยายามที่จะปกป้องเย่เซียงถง ไม่ให้เธอเป็นคนจัดการ คิดไม่ถึงเลยว่าฉู่เฉินซีก็เป็นคนหลายใจ
“เชอะ ฉู่เฉินซี นายดูแลผู้หญิงของนายให้ดีๆหน่อย” เธอตะโกนใส่เขาด้วยความไม่พอใจ เธอไม่สนว่าเย่เซียงถงจะเป็นผู้หญิงของใคร เธอรู้แค่ว่าเมื่อวานเธอขาดทุนย่อยยับอีกแล้ว
ฉู่เฉินซีจ้องมองไปที่เธอ พยักหน้า “ถูกต้องผมควรจะสั่งสอนคุณให้มากกว่านี้หน่อย”
“สั่งสอนอะไรฉัน นายอย่ามาแกล้งโง่นะ”
“ผู้หญิงของผมไม่ใช่คุณหรอ คุณอยากให้ผมดูแลคุณแบบไหนหรอ” ฉู่เฉินซียิ้ม แววตาเต็มไปด้วยความตลก
“เย่เซียงถงละ เธอก็เป็นผู้หญิงของนายไม่ใช่หรอ” หลินเวยมี่มองค้อนไปที่เขา
“เธออะหรอ” เขายักคิ้ว และทำหน้านิ่ง “เธอเป็นได้มากสุดก็แค่นางบำเรอ หรือว่าเป็นแค่ของเล่น จะเป็นผู้หญิงของผมเธอยังไม่ได้มาตรฐาน”
“งั้นฉันก็เป็นคนที่โชคดีมากเลยซินะ” เธอหัวเราะออกมา
“หาได้ยากมากเลยนะที่คุณจะรู้ตัวแบบนี้”
หลินเวยมี่เม้มปาก ดูเหมือนว่าจะเป็นการพูดที่เล่นตัวเอง ไม่อยากจบประเด็นอยู่ที่หัวข้อนี้ เธอมองไปรอบๆในห้องและพบว่าเธออยู่ในวิลล่าของเขา
“คุณจะไปจากที่นี่ไม่ใช่หรอ” เธอถาม ตอนแรกคิดว่าจะไม่เจอเขาหนึ่งอาทิตย์ คิดไม่ถึงเลยว่าคิดกับความเป็นจริงจะขัดแย้งกันตลอด
“อยากให้ผมไปจากที่นี่มากขนาดนั้นลยหรอ” ฉู่เฉินซีถามอย่างไม่พอใจ คิดไม่ถึงว่าแค่คำพูดคำเดียวของเธอจะทำให้เขาอารมณ์เปลี่ยนแปลง คิ้วขมวดเข้ามาชนกัน เห็นชัดเจนว่ากำลังไม่พอใจ
“ถ้าไม่อย่างงั้นละ” เธอลุกออกมาจากเตียง เปิดตู้เสื้อผ้าดูพบว่าข้างในมีแต่เสื้อผ้าผู้ชาย แถมบางตัวยังไม่ได้ตัดป้ายราคาออก
“มีเสื้อผ้าผู้หญิงมั้ย หรือว่าคุณอยากจะยืนคุยกับฉันแบบนี้ มันแปลกมากเลยนะ”
“แปลกมากหรอ ผมว่าก็ไม่เลวนะ” ฉู่เฉินซีเข้ามากอดเธอจากข้างหลัง เขาขมวดคิ้ว “เอาผ้าห่มออกเถอะ ไม่ค่อยชิน”
“ฉู่เฉินซี อย่ามาทะลึ่งนะ” หลินเวยมี่ตกใจจนดึงผ้าห่มมาคลุมดีๆ และจ้องไปที่เขา
ฉู่เฉินซีเอามือวางไว้บนตู้เสื้อผ้า และวิเคราะห์ผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมอกของเขา “ทะลึ่งหรอ ไม่ใช่ครั้งสองครั้งซักหน่อย เมื่อวานใครให้ผมช่วยนะ”
หลินเวยมี่หน้าแดงจนถึงคอ ก้มหน้าลงด้วยความอับอาย และบ่นว่า “ฉู่เฉินซี นายคนเลว เมื่อวาน เมื่อวานมันเป็นเหตุสุดวิสัย”
“เหตุสุดวิสัยงั้นหรอ ไม่รู้ว่าวันนี้จะไม่ระวังแล้วเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นอีกรึเปล่านะ” เขาหายใจรดหน้าที่แดงของเธออย่างได้ใจ และหายใจข้างๆหูของเธอ
“ฉู่เฉินซี ฉันบอกไว้เลยนะ ถ้านายยังเป็นแบบนี้อีกละก็ ฉันจะ” หลินเวยมี่กัดฟันแน่นในขณะนั้นเธอไม่รู้ว่าจะขู่เขาว่ายังไงดี เหมือนที่เธอเคยโดนเขาขู่ จะขู่ฉู่เฉินซีงั้นหรอ ไม่รู้จริงๆว่าจะพูดแบบไหนให้เขารู้สึก
“คุณจะยังไงหรอ จะเอาตัวเข้าแลกหรอ” เขาเอาปลายนิ้วจิ้มที่แก้มของเธอ ริมฝีปากแสดงออกถึงเสน่ห์ที่ชั่วร้าย
“ผมจะกล้ำกลืนรับเอาไว้แล้วกันนะ” เขาก้มหน้าหัวเราะ
ตัวเธอสั่นและกำหมัดแน่นหน้าของเธอก็ยิ่งแดงขึ้น “ฉู่เฉินซี”
ฉู่เฉินซีก้มมามองผู้หญิงที่กำลังขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ก้มหน้าแล้วเอามือไปลูบที่ลำคอ “ผมชอบแมวน้อย”
“โรคจิต”
“รู้สึกยังไงบ้าง” เขาหัวเราะเบาๆ และริมฝีปากเขายังมีรอยยิ้ม
เธอถูกเอากอดเอาไว้ไม่มีทางหนี จมูกของเธอเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเขา แต่ไม่รู้สึกเลี่ยนกลับกันรู้สึกว่ามันหอม
เธอรู้สึกว่าเธอกำ