บทที่ 54 เขากำลังเตรียมงานแต่ง(2)
หน้าจอใหญ่ของห้างเปิดโฆษณา เธอถอนหายใจอีกครั้ง และยืนมองหน้าจอกับผู้คนทั่วไป
จู่ๆในหน้าจอนั้นก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนเป็นตำรวจแบกผ้าสีขาวของมา และฉากนั้นก็ดูวุ่นวาย
“วันนี้ช่วงเช้าเวลาสิบโมงตรง ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังเย่เซียงถงได้กระโดดตึกเสียชีวิต สาเหตุอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ”
หลินเวยมี่อึ้งมองดูศพที่ถูกห่อด้วยผ้าสีขาว หัวใจของเธอเต้นเร็ว ในหัวของเธอคิดไปเองว่าต้องเกี่ยวกับฉู่เฉินซีแน่ๆ
เรื่องแบบนี้ก็มีแค่ฉู่เฉินซีคนเดียวเท่านั้นที่จะกล้าทำ ถึงว่าละตอนนั้นถึงบอกกับเธอว่าอย่าถาม ที่แท้ตอนนั้นก็ตัดสินใจแล้วว่าจะจัดการกับเย่เซียงถงแบบนี้
จู่ๆความหวาดกลัวก็ถาโถมเข้ามา ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมากจริงๆ
เธอถอนหายใจ ทันใดนั้นร่างกายของเธอก็ไม่มีเรี่ยวแรง ก้มมองดูบาดแผลที่อยู่บนมือ ผ้าพันแผลจากตอนแรกเป็นสีขาวตอนนี้เป็นสีแดงแล้ว
เธอไม่ได้ลืม เธอพึ่งจะทะเลาะกับฉู่เฉินซีมา ถ้าเมื่อไหร่ที่ฉู่เฉินซีหมดความสนใจในตัวเธอแล้ว จุดจบของเธอก็ต้องเป็นแบบนี้ใช่มั้ย
ผู้ชายที่เหมือนกับปีศาจคนนี้ เธอหรี่ตาลง ถ้าเป็นไปได้ละก็เธอไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้อีก
จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอสะดุ้งตกใจ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
เย่หนิงโทรมมา เธอพึ่งจากนึกออกว่า หลังจากกินข้าวกับเย่เซียงถงเสร็จ พวกเธอยังไงได้ติดต่อกันเลย
“เวยมี่เธอเห็นข่าวรึยัง”เย่เซียงถงกระโดดตึกฆ่าตัวตาย เย่หนิงพูดด้วยความตื่นตกใจ
หลินเวยมี่ถือโทรศัพท์และกวาดสายตามองขึ้นไปบนจอ “ฉันรู้แล้ว”
“เมื่อวานเธอยังเชิญพวกเราไปกินข้าวอยู่เลย ผ่านไปแค่คืนเดียวคิดไม่ถึงว่าเธอจะฆ่าตัวตาย” เย่หนิงถามด้วยความตกใจสงสัย “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ฉันจะไปหาเธอ”
หลินเวยมี่มองไปรอบๆและเห็นป้ายบอกทาง และบอกที่อยู่กับเย่หนิง และวางสายไป และมองดูหน้าจอ จิตใจเธอห่อเหี่ยว
ในเวลาไม่นานก็มีรถมาจอดอยู่ตรงหน้าเธอ เปิดกระจกรถ เย่หนิงรีบโบกมือให้เธอ “เวยมี่ ขึ้นรถ”
หลินเวยมี่ยืนงงซักพัก มองไปที่ที่นั่งคนขับคือโจ่วชิงช๋วน หน้าของเธอก็แดงขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เหตุการณ์พึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แถมเธอยังเป็นคนจูบเขา
“เวยมี่ รีบขึ้นรถเร็ว” เย่หนิงยังคงร้องตะโกนต่อ
หลินเวยมี่เม้มปาก เปิดประตูรถเข้าไปนั่ง และรถก็ออกไปทันที และจอดอยู่ข้างๆร้านกาแฟร้านนึง
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ เมื่อวานเย่เซียงถงยังดูเป็นคนที่ยังไม่มีเรื่องอะไรอยู่เลย คิดไม่ถึงว่าจะกระโดดตึก” เย่หนิงพูดอย่างใส่อารมณ์ และคนกาแฟที่อยู่ตรงหน้าของเธอ
หลินเวยมี่มีเรื่องให้คิดมาก ดื่มกาแฟไปหนึ่งคำ เธอเงยหน้าขึ้นมาและสบตากับสายตาที่ร้อนแรง เธอหน้าแดง เธอรีบหลบสายตา
“เวยมี่ เมื่อวาน” โจ่วชิงช๋วนก็ดูไม่เป็นตัวของตัวเอง พูดอย่างเก้อเขิน แต่ไม่รู้ว่าจะถามยังไงดี
“เรื่องเมื่อวานฉันลืมไปหมดแล้ว” เธอรีบยกกาแฟขึ้นมาดื่ม แต่กลับโดนลวก เธอไม่ได้คายออกมาแต่รีบกลืนลงไป เธอโดนลวกจนตาเธอแดง
“เธอจะตื่นเต้นทำไม”โจ่วชิงช๋วนหัวเราะและถาม
หลินเวยมี่ยิ่งอึดอัดใจ มองดูแหวนบนมือของเธอ และรีบยื่นมือออกไป “ถอดแหวนออก”
โจ่วชิงช๋วนมองไปที่เธอ ไม่ได้ทำอะไร แต่แววตาของเขาดูเศร้า
“พวกเธอ” เย่หนิงมองดูพวกเขาและถาม “เวยมี่เธอสนิทกับพี่ช๋วนตั้งแต่เมื่อไหร่”
หลินเวยมี่เม้มปากอย่างเก้อเขิน เธอไม่ได้สนิทกับเขาเลย ไม่ได้สนิทเลย
“เย่หนิง เธออย่าเพิ่มความวุ่นวาย ไว้ฉันจะบอกเธอคราวหลัง”
“มือของเธอได้รับบาดเจ็บหรอ” โจ่วชิงช๋วนถามอย่างตกใจ และดึงมือของเธอมาดู และถามด้วยความงงงวย
“อืม ไม่ระวังก็เลยเป็นแบบนี้” เธอดึงมือกลับมาวางไว้ข้างลำตัว ไม่ให้พวกเขาเห็นอีก
“เวยมี่ ใช่ไม่ใช่แม่เลี้ยงเธอ” เย่หนิงถามด้วยความเป็นห่วง แต่ว่ามีโจ่วชิงช๋วนอยู่ตรงนี้ด้วยก็เลยไม่ได้ถามต่อ
“ไม่ใช่หรอก ฉันไม่ระวังเองจริงๆ” หลินเวยมี่รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา มีความเป็นห่วงมันดีจริงๆนะ
เย่หนิงขมวดคิ้วมองไปที่เธอ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าไม่เชื่อที่เธอพูด และถอนหายใจแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“โจ่วชิงช๋วนถอดแหวนนี้ออกให้ฉันด้วย” เธอพูดต่อ
โจ่วชิงช๋วนเม้มปาก ไม่มีทางเลือก ทำได้แค่ถอดแหวนออกมา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “เวยมี่คุณไม่ให้เกียรติผมเลยนะ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องให้เกียรติคุณ จริงๆนะ” ในทันใดนั้นเธอก็คิดว่าเธอไม่มีความกดดันอีกแล้ว
ความหมายของแหวนวงนี้มันมากมายจริงๆ เธอไม่สามารถที่จะแบกรับไว้ได้ และถ้าคนอื่นเข้าใจผิดอีกมันก็ไม่ดี
“คุณทำผมเสียใจ” เขาถอนหายใจ และใส่แหวนลงในกระเป๋าเสื้อ
หลินเวยมี่สีหน้าหมดคำพูด ไม่มีอารมณ์มาจอแจกับเขา เธอถอนหายใจยาวๆและมองไปข้างนอก
“เวยมี่ ช่วงนี้พี่ชายมาหาเธอบ้างมั้ย” น้ำเสียงของโจ่วชิงช๋วนเต็มไปด้วยความระวัง และสีหน้าของเขามีความเป็นกังวล
พอได้ยินชื่อของกู้จุนเฟิงใจเธอก็เต้นแรง เธอส่ายหน้า “ไม่มา”
โจ่วชิงช๋วนมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของเธอมีสีแดง โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินชื่อของกู้จุนเฟิง เขาสังเหตุได้ว่าแววตาของเธอเต็มไปด้วยความรัก
“ช่วงนี้เขามีเรื่องยุ่งอะไรงั้นหรอ”เธอถามเบาๆ
โจ่วชิงช๋วนกระพริบตา เขาเอานิ้วเคาะลงบนโต๊ะ ภายในใจสับสนวุ่นวาย ไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องนั้นออกไปดีมั้ย
อยากเห็นจริงๆว่าถ้าหลินเวยมี่รู้เรื่องนี้เธอจะมีอาการยังไง
แต่อีกใจนึงก็ไม่อยากเพราะกลัวว่าเธอจะเป็นแบบที่เขาคิดเอาไว้
“เขาเป็นยังไงกันแน่ นายรีบพูดสิ” หลินเวยมี่เริ่มไม่พอใจ และถามย้ำ
โจ่วชิงช๋วนเงยหน้าขึ้น สบตาเธอ และพูดว่า “เขากำลังยุ่งกับการเตรียมงานแต่ง”